ตรัง - จับคาหนังคาเขา วันรุ่น 2 คน ชาว อ.กันตัง กำลังมุดรั้วลวดหนาม เตรียมนำโทรศัพท์มือถือขว้างเข้าไปในเรือนจำ จ.ตรัง สุดท้ายไม่รอดถูกเจ้าหน้าที่ลาดตระเวนรวบได้ สารภาพรับจ้างเที่ยวละ 10,000 บาท เจ้าหน้าที่เตรียมสอบขยายผล
เมื่อเวลา 10.30 น.วันนี้ (26 ก.ย.) นายประวัติ แซมมณี ผู้บัญชาการเรือนจำ จ.ตรัง ได้แถลงข่าวผลการจับกุมนายพิพัฒน์พงศ์ (นามสมมติ) อายุ 18 ปี และนายอดิศร (นามสมมติ) อายุ 17 ปี โดยทั้งหมดเป็นชาว ต.บางเป้า อ.กันตัง จ.ตรัง พร้อมของกลางโทรศัพท์มือถือยี่ห้อต่างๆ 6 เครื่อง ที่ชาร์จแบตเตอรี่โทรศัพท์มือถือ 7 อัน ซิมการ์ด 6 อัน รวมทั้งหูฟัง และบลูทูธจำนวนหนึ่ง ซึ่งซุกซ่อนอยู่ในห่อกระดาษที่พันด้วยผ้าเทป และฟองน้ำกันกระแทกอย่างดี ขณะกำลังเตรียมขว้างปาโทรศัพท์มือถือข้ามกำแพงด้านนอกเข้ามาในเรือนจำ
จากการสอบสวนทั้งคู่ให้การรับสารภาพว่า ได้รับการว่าจ้างจาก นายเจ ไม่ทราบชื่อและนามสกุลจริง เป็นชาวบ้านหาดเลา ต.ปะเหลียน อ.ปะเหลียน จ.ตรัง ให้นำโทรศัพท์มือถือไปขว้างให้แก่ผู้ต้องขังในเรือนจำ จ.ตรัง ในราคาเที่ยวละ 10,000 บาท แต่ขณะที่กำลังมุดลอดรั้วลวดหนามบริเวณด้านหลังกำแพงเรือนจำ และเตรียมกำลังจะขว้างโทรศัพท์มือถืออยู่นั้น ก็ได้มี นายอำนาจ ทุ่มเกตุ และนายอนันต์ เมืองแคล้ว เจ้าหน้าที่ และยามรักษารักษาการณ์ของเรือนจำ จ.ตรัง ซึ่งกำลังปฏิบัติหน้าที่ลาดตระเวนตรวจดูความเรียบร้อยเห็นเข้า และจับกุมได้คาหนังคาเขา
เบื้องต้น ทางเจ้าหน้าที่สันนิษฐานว่า ก่อนหน้านี้ นายเจ น่าจะเข้ามาเยี่ยมผู้ต้องขังชายคนดังกล่าวแล้ว และได้มีการนัดหมายเวลาที่จะมีผู้มาขว้างโทรศัพท์มือถือเข้ามาภายในเรือนจำ แต่ปรากฏว่า ทั้งนายพิพัฒน์พงศ์ และนายอดิศร ทำงานพลาดและถูกจับได้เสียก่อน ซึ่งขณะนี้เจ้าหน้าที่เตรียมขยายผลถึงผู้ต้องขังชายคนดังกล่าว แล นายเจ แล้ว สำหรับนายพิพัฒน์พงศ์นั้น เคยก่อเหตุในลักษณะนี้มาแล้ว 2 ครั้ง ส่วนนายอดิศรนั้น รับว่าเพิ่งทำเป็นครั้งแรก
นายประวัติ แซมมณี ผู้บัญชาการเรือนจำ จ.ตรัง เปิดเผยว่า ในรอบ 1 เดือนที่ผ่านมา ทางเจ้าหน้าที่สามารถตรวจยึด และจับกุมโทรศัพท์มือถือได้ประมาณ 30 เครื่อง รวมทั้งยาบ้า และยาไอซ์ได้อีกจำนวนมาก แม้จะมีมาตรการป้องกันโดยการจัดชุดสายตรวจลาดตระเวนตอนเช้าก่อนไขเรือนนอนผู้ต้องขัง และบริเวณภายนอกและในกำแพงอย่างเข้มงวดก็ตาม แต่ก็ยังมีความพยายามลักลอบขว้างปาสิ่งของเข้ามาในเรือนจำอย่างต่อเนื่อง
ขณะนี้ ทางเรือนจำ จ.ตรัง ได้รับงบประมาณสนับสนุนจากกรมราชทัณฑ์ 95,000 บาท เพื่อสร้างตาข่ายรั้วไนลอนบริเวณด้านหลังเรือนจำ แต่สามารถสร้างได้แค่ความสูง 8 เมตร ยาว 90 เมตร ทั้งที่กำแพงเรือนจำขณะนี้ยาวถึง 130 เมตร ดังนั้น จึงต้องสร้างตาข่ายรั้วไนลอนเฉพาะในจุดที่ล่อแหลมก่อน และเมื่อได้รับงบมาเพิ่มเติมก็สามารถสร้างให้ครอบคลุมทุกจุด อีกทั้งรั้วลวดหนามที่มีอายุการใช้งานมานานก็มีการผุขาดแล้วหลายจุด ซึ่งขณะนี้ เรือนจำกำลังอยู่ระหว่างรองบซ่อมแซม แต่ก็ยังมีปัญหาขาดแรงงานผู้ต้องขังที่สามารถทำงานนอกพื้นที่ได้
นอกจากนี้ ในอนาคตยังมีโครงการจะพัฒนาเรือนจำ จ.ตรัง ให้เป็นเรือนจำสีขาวให้ได้ภายใน 6 เดือน เหมือนที่เคยทำมาในจังหวัดต่างๆ แต่ทั้งนี้ ต้องขึ้นอยู่กับตัวแปรสำคัญ คือ ญาติผู้ต้องขัง และผู้ต้องขังที่พ้นโทษไปแล้ว เพราะเป็นผู้ที่รู้สภาพพื้นที่ภายในเรือนเป็นอย่างดี ดังนั้น จึงอยากขอความร่วมมือจากทุกฝ่าย