สตูล - ขบวนการค้าน้ำมันเถื่อนยังเหิม ลอบดัดแปลงเรือประมง 2 สัญชาติขนดีเซล-เบนซิน ร่วมหมื่นลิตรเข้าพื้นที่ จ.สตูล ล่าสุด รวบได้กลางทะเล 2 ลำ พร้อมลูกเรือทั้งชาวไทย และชาวมาเลเซีย
วันนี้ (3 พ.ย.) พ.ต.อ.พิษณุ อัชนะพรกุล ผกก.สืบสวนตำรวจภูธรจังหวัดสตูล มอบหมายให้ พ.ต.ท.ประจบ แก้วฉีด รอง ผกก.สส. และ ร.ต.อ.ศุลรักษ์ นิลนิยม รอง สว.กก.สส.ภ.จว.สตูล นำกำลังเจ้าหน้าที่ออกลาดตระเวนทางทะเล หลังการข่าวสืบทราบว่า มีการพยายามลักลอบขนน้ำมันจากประเทศเพื่อนบ้านเข้ามาในราชอาณาจักร จึงจัดกำลังตั้งจุดสุ่มสกัด
พบเรือประมงดัดแปลงตามสายข่าวรายงานแล่นผ่านมา ในเวลาประมาณ 02.00 น. กลางดึกที่ผ่านมา (3 พ.ย.) ที่บริเวณเกาะยาว หมู่ที่ 3 ต.ปูยู อ.เมืองสตูล ทะเบียนเรือพีเอสเอฟ 2233 ขนาดกว้าง 4.72 เมตร ยาว 14.63 เมตร ซึ่งเป็นเรือประมง 2 สัญชาติ จึงเรียกตรวจสอบพบน้ำมันดีเซลบรรจุในแกลลอนขนาด 2,000 ลิตร จำนวน 3 ถัง รวมทั้งสิ้น 5,100 ลิตร พร้อมหัวจ่ายน้ำมันติดอยู่ด้านข้างเรือ โดยมีอุปกรณ์ทำประมงบังหน้า จึงขอตรวจสอบใบอนุญาตนำเข้า ทั้งนี้ ไม่พบการเสียภาษีจึงควบคุมลูกเรือประมง 3 คน ซึ่งเป็นมีภูมิลำเนาอยู่ในเปอร์ลิส ประเทศมาเลเซีย ไปสอบสวน โดยบุคคลดังกล่าวไม่มีหนังสือเดินทางด้วย
ต่อมา ในเวลาไล่เลี่ยกัน ที่บริเวณหมู่ที่ 1 ต.ตันหยงโป อ.เมืองสตูล พบเรือประมง 2 สัญชาติดัดแปลง ทะเบียนเคเอฟ 5380 ขนาดเรือกว้าง 5.49 เมตร ยาว 19.30 เมตร ลักษณะคล้ายกันกับลำแรก มีพฤติกรรมพิรุธจึงเข้าตรวจสอบ พบน้ำมันเบนซินบรรจุในถังไฟเบอร์ ขนาด 5,000 ลิตร จำนวน 1 ถัง เก็บน้ำมันทั้งสิ้น 3,800 ลิตร โดยพบหัวจ่ายน้ำมัน และสายน้ำมันพร้อมถ่ายเททันทีมากกว่า 2 หัว และมีเครื่องมือประมงตบตาเจ้าหน้าที่ ทั้งนี้ ไม่มีใบอนุญาตครอบครองและนำเข้า จึงควบคุมตัวลูก นายวิเชษฐ์ โต๊ะลาวัล อายุ 38 ปี ชาวหมู่ 2 ต.คลองขุด อ.เมืองสตูล พร้อมลูกเรืออีก 2 คน ส่งดำเนินคดีในข้อหานำพาของที่ยังมิได้เสียภาษี หรือต้องห้าม หรือซ่อนเร้นลักลอบเข้าในราชอาณาจักรโดยผิดกฎหมาย ซึ่งควบคุมตัวผู้ต้องหาทั้ง 2 ลำส่ง สภ.เมืองสตูล และเตรียมส่งด่านศุลกากรดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป
สำหรับการจับกุมในครั้งนี้ เป็นมาตรการปราบปรามขบวนการค้าน้ำมันเถื่อนใน จ.สตูล ที่ทะลักเข้ามาทั้งทางบก และทางทะเล แม้เจ้าหน้าที่จะมีความพยายามเอาจริงเอาจัง แต่กลุ่มผู้ค้าน้ำมันก็ยังคงมีการลักลอบนำเข้าอย่างต่อเนื่อง เนื่องจากราคาในประเทศกับเพื่อนบ้านมีความแตกต่างกันมากถึง 6-7 บาท ทำให้เป็นแรงจูงใจในการกระทำผิด