xs
xsm
sm
md
lg

วิกฤตปัญหาทำวิถีชีวิตชาวเลเปลี่ยนไม่มีที่ทำกิน/ถูกฟ้องไล่ที่

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

ศูนย์ข่าวภูเก็ต - สารพัดปัญหารุมเร้าทำชีวิตชาวเลในฝั่งอันดามันเปลี่ยน รอความหวังนำมติ ครม.ปี 53 ไปสู่ปฏิบัติ ทั้งที่อยู่มานานกว่า 300 ปี แต่ไม่มีสิทธิครอบครอง หรือมติ ครม.ปี 53 ทำไปเพื่อความสวยหรู แต่ไม่นำสู่การแก้ปัญหาที่แท้จริง
ครอบชาวเลที่อาศัยอยู่ในพื้นที่ฝั่งอันดามัน
ชาวเลเป็นกลุ่มคนที่อาศัยอยู่ใน 5 จังหวัดอันดามัน ภูเก็ต พังงา สตูล ตรัง และกระบี่ มานานกว่า 300 ปีแล้ว ซึ่งชาวเลที่อาศัยอยู่ในฝั่งอันดามันนั้น แบ่งออกเป็น 3 กลุ่ม คือ กลุ่มชาวเลมอแกน มอแกลน และอูรักราโว้ย รวมประมาณ 12,000 คน แม้ว่าคนเหล่านี้จะเข้ามาอาศัยอยู่เป็นเวลานาน แต่ปัจจุบัน ปัญหาเรื่องที่อยู่อาศัย ที่ประกอบอาชีพ หรือแม้แต่สถานที่ที่ใช้ประกอบพิธีกรรมกลับเป็นปัญหาใหญ่ที่ยังไม่ได้รับการแก้ไข ซึ่งรวมถึงปัญหาเรื่องของสัญชาติ

ทั้งๆ ที่ก่อนหน้านี้ ชาวเล หรือชาวไทยใหม่ได้เรียกร้องให้หน่วยงานภาครัฐที่เกี่ยวข้องเข้ามาแก้ไขปัญหาความเดือดร้อนมาโดยตลอด จนเป็นที่มาของมติ ครม. ปี 2553 ที่มอบหมายให้กระทรวงที่เกี่ยวข้องร่วมกันแก้ปัญหา และฟื้นฟูวิถีชีวิตชาวเล แต่จนถึงขณะนี้ การแก้ไขปัญหาของชาวเลยังไม่เริ่ม และมีแนวโน้มว่าปัญหาจะเพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ ไม่ว่าจะเป็นปัญหาการฟ้องขับไล่ชาวเลออกจากที่ดินในพื้นที่ราไวย์ การจับกุมชาวเลที่เข้าไปดำน้ำจับปลาในเขตอุทยานฯ เนื่องจากเข้าใจว่าเป็นพื้นที่ที่สามารถจับสัตว์น้ำได้
ร่วมวงเสวนาหาทางออกแก้ปัญหาชาวเล
นายนิรันดร์ หยังปาน คณะทำงานชาวเล เครือข่ายผู้ประสบภัยสึนามิและสิทธิชุมชน กล่าวถึงปัญหาของชาวเลในพื้นที่ฝั่งอันดามัน ว่า ปัญหาของชาวเลทั้ง 3 กลุ่มมีเหมือนกัน คือ นโยบายการพัฒนาที่ละเลยชาวเล ทำให้ถูกแย่งชิงที่ดิน และที่ทำกินในทะเล ประการแรก มาจากการพัฒนาการท่องเที่ยว ทำให้ที่ดินราคาแพงขึ้น ส่งผลให้ถูกไล่ที่ ถูกเบียดออกจากที่ดินดั้งเดิม รวมถึงพื้นที่ศักดิ์สิทธิ์เพื่อประกอบพิธีกรรม และสุสานก็ถูกยึด ถูกรุกรานเพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ ประการที่สอง การประกาศเขตอุทยานฯ หรือเขตอนุรักษ์ทางทะเล ทำให้ชาวเลไม่มีสิทธิเข้าไปหากินในที่ทำกินดั้งเดิมที่เคยเข้าไปตั้งแต่บรรพบุรุษ

“แม้ว่าเมื่อวันที่ 2 มิถุนายน 2553 จะมีมติ ครม.ให้กระทรวงที่เกี่ยวข้องร่วมกันแก้ปัญหา และฟื้นฟูวิถีชีวิตชาวเล แต่จนถึงขณะนี้ ยังไม่มีการนำมติ ครม.ไปสู่การปฏิบัติให้เป็นจริง และมีแนวโน้มว่าปัญหาจะเพิ่มมากขึ้น เช่น ชาวเลถึง 25 ชุมชนที่มีโอกาสถูกไล่ที่ ทั้งที่ดินรัฐ และที่ดินเอกชน โดยเฉพาะที่ชุมชนราไวย์ ภูเก็ต กำลังถูกฟ้องขับไล่จากที่ดิน ซึ่งเอกชนที่มาอ้างสิทธิเหนือที่ดินที่ชาวบ้านอาศัยอยู่ในปัจจุบัน”  
ชาวเลส่วนหนึ่งที่ถูกเจ้าหน้าที่อุทยานจับกุมดำเนินดคี
“แม้แต่พื้นที่ที่ใช้สำหรับจัดงานวันรวมญาติชาวเลที่ ชายหาดราไวย์ จ.ภูเก็ต ซึ่งเป็นที่สาธารณะที่ชาวบ้านใช้เดินทางเข้าออก และจอดเรือมานาน ก็กำลังถูกเอกชนอ้างสิทธิ และพยายามไม่ให้ใช้พื้นที่จะจัดงานเป็นที่สาธารณะที่เราใช้เดินเข้าออก และจอดเรือมายาวนานก็ถูกเอกชนอ้างสิทธิ ซึ่งปัญหานี้เกิดเรื่องของที่อยู่อาศัยไม่ได้มีเฉพาะที่ราไวย์เท่านั้น แต่ที่ชุมชนสิเหร่ แหลมตุ๊กแก ต.รัษฎา จ.ภูเก็ต ก็กำลังมีปัญหาที่ดิน มีนายทุนจากกรุงเทพฯ มาซื้อที่ดินของพวกเขา ที่เกาะพีพี จ.กระบี่ ก็เช่นเดียวกัน ซึ่งไม่รู้ว่าจะอาศัยอยู่ได้นานแค่ไหน”

นายนิรันด์ กล่าวต่อไปว่า นอกจากปัญหาเรื่องที่อยู่อาศัยแล้ว ชาวเลยังประสบปัญหาเรื่องสุสาน และสถานที่ศักดิ์สิทธิ์เพื่อทำพิธีกรรม ซึ่งทั้งอันดามันมี 15 แห่ง กำลังถูกรุกราน ไม่มีใครสนใจ พื้นที่พิธีกรรมหลาโต๊ะบูชา ที่ชุมชนเกาะสิเหร่ ถูกขายไปในราคาที่สูงมาก สุสานก็มีคนปิดประตูรั้ว และปัญหาที่ทำกินในทะเล ปัจจุบัน ชาวเลไม่มีสิทธิเข้าไปหากินในที่ทำกินดั้งเดิม ที่เราทำมาตั้งแต่บรรพบุรุษไม่ได้ ทำให้ชาวเลต้องออกไปหาปลาในทะเลลึก ซึ่งหลังมีมติ ครม. มีชาวเลถูกเจ้าหน้าที่อุทยานฯ จับกุมพร้อมยึดเรือ อุปกรณ์ และสัตว์น้ำแล้วถึง 32 ราย ซึ่งการถูกจับส่งผลให้ครอบครัวเดือดร้อน มีหนี้สินเพิ่มขึ้นจำนวนมาก ปัญหาที่บีบคั้นพวกเราทำให้ต้องออกหากินไกล และดำน้ำลึก 30-50 เมตร ส่งผลให้เกิดอาการน้ำหนีบ มีปัญหาต่อสุขภาพ ทำให้ชาวเลหลายคนต้องตาย หรือพิการ
ชาวเลที่ป่วยเป็นโรคน้ำหนีบไม่สามารถเดินได้
นอกจากนี้ ชาวเลยังมีปัญหาเรื่องชาวเลที่ไม่มีบัตรประชาชน อีกกว่า 600 คน ปัญหาการศึกษา ภาษา และวัฒนธรรมกำลังสูญหาย อคติจากคนในสังคมรอบข้าง ซึ่งในปัจจุบัน เด็ก การศึกษา ภาษา และวัฒนธรรมกำลังสูญหาย อคติจากคนในสังคมรอบข้าง ซึ่งในปัจจุบัน เด็ก เยาวชนชาวเลขาดความภาคภูมิใจในวัฒนธรรมของตนเอง และปัญหาอื่นๆ อีกมากมาย การไม่มีบัตรประชาชนของชาวเลเป็นปัญหาสำคัญอีกอย่างหนึ่งที่ส่งผลกระทบไปยังปัญหาสังคมอื่นๆ และถูกจำกัดในการเข้าถึงสิทธิพื้นฐานต่างๆ ของรัฐ ไม่ว่าจะเป็นเบี้ยยังชีพ การคุ้มครองแรงงาน การเดินทาง และโดยเฉพาะอย่างยิ่งการรักษาพยาบาลซึ่งส่งผลต่อคุณภาพชีวิตโดยตรง
เรือประมงที่ชาวเลใช้ในการออกหาปลาในทะเล
ขณะที่ พล.อ.สุรินทร์ พิกุลทอง ประธานสถาบันพัฒนาองค์กรชุมชน กล่าวถึงการแก้ไขปัญหาให้แก่ชาวเล ว่า โดยส่วนตัวมองว่า การแก้ปัญหาของชาวเลยังไม่เริ่ม เพราะส่วนราชการยังไม่ได้ดำเนินการอะไร มัวแต่ไปทะเลาะกัน ไปสู้เพื่อใครก็ไม่รู้ สู้เพื่อคนต่างประเทศไม่ได้ทำอะไรเพื่อประชาชนสักอย่าง ที่เริ่มคือ การรวมตัวกัน มีการเสนอให้กระทรวงวัฒนธรรมแต่งตั้งคณะกรรมการฯ ขึ้นมา โดยอ้างมติ ครม. เรื่องวัฒนธรรมชาวเล แต่การจะฟื้นฟูวัฒนธรรมชาวเลได้นั้น เรื่องของที่ดินต่างๆ ทั้งที่อยู่อาศัย ที่ทำกิน สถานที่ประกอบพิธีกรรม ต้องไม่เป็นปัญหา จึงได้มีการตั้งคณะกรรมการฯ ขึ้นมา 1 ชุด และให้ตนเป็นประธานฯ แต่เมื่อตั้งเสร็จก็เปลี่ยนรัฐมนตรีพอดี ไม่แน่ใจว่ามีการเซ็นแล้วหรือยัง ก็จะดำเนินการทันที ซึ่งการแก้ปัญหาไม่ใช่เฉพาะชาวเลอย่างเดียว แต่จะแก้ในส่วนของชาวเขา และอื่นๆ ด้วย
ชาวเลที่ป่วยเป็นโรคน้ำหนีบเนื่องจากการดำน้ำลึกต้องใช้รถที่ต่อเป็นขึ้นเป็นพิเศษในการเดินทางไปใหนมาใหน
สำหรับการแก้ปัญหาชาวเลนั้นไม่ยากเลย หากเป็นไปหลักฐานต่างๆ ที่มีการสืบค้นกันมา ซึ่งคนปัจจุบันเป็นรุ่นที่ 8 นับถอยหลังไปอีก 7 รุ่น ก่อนที่จะตั้งกรุงเทพมหานครด้วยซ้ำไป การฟ้องร้องกันของผู้ที่อ้างสิทธิในที่ดิน และชาวเล บังเอิญว่าไม่มีการลงเผชิญสืบ พอเห็นโฉนดก็บอกว่าใช่ แต่จะทับหัวใครอย่างไรไม่ได้บอกไม่ได้ดู เห็นโฉนดแล้วถือว่าใช่อย่างเดียวคงไม่ใช่ เพราะโฉนดที่ออกมาไม่ต่ำกว่า 20% ออกมาด้วยเงินทั้งสิ้น ที่ภูเก็ตก็เช่นเดียวกัน มีผู้ว่าฯ ท่านหนึ่งที่ตายไปแล้วออกโฉนดบนภูเขาเต็มไปหมด ปัญหามากมาย
ทางเข้าหมู่บ้านชาวเลที่ยังมีสภาพถนนเป็นดิน
การแก้ปัญหาที่จริงแก้ไม่ยาก หากพูดความจริง เอาความจริงมาวางบนโต๊ะ แต่ปัญหาคือ ไม่มีผู้มีอำนาจที่ตั้งตนขึ้นมาให้มีอำนาจแล้วทำให้ได้ หากตั้งกรรมการขึ้นมาแล้ว สิ่งแรกที่ทำ คือ ตั้งวงเพื่อมาสรุปวางแผนแนวทางในการเดินว่าจะไปทิศทางใด โดยมาสรุปประเด็นปัญหาสำคัญเร่งด่วน หากเป็นเรื่องที่ดิน ก็ให้บอกว่าที่ดินที่ไหนที่ฟ้องร้องไม่ว่าบนบก หรือในน้ำ แล้วนำหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเข้ามาพูดข้อเท็จจริงกัน เอากฎหมายที่เกี่ยวข้องมาวาง ไม่ต้องแก้กฎหมายใหม่ สามารถแก้ปัญหาได้หมด เพราะว่าทราบอยู่แล้ว และต้องเอากฎหมายมารักษาความเป็นธรรม ความยุติธรรมตามที่ในหลวงสอนไว้


กำลังโหลดความคิดเห็น