xs
xsm
sm
md
lg

แกนนำ ปชป.โวยเลือก ส.อบจ.ตรังแพ้ เหตุซื้อเสียงกันรุนแรง

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


ตรัง - นายก อบจ.ตรัง กิจ หลีกภัย พอใจเก้าอี้ ส.อบจ.ที่ได้มา 22-23 ที่นั่ง เชื่อเพียงพอต่อการบริหารตลอดเวลา 4 ปี ขณะที่แกนนำผู้สมัคร ปชป.โวยพบซื้อเสียงกันอย่างรุนแรง ย้ำแม้สอบตกหมดก็ยังเดินหน้าทำงานต่อ

นายกิจ หลีกภัย นายกองค์การบริหารส่วนจังหวัด (อบจ.) ตรัง 4 สมัย ในฐานะหัวหน้าทีมกิจปวงชน กล่าวถึงการเลือกตั้งสมาชิกสภา อบจ. (ส.อบจ.) ครั้งล่าสุดที่ผ่านมาว่า ไม่เกินไปจากความคาดหมายที่วิเคราะห์เอาไว้ตั้งแต่ต้น โดยทีมของตนได้มีการส่งผู้สมัครอย่างเป็นทางการ 21 ที่นั่ง และสามารถสอบผ่านไปได้ 18 ที่นั่ง หรือสอบตกไป 3 ที่นั่ง และมีอยู่ 2 พื้นที่ที่แม้จะไม่ส่งผู้สมัครในนามทีมกิจปวงชน แต่พร้อมสนับสนุนให้ตนเองทำหน้าที่ฝ่ายบริหารอย่างเต็มที่ ก็คือ เขตเลือกตั้งที่ 2 อำเภอย่านตาขาว และเขตเลือกตั้งที่ 2 อำเภอนาโยง อย่างไรก็ตาม ผู้สมัครทั้งคู่สามารถสอบผ่านไปได้แค่ 1 ที่นั่งเท่านั้น จึงทำให้เสียงในสภาขณะนี้จะอยู่ที่ 19 ที่นั่ง จากจำนวนเก้าอี้ ส.อบจ.ตรัง ที่มีทั้งหมด 30 ที่นั่ง

สำหรับสาเหตุที่บางพื้นที่ผู้สมัครในนามทีมกิจปวงชนสอบตกนั้น เกิดมาจากหลายๆ ปัจจัย เช่น การไม่ลงไปทำงาน หรือดูแลปัญหาให้แก่ชาวบ้านอย่างต่อเนื่อง ซึ่งตนก็เคยได้รับทราบข่าว และมีการเตือนผู้สมัครบางคนไปแล้ว ประกอบกับมีเรื่องของการซื้อเสียงเกิดขึ้นในบางพื้นที่ด้วย จึงทำให้ผู้สมัครเหล่านั้นต้องสอบตกไปอย่างน่าเสียดาย อย่างไรก็ตาม ยังมี ส.อบจ.ในนามอิสระ อีก 3-4 คน ที่ได้รับการเลือกตั้งในครั้งนี้ และพร้อมจะเข้ามาสนับสนุนให้ตนเป็นนายก อบจ.ตรัง ซึ่งทำให้เสียงในสภาของทีมกิจปวงชนอยู่ที่ 22-23 ที่นั่ง โดยถือได้ว่าเพียงพอต่อการบริหารงานอย่างราบรื่น แม้จำนวนเสียงสนับสนุนจะน้อยกว่าสมัยเมื่อปี 2551 เนื่องจากการเลือกตั้งนายก และ ส.อบจ.ในสมัยนี้อยู่คนละครั้งกัน จึงทำให้การหาเสียงช่วยผู้สมัครไม่เต็มที่นัก

ด้าน นายพินิจ เขตตะเคียน หรือ ส.จ.กบ อดีต ส.อบจ.ตรัง เขตเลือกตั้งที่ 1 อำเภอห้วยยอด ซึ่งพ่ายแพ้ให้แก่คู่แข่งในการเลือกตั้งครั้งนี้ กล่าวว่า โดยภาพรวมของการส่งผู้สมัครในนามทีมพรรคประชาธิปัตย์ รวม 6 ที่นั่ง ทั้งในพื้นที่อำเภอห้วยยอด และอำเภอวังวิเศษนั้น ถือว่าทุกคนได้ทำหน้าที่อย่างเต็มที่แล้ว แม้ท้ายสุดจะสอบตกทั้งหมด แต่หากให้ผู้สมัครทั้ง 2 ฝ่าย ลงสู้กันแบบตัวต่อตัว ตนเชื่อมั่นว่า ทีมพรรคประชาธิปัตย์จะเป็นผู้ชนะ เพียงแต่มีเรื่องของการซื้อเสียงเกิดขึ้นอย่างรุนแรงในบางพื้นที่

อย่างไรก็ตาม ถึงจะพ่ายแพ้แต่พวกตนก็ไม่รู้สึกท้อถอย และยังคงทำทีมต่อไป โดยยึดนโยบายการสู้ด้วยคะแนนเสียงที่บริสุทธิ์ ไม่ว่าอีกฝ่ายจะมีการซื้อเสียงหรือไม่ก็ตาม เพื่อสร้างปรากฏการณ์ใหม่ทางการเมือง ซึ่งวันหนึ่งประชาชนจะต้องให้การยอมรับ

สำหรับการนับคะแนนที่หน่วยเลือกตั้งนั้น นายพินิจ มองว่า ทำให้การซื้อเสียงทำได้ง่าย เนื่องจากผู้ที่รับเงินไปแล้วจะไม่กล้าเบี้ยว เพราะมีผู้คอยเช็กชื่ออยู่หน้าหน่วยเลือกตั้ง ส่วนคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ก็เอาผิดยาก เพราะกว่าจะรู้ว่าผู้ใดจ่ายเงิน หรือผู้ใดรับเงิน การเลือกตั้งก็จบไปแล้ว จึงไม่สามารถไปหาหลักฐานได้แบบคาหนังคาเขา

อีกทั้งในส่วนของผู้รับเงินก็ยังมีความผิดตามกฎหมายด้วย ซึ่งทำให้ไม่มีใครอยากจะมาเป็นพยานให้แก่อีกฝ่าย และที่ผ่านมา ตนก็ไม่เคยเห็นผู้สมัครคนใดถูกแจกใบแดงเพราะซื้อเสียง ขณะที่ประชาชนเองก่อนเลือกตั้งก็บ่นกันว่า ส.อบจ.ที่เลือกเข้าไปมิได้ทำอะไรให้เลย แต่พอถึงวันเลือกตั้งจริงๆ ก็ยังคงไปเลือกคนเก่าเหมือนเดิม ส่วนคนใหม่ที่ไม่ซื้อเสียงกลับไม่ได้รับความสนใจ

กำลังโหลดความคิดเห็น