ตรัง - “โกหัวแดง” อดีตนายกเล็กเมืองกันตัง จ.ตรัง เตรียมร้อง กกต.กลาง อ้างพบการใช้เงินซื้อเสียงของบางทีมสะพัดสูงถึง 50-60 ล้านบาท ด้าน “โกง้วน” ว่าที่นายกเล็กเมืองกันตังคนใหม่ไม่กังวลจะถูกสอย ระบุเป็นเพียงเกมการเมือง
นายสรนนท์ จิโรจน์มนตรี หรือโกง้วน หัวหน้าทีมสรนนท์ และว่าที่นายกเทศมนตรีเมืองกันตังคนใหม่ กล่าวว่า การที่ตนสามารถเอาชนะนายสมเกียรติ ภาษีทวีเกียรติ หรือโกหัวแดง หัวหน้ากลุ่มรักษ์กันตัง และนายกเทศมนตรีสมัยล่าสุด ได้ด้วยคะแนนเสียงอย่างขาดลอยนั้น เป็นเพราะพี่น้องประชาชนคงจะได้เห็นแล้วว่า ในช่วงสมัยที่แล้วซึ่งตนไม่ได้เข้ามาบริหารนั้น เทศบาลเมืองกันตังต้องอยู่ในสภาพที่ตกต่ำลงเพียงใด จากเดิมที่เคยได้รับรางวัลต่างๆ มาอย่างมากมาย เช่น ด้านความสะอาด ด้านอาสาสมัครป้องกันภัยฝ่ายพลเรือน (อปพร.) หรือด้านสถานศึกษา กลับหายเงียบไปในสมัยที่ผ่านมา แถมยังเกิดปัญหาต่างๆ ขึ้นอีกจำนวนมาก
เช่นเดียวกับกรณีที่ลูกทีมสรนนท์ ซึ่งลงสมัครในตำแหน่งสมาชิกสภาเทศบาล (ส.ท.) และสามารถเข้าสู่สภาได้ 15 ต่อ 3 ที่นั่ง ก็เป็นผลมาจากการที่ตลอดช่วงระยะเวลา 4 ปีที่ผ่านมา แม้ตนเองจะสอบตกไม่ได้กลับมาเป็นนายกเทศมนตรีเมืองกันตังในสมัยที่ 3 ติดต่อกัน แต่ทีมสรนนท์ก็ได้เดินหน้าทำกิจกรรมทางการเมืองมาอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะการช่วยเหลือพี่น้องประชาชนอย่างเต็มที่ ต่างกับทีมคู่แข่งที่ไม่ค่อยจะมีผลงานที่เด่นชัด จึงได้เปิดโอกาสให้ตนกลับมาพัฒนาเมืองกันตังเจริญก้าวหน้าอีกครั้ง ส่วนจะมีการร้องเรียนหรือไม่ ตนไม่รู้สึกกังวล โดยเฉพาะกรณีกระแสการใช้เงินซื้อเสียง ที่ตนมองว่าเป็นเพียงเกมการเมืองมากกว่า
ด้าน นายสมเกียรติ ภาษีทวีเกียรติ หรือโกหัวแดง หัวหน้ากลุ่มรักษ์กันตัง และนายกเทศมนตรีเมืองกันตังสมัยล่าสุด กล่าวว่า แม้เรื่องการแพ้ชนะเป็นเสมือนเกมกีฬาชนิดหนึ่ง แต่สิ่งที่ตนและพี่น้องประชาชนอีกส่วนหนึ่งยอมรับไม่ได้ก็คือ พบการใช้เงินซื้อเสียงของบางทีมเกิดขึ้นอย่างมโหฬาร โดยประมาณการว่าอาจจะมีตัวเลขสะพัดสูงถึง 50-60 ล้านบาท แถมยังมีข้าราชการบางคนไปช่วยจัดการให้ด้วย ขณะที่หลายหน่วยงานที่มีส่วนเกี่ยวข้องกับการเลือกตั้งกลับทำเฉยเมย หรือทำเป็นปิดหูปิดตาไม่รู้ไม่เห็น ถือเป็นการเลือกตั้งเทศบาลเมืองกันตังที่สกปรกที่สุดครั้งหนึ่ง และทำให้ระบอบประชาธิปไตยถูกทำลายย่อยยับ
สำหรับวิธีการใช้เงินซื้อเสียงของบางทีมนั้น จะวางเป็น 3 ชั้น รวมเป็นเงินหัวละ10,000 บาท ตั้งแต่ก่อนเลือกตั้ง วันเลือกตั้ง และหลังวันเลือกตั้ง โดยที่ผ่านมา ในชั้นที่ 1 และชั้น 2 ได้มีการจ่ายเงินไปแล้วหัวละ 5,000 บาท ส่วนในชั้นที่ 3 ยังไม่มีการจ่าย จนกว่าทุกอย่างจะเรียบร้อย
ซึ่งชี้ให้เห็นว่า ต่อไปไม่มีทางที่คนจนจะเล่นการเมืองท้องถิ่นได้ เพราะแต่ละขั้นตอนล้วนแล้วแต่มีกระแสชองการใช้เงิน ทั้งนี้ กลุ่มรักษ์กันตังกำลังอยู่ระหว่างการรวบรวมพยานหลักฐานทุกอย่างให้รอบคอบ กรณีที่มีการทุจริตการเลือกตั้งเกิดขึ้นโดยวิธีการต่างๆ เพื่อนำเรื่องร้องเรียนต่อทางคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) กลางต่อไป
นายสรนนท์ จิโรจน์มนตรี หรือโกง้วน หัวหน้าทีมสรนนท์ และว่าที่นายกเทศมนตรีเมืองกันตังคนใหม่ กล่าวว่า การที่ตนสามารถเอาชนะนายสมเกียรติ ภาษีทวีเกียรติ หรือโกหัวแดง หัวหน้ากลุ่มรักษ์กันตัง และนายกเทศมนตรีสมัยล่าสุด ได้ด้วยคะแนนเสียงอย่างขาดลอยนั้น เป็นเพราะพี่น้องประชาชนคงจะได้เห็นแล้วว่า ในช่วงสมัยที่แล้วซึ่งตนไม่ได้เข้ามาบริหารนั้น เทศบาลเมืองกันตังต้องอยู่ในสภาพที่ตกต่ำลงเพียงใด จากเดิมที่เคยได้รับรางวัลต่างๆ มาอย่างมากมาย เช่น ด้านความสะอาด ด้านอาสาสมัครป้องกันภัยฝ่ายพลเรือน (อปพร.) หรือด้านสถานศึกษา กลับหายเงียบไปในสมัยที่ผ่านมา แถมยังเกิดปัญหาต่างๆ ขึ้นอีกจำนวนมาก
เช่นเดียวกับกรณีที่ลูกทีมสรนนท์ ซึ่งลงสมัครในตำแหน่งสมาชิกสภาเทศบาล (ส.ท.) และสามารถเข้าสู่สภาได้ 15 ต่อ 3 ที่นั่ง ก็เป็นผลมาจากการที่ตลอดช่วงระยะเวลา 4 ปีที่ผ่านมา แม้ตนเองจะสอบตกไม่ได้กลับมาเป็นนายกเทศมนตรีเมืองกันตังในสมัยที่ 3 ติดต่อกัน แต่ทีมสรนนท์ก็ได้เดินหน้าทำกิจกรรมทางการเมืองมาอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะการช่วยเหลือพี่น้องประชาชนอย่างเต็มที่ ต่างกับทีมคู่แข่งที่ไม่ค่อยจะมีผลงานที่เด่นชัด จึงได้เปิดโอกาสให้ตนกลับมาพัฒนาเมืองกันตังเจริญก้าวหน้าอีกครั้ง ส่วนจะมีการร้องเรียนหรือไม่ ตนไม่รู้สึกกังวล โดยเฉพาะกรณีกระแสการใช้เงินซื้อเสียง ที่ตนมองว่าเป็นเพียงเกมการเมืองมากกว่า
ด้าน นายสมเกียรติ ภาษีทวีเกียรติ หรือโกหัวแดง หัวหน้ากลุ่มรักษ์กันตัง และนายกเทศมนตรีเมืองกันตังสมัยล่าสุด กล่าวว่า แม้เรื่องการแพ้ชนะเป็นเสมือนเกมกีฬาชนิดหนึ่ง แต่สิ่งที่ตนและพี่น้องประชาชนอีกส่วนหนึ่งยอมรับไม่ได้ก็คือ พบการใช้เงินซื้อเสียงของบางทีมเกิดขึ้นอย่างมโหฬาร โดยประมาณการว่าอาจจะมีตัวเลขสะพัดสูงถึง 50-60 ล้านบาท แถมยังมีข้าราชการบางคนไปช่วยจัดการให้ด้วย ขณะที่หลายหน่วยงานที่มีส่วนเกี่ยวข้องกับการเลือกตั้งกลับทำเฉยเมย หรือทำเป็นปิดหูปิดตาไม่รู้ไม่เห็น ถือเป็นการเลือกตั้งเทศบาลเมืองกันตังที่สกปรกที่สุดครั้งหนึ่ง และทำให้ระบอบประชาธิปไตยถูกทำลายย่อยยับ
สำหรับวิธีการใช้เงินซื้อเสียงของบางทีมนั้น จะวางเป็น 3 ชั้น รวมเป็นเงินหัวละ10,000 บาท ตั้งแต่ก่อนเลือกตั้ง วันเลือกตั้ง และหลังวันเลือกตั้ง โดยที่ผ่านมา ในชั้นที่ 1 และชั้น 2 ได้มีการจ่ายเงินไปแล้วหัวละ 5,000 บาท ส่วนในชั้นที่ 3 ยังไม่มีการจ่าย จนกว่าทุกอย่างจะเรียบร้อย
ซึ่งชี้ให้เห็นว่า ต่อไปไม่มีทางที่คนจนจะเล่นการเมืองท้องถิ่นได้ เพราะแต่ละขั้นตอนล้วนแล้วแต่มีกระแสชองการใช้เงิน ทั้งนี้ กลุ่มรักษ์กันตังกำลังอยู่ระหว่างการรวบรวมพยานหลักฐานทุกอย่างให้รอบคอบ กรณีที่มีการทุจริตการเลือกตั้งเกิดขึ้นโดยวิธีการต่างๆ เพื่อนำเรื่องร้องเรียนต่อทางคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) กลางต่อไป
