กระบี่ - เกษตรกรสิทธิชุมชนไร้ที่ทำกิน กลับลำปักหลักอยู่ในสวนปาล์มน้ำมัน ม.6 ต.คลองขนาน ต่อถึงแม้ก่อนหน้านี้รับปากกับอธิบดีกรมไม้ว่าจะสลายออกจากพื้นที่ อ้างว่าไม่มีที่ดินทำกิน พร้อมแก้เกี้ยว รวมตัวบุกศาลากลาง ทวงสัญญาผู้ว่าฯ
จากกรณีเมื่อวันที่ 4 ธันวาคม 2555 นายบุญชอบ สุทธมนัสวงศ์ อธิบดีกรมป่าไม้ นายประสิทธิ์ โอสถานนท์ ผู้ว่าราชการจังหวัดกระบี่ ได้ลงพื้นที่สวนปาล์มน้ำมันที่หมดอายุสัมปทานของห้างหุ้นส่วนกระบี่รวมภัณฑ์ จำกัด เนื้อที่กว่า 1 พันไร่ หมู่ที่ 6 บ้านคลองหวายเล็ก ตำบลคลองขนาน อำเภอเหนือคลอง จังหวัดกระบี่ เพื่อเจรจาให้ทางกลุ่มเกษตรกรสิทธิชุมชนไร้ที่ดินทำกินจังหวัดกระบี่ ที่เข้ายึดพื้นที่สวนปาล์ม ออกจากสวนปาล์ม และคืนพื้นที่ให้กับกรมป่าไม้ หลังเข้ายึดครองนานร่วม 7 เดือนเศษ และจากการเจรจาได้ข้อยุติ โดยทางกลุ่มเกษตรกรฯยอมสลายตัวออกจากสวนปาล์ม และทางกลุ่มชาวบ้านที่ต่อต้านยอมเปิดทางไม่มีการตั้งด่านสกัดในพื้นที่ ม.2 ต.คลองขนาน
ล่าสุดเวลา 13.00 น.วันนี้ ( 6 ธ.ค.) กลุ่มเกษตรกรสิทธิชุมชนไร้ที่ดินทำกิน ประมาณ 150 คน นำโดยนายประสาน มัยยะ ตัวแทนกลุ่มเกษตรกรสิทธิชุมชนไร้ที่ดินทำกิน ได้รวมตัวกันเดินทางมาที่หน้าศาลากลางจังหวัดกระบี่ พร้อมนำหนังสือเปิดผนึก เรื่อง ขอทวงถามสัญญาจากท่านผู้ว่าราชการจังหวัดกระบี่ นายประสิทธิโอสถานนท์ จำนวน 3 ข้อ 1.เมื่อวันที่ 3 ธ.ค.ที่ผ่านมา ในห้องประชุมป่าไม้ 12 โดยมีอธิบดีกรมป่าไม้เป็นประธานการประชุมฯท่านผู้ว่าราชการจังหวัดกระบี่ ได้สัญญาว่าเมื่อทุกอย่างตกลงด้วยดี ท่านจะสั่งให้ยกเลิกการปิดถนน เข้าออก บริเวณแยกบ้านห้วยโศก ม.2 ต.คลองขนาน ที่ชาวบ้านตั้งด่านอยู่ แต่ปรากฏว่าท่านผู้ว่าไม่ได้มีการสั่งการให้ยกเลิก ยังคงมีการตั้งด่านบนถนน
2.สวนปาล์มที่ขาดอายุสัมปทาน 10 ปี เงินที่เสียภาษีภาคหลวงอยู่ที่ไหน ใครรับผิดชอบ 3.เมื่อวันที่ 5 กันยายน 55 ป่าไม้ได้เข้ามาเปิดรับสมัครให้ชาวบ้านมาลงทะเบียน ชาวบ้านจึงได้เข้ามาสร้างที่พักอาศัย แล้วด้วยเหตุผลได จึงให้ชาวบ้านรื้อถอนบ้านที่พักอาศัยออกไป 4.ถ้าจะให้ชาวบ้านออกจากพื้นที่ค่าเสียหายทั้งหมด เช่น บ้านที่สร้างเสร็จแล้วประมาณ 1,500 หลัง บ้านเด็กกำพร้า 32 หลัง บ้านคนพิการ 18 หลัง มัสยิด 1 หลัง อนุสาวรีย์สมเด็จ ร.5 พระเจ้าตาก หลวงปู่ทวด และสิ่งอุปโภคทั้งหลายถ้าขนย้ายหรือรื้อถอนใครเป็นผู้รับผิดชอบ และ 5.เรื่องเด็กนักเรียน ที่มาเรียนหนังสือผู้ปกครองไม่มีที่อยู่ใครเป็นผู้รับผิดชอบ
นายประสาน มัยยะ ตัวแทนกลุ่มเกษตรกรสิทธิชุมชนไร้ที่ดินทำกิน กล่าวว่า พวกตนจะปักหลักอยู่ในสวนปาล์มและไม่ยอมออกจากพื้นที่อย่างเด็ดขาด หากว่าทางเจ้าหน้าที่ของรัฐยังไม่มีความชัดเจนตามข้อเรียกร้องที่ได้เสนอไป ถึงแม้ว่าก่อนหน้านี้จะได้มีการตกลงกันแล้วก็ตาม เพราะทางเจ้าหน้าที่ไม่ทำตามสัญญา
และต่อมาทางนายสมาน แสงสอาด รองผู้ว่าราชการการจังหวัดกระบี่ ได้ลงมาพบกับกลุ่มเกษตรกรสิทธิชุมชนไร้ที่ดินทำกิน พร้อมรับเรื่องไว้ และสัญญาว่าหาจะดูแลความปลอดภัยให้กับเกษตรกรอย่างเต็มที่ และด่านตรวจสกัดที่ชาวบ้านตั้งอยู่บนถนนก็ได้ให้เจ้าหน้าที่ตำรวจเข้าไปดูแลแล้ว ทางกลุ่มม็อบจึง
จากกรณีเมื่อวันที่ 4 ธันวาคม 2555 นายบุญชอบ สุทธมนัสวงศ์ อธิบดีกรมป่าไม้ นายประสิทธิ์ โอสถานนท์ ผู้ว่าราชการจังหวัดกระบี่ ได้ลงพื้นที่สวนปาล์มน้ำมันที่หมดอายุสัมปทานของห้างหุ้นส่วนกระบี่รวมภัณฑ์ จำกัด เนื้อที่กว่า 1 พันไร่ หมู่ที่ 6 บ้านคลองหวายเล็ก ตำบลคลองขนาน อำเภอเหนือคลอง จังหวัดกระบี่ เพื่อเจรจาให้ทางกลุ่มเกษตรกรสิทธิชุมชนไร้ที่ดินทำกินจังหวัดกระบี่ ที่เข้ายึดพื้นที่สวนปาล์ม ออกจากสวนปาล์ม และคืนพื้นที่ให้กับกรมป่าไม้ หลังเข้ายึดครองนานร่วม 7 เดือนเศษ และจากการเจรจาได้ข้อยุติ โดยทางกลุ่มเกษตรกรฯยอมสลายตัวออกจากสวนปาล์ม และทางกลุ่มชาวบ้านที่ต่อต้านยอมเปิดทางไม่มีการตั้งด่านสกัดในพื้นที่ ม.2 ต.คลองขนาน
ล่าสุดเวลา 13.00 น.วันนี้ ( 6 ธ.ค.) กลุ่มเกษตรกรสิทธิชุมชนไร้ที่ดินทำกิน ประมาณ 150 คน นำโดยนายประสาน มัยยะ ตัวแทนกลุ่มเกษตรกรสิทธิชุมชนไร้ที่ดินทำกิน ได้รวมตัวกันเดินทางมาที่หน้าศาลากลางจังหวัดกระบี่ พร้อมนำหนังสือเปิดผนึก เรื่อง ขอทวงถามสัญญาจากท่านผู้ว่าราชการจังหวัดกระบี่ นายประสิทธิโอสถานนท์ จำนวน 3 ข้อ 1.เมื่อวันที่ 3 ธ.ค.ที่ผ่านมา ในห้องประชุมป่าไม้ 12 โดยมีอธิบดีกรมป่าไม้เป็นประธานการประชุมฯท่านผู้ว่าราชการจังหวัดกระบี่ ได้สัญญาว่าเมื่อทุกอย่างตกลงด้วยดี ท่านจะสั่งให้ยกเลิกการปิดถนน เข้าออก บริเวณแยกบ้านห้วยโศก ม.2 ต.คลองขนาน ที่ชาวบ้านตั้งด่านอยู่ แต่ปรากฏว่าท่านผู้ว่าไม่ได้มีการสั่งการให้ยกเลิก ยังคงมีการตั้งด่านบนถนน
2.สวนปาล์มที่ขาดอายุสัมปทาน 10 ปี เงินที่เสียภาษีภาคหลวงอยู่ที่ไหน ใครรับผิดชอบ 3.เมื่อวันที่ 5 กันยายน 55 ป่าไม้ได้เข้ามาเปิดรับสมัครให้ชาวบ้านมาลงทะเบียน ชาวบ้านจึงได้เข้ามาสร้างที่พักอาศัย แล้วด้วยเหตุผลได จึงให้ชาวบ้านรื้อถอนบ้านที่พักอาศัยออกไป 4.ถ้าจะให้ชาวบ้านออกจากพื้นที่ค่าเสียหายทั้งหมด เช่น บ้านที่สร้างเสร็จแล้วประมาณ 1,500 หลัง บ้านเด็กกำพร้า 32 หลัง บ้านคนพิการ 18 หลัง มัสยิด 1 หลัง อนุสาวรีย์สมเด็จ ร.5 พระเจ้าตาก หลวงปู่ทวด และสิ่งอุปโภคทั้งหลายถ้าขนย้ายหรือรื้อถอนใครเป็นผู้รับผิดชอบ และ 5.เรื่องเด็กนักเรียน ที่มาเรียนหนังสือผู้ปกครองไม่มีที่อยู่ใครเป็นผู้รับผิดชอบ
นายประสาน มัยยะ ตัวแทนกลุ่มเกษตรกรสิทธิชุมชนไร้ที่ดินทำกิน กล่าวว่า พวกตนจะปักหลักอยู่ในสวนปาล์มและไม่ยอมออกจากพื้นที่อย่างเด็ดขาด หากว่าทางเจ้าหน้าที่ของรัฐยังไม่มีความชัดเจนตามข้อเรียกร้องที่ได้เสนอไป ถึงแม้ว่าก่อนหน้านี้จะได้มีการตกลงกันแล้วก็ตาม เพราะทางเจ้าหน้าที่ไม่ทำตามสัญญา
และต่อมาทางนายสมาน แสงสอาด รองผู้ว่าราชการการจังหวัดกระบี่ ได้ลงมาพบกับกลุ่มเกษตรกรสิทธิชุมชนไร้ที่ดินทำกิน พร้อมรับเรื่องไว้ และสัญญาว่าหาจะดูแลความปลอดภัยให้กับเกษตรกรอย่างเต็มที่ และด่านตรวจสกัดที่ชาวบ้านตั้งอยู่บนถนนก็ได้ให้เจ้าหน้าที่ตำรวจเข้าไปดูแลแล้ว ทางกลุ่มม็อบจึง
