xs
xsm
sm
md
lg

เทศกาลฮัจญ์ มุสลิมในประเทศเฉลิมฉลองอย่างไร

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


อุสตาซอับดุชชะกูรฺ บิน ชาฟิอีย์  (อับดุลสุโก ดินอะ)
 
ด้วยพระนามของอัลลอฮฺ ผู้ทรงเมตตากรุณาเสมอขอความสันติสุขจงมีแด่ศาสนทูตมุฮัมมัด และผู้เจริญรอยตามท่าน และสุขสวัสดีแด่ผู้อ่านทุกท่าน
 
ปีนี้ วันอีดิ้ลอัฎฮา ปีฮิจเราะฮฺศักราช 1433 จะตรงกับวันที่ 26 ตุลาคม 2555 ทำให้มุสลิมทั่วโลก รวมทั้งประเทศไทยดีใจมาก และได้เตรียมประกอบศาสนกิจ และศาสนกุศลมากมาย
 
สำหรับผู้ที่เดินทางไปทำพิธีฮัจญ์ ณ ประเทศซาอุดีอาระเบีย ของมุสลิมไทย จำนวนประมาณ 12,000 คนจากมุสลิมทั่วโลกนับล้านคน จะประกอบศาสนกิจดังกล่าวอย่างแข็งขันเพราะการประกอบพิธีทำฮัจญ์ เป็น 1 ใน 5 หลักปฏิบัติศาสนกิจของมุสลิม ท่านศาสนทูตมุฮัมมัด ได้กล่าวแก่ชาวมุสลิมเกี่ยวกับฮัจญ์ สรุปความได้ว่า “โอ้ประชาติทั้งหลาย อัลลอฮ. ได้กำหนดฮัจญ์เป็นหน้าที่ของพวกท่าน ดังนั้นท่านทั้งหลายจงทำฮัจญ์”
 
ในเทศนาธรรมอำลาของท่านศานทูตมุฮัมมัด ได้ประกาศปฏิญญาสากลว่าด้วยสิทธิมนุษยชนส่วนหนึ่งไว้ ความว่า “โอ้มนุษย์ทั้งหลาย แท้จริงเลือด ทรัพย์สมบัติ และศักดิ์ศรีของท่านจะได้รับการปกป้องและห้ามมิให้เกิดการล่วงละเมิด จนกว่าท่านทั้งหลายจะกลับไปสู่พระเจ้าของท่าน เฉกเช่นกับการห้ามมิให้มีการล่วงละเมิดในวันนี้ เดือนนี้ และสถานที่แห่งนี้”
 
ดังนั้น ฮัจญ์ จึงเป็นการรวมตัวของประชาชาติมุสลิมที่มีขนาดใหญ่ที่สุดที่สามารถรวบรวมประชาคมที่ก้าวพ้นพรมแดนแห่งชาติพันธุ์ ภาษา และวัฒนธรรม มุสลิมทุกคนต้องประกอบพิธีฮัจญ์แม้ครั้งเดียวในชีวิต
 
สำหรับผู้ที่อยู่ในประเทศไทยจะฉลองวันตรุษ “อีดิ้ลอัฎฮา” ด้วยศาสนกิจ และศาสนกุศลมากมายโดยเฉพาะเชือดสัตว์เพื่อพลีทานเป็นสวัสดิการชุมชน
 
และเป็นที่น่ายินดีว่า กระทรวงกลาโหม อนุมัติให้ทหารกองประจำการที่นับถือศาสนาอิสลามซึ่งมีความประสงค์จะไปประกอบศาสนกิจในวันอีดิ้ลอัฎฮา ปีฮิจเราะฮฺศักราช 1433 ได้หยุดราชการเป็นกรณีพิเศษ มีกำหนด 5 วัน ตั้งแต่วันที่ 24-28 ตุลาคม 2555 ส่วนข้าราชการอื่นๆ ให้ใช้สิทธิการลาเป็นไปตามหลักเกณฑ์ที่กระทรวงกลาโหมกำหนด
 
วันตรุษอีดิ้ลอัฎฮา เป็นคำภาษาอาหรับ มาจากคำว่า อีด แปลว่า รื่นเริง เฉลิมฉลอง และอัฎฮา แปลว่า เชือดสัตว์พลีทาน ดังนั้น วันตรุษอีดิ้ลอัฎฮา จึงหมายถึง วันเฉลิมฉลองการเชือดสัตว์เพื่อพลีทานเป็นสวัสดิการชุมชน
 
สำหรับศานกิจ และสวัสดิการชุมชนที่จะควรปฏิบัติ มีดังนี้

  1. วันที่ 9 ซุ้ลฮิจยะฮฺ ตรงกับวันที 25  ตุลาคม สมควรที่มุสลิมถือศีลอดเพราะท่านศาสนทูตมุฮัมมัด ได้วัจนะไว้ความว่า “ผู้ใดถือศีลอดในวันนี้ อัลลอฮฺจะทรงลบล้างความผิดต่างๆ ในปีที่ผ่านมา และปีต่อไป”

  2. ภารกิจ และข้อควรปฏิบัติในวันตรุษอีดิ้ลอัฎฮา สามารถแบ่งได้สามช่วงดังนี้

    ก. ภารกิจก่อนละหมาด
    1.การตักบีร (สรรเสริญความยิ่งใหญ่ต่ออัลลอฮ์ (ซบ.) ตลอดเวลา) ดังที่อัลลอฮ์ได้ดำรัสในอัลกุรอาน ความว่า “และท่านทั้งหลายจงกล่าวตักบีร อย่างกึกก้องต่อพระองค์” (ซูเราะห์อัลอิสรอ อายะที่ 111)
    2.อาบน้ำ และทำความสะอาดร่างกายก่อนสวมใส่เสื้อผ้าไปยังสถานที่ละหมาด พร้อมทั้งขจัดขนของอวัยวะเพศ ขนรักแร้ ตัดเล็บ และขจัดกลิ่นกาย (โปรดดูบันทึกอิหม่ามมาลิก 1/177 และอิหม่ามซาฟีอี ในหนังสือมุสนัด หมายเลข 88)
    3.แต่งกายด้วยอาภรณ์ที่สวยงาม พร้อมทั้งใช้น้ำหอมยกเว้นสตรี
    4.ไปยังสถานที่ละหมาดตั้งแต่เช้า โดยเฉพาะมะมูม (ผู้ตามละหมาด) ด้วยวิธีดังต่อไปนี้ (สมควรแต่ไม่ใช่เป็นการบังคับ)
    - ออกไป และกลับด้วยการเดินเท้า
    - การเดินไป และกลับจากการละหมาดควรใช้เส้นทางต่างกัน
    - กล่าวสรรเสริญความยิ่งใหญ่ของอัลลอฮ์ ตลอดเวลาขณะเดินทาง

    ข. ละหมาด
    การละหมาดตรุษวันอีดิ้ลอัฎฮาถือเป็นศาสนกิจที่สำคัญที่สุดของวันนี้ เพราะมุสลิมทุกคนไม่ว่าผู้ชาย หญิง เด็ก คนชรา ควรไปร่วมละหมาดที่มัสยิด หรือลานสนามกว้างที่ทางหมู่บ้านจัดเตรียมไว้ (จากทัศนะส่วนใหญ่ของปราชญ์อิสลาม) โดยการละหมาดดังกล่าวจะเริ่มทำในช่วงดวงอาทิตย์ขึ้นประมาณครึ่งชั่วโมง (ประมาณ 07.10 น.)

    ค. ภารกิจหลังละหมาดอีด
    หลังจากละหมาดเสร็จแล้วทุกคนต้องฟังคุบะห์ (ฟังธรรมเทศนา) หลังจากนั้น ทุกคนต่างก็แสดงความยินดีปรีดาต่อกัน แสดงความขอโทษซึ่งกันและกันในสิ่งที่ได้ล่วงละเมิด ทั้งโดยตั้งใจ หรือไม่ตั้งใจก็ตา มหลังจากนั้น ควรบริจาคทานแก่เด็ก คนชรา หรือใครๆก็ได้ ที่ตัวเองประสงค์จะทำทาน ออกไปเยี่ยมเยียนซึ่งกันและกัน อาจจะจัดกิจกรรมบนเวทีให้แก่เด็กๆ เพื่อมอบความสุขให้แก่เขาเหล่านั้น และที่สำคัญทีสุดคือ เชือดสัตว์พลีทาน (กุรบาน)



สำหรับการทำกุรบานนี้ได้ปฏิบัติกันมาตั้งแต่สมัยของท่านศาสนทูตอิบรอฮีม (อาลัยฮิสลาม.) ซึ่งนักปราชญ์ในมัซฮับฮะนาฟีย์มีทัศนะว่า การทำกุรบานเป็นวายิบ (ต้องปฏิบัติทุกคน) ส่วนปราชญ์มัซฮับชาฟีอีย์ถือเป็นกิจสุนัตมุอักกัต คือ ถึงแม้จะไม่บังคับแต่ก็ควรกระทำกันทุกคนเพราะผู้กระทำจะได้ผลบุญอย่างยอดเยี่ยม และท่านศาสนทูตมุฮัมหมัด (ซ๊อลลลัลลอฮูอะลัยฮิวัซัลลัม.) ก็ได้ปฏิบัติอยู่เสมอ ดังนั้น ผู้ที่อยู่ในฐานะที่จะทำได้ ไม่ควรละเลยข้อปฏิบัตินี้อย่างน้อยก็สักครั้งหนึ่งในชีวิต
 
จากท่านอิบนุอับบาสอัครสาวกศาสนทูตเล่าว่า ท่านศาสนทูตทรงกล่าวไว้ความว่า ในวันอีดิ้ลอัดฎาไม่มีการภักดีใดๆ ของมนุษย์จะเป็นที่โปรดปรานรักใคร่ของอัลลอฮ์ ดียิ่งไปกว่าการทำกุรบาน
 
กำหนดเวลาการทำกุรบาน
เริ่มเชือดกุรบานได้ตั้งแต่ดวงอาทิตย์ขึ้นของเช้าวันอีดิ้ลอัฎฮา (หลังละหมาด) จนถึงเวลาละหมาดอัสรีของวันที่ 4 ของวันอีดรวม 4 วัน (วันอีด 1 วันตัชรีก 3 วันซึ่งตรงกับ วันที่ 26-29 ตุลาคม 2555 แต่ระยะเวลาที่ดีเยี่ยมที่ควรเชือดกุรบาน คือ หลังจากเสร็จการละหมาดอีดิ้ลอัฎฮาแล้ว การเชือดควรให้เจ้าของเป็นผู้เชือดเองหากจะมอบให้ผู้อื่นเชือดก็ควรดูการเชือดด้วย
 
คำเนียต (นึกในใจ) ของการเชือดกุรบาน ขณะจะเริ่มเชือดให้เนียตว่า “นี่คือกุรบานของข้าพเจ้า” หากมอบให้ผู้อื่นเชือด คนเชือดต้องเนียตว่า “นี่คือกุรบ่านของ...................ซึ่งมอบให้ข้าพเจ้าเชือด”

คำอ่านก่อนเชือด
บิสมิลลาฮี่ อัลลอฮุฮักบัร อัลลอฮุมมา ฮาซามิง ก้าว่าอี้ลัยก้า ฟ้าตาก๊อบบันมินนี ก้ามาตาก๊อบบั้นต้า มินคอลีลิ๊กก้าอิบรอฮีม ว่ามินฮาบีบี้ก้ามูฮัมมัด
 
ความว่า “ด้วยพระนามของอัลลอฮฺ อัลลอฮฺผู้ทรงยิ่งใหญ่ ข้าแด่อัลลอฮฺ สัตว์กุรบานนี้ของพระองค์ทรงให้เกิดมาและจะกลับไปสู่พระองค์แล้ว ดังนั้ นจงรับจากข้าพระองค์แล้วเหมือนกับที่พระองค์ทรงรับจากนบีอิบรอฮีม และนบีมุฮัมมัดซึ่งเป็นโปรดของท่าน”

สัตว์ที่ใช้ทำกุรบาน
สัตว์ที่ใช้ทำกุรบ่าน คือ อูฐ วัว ควาย แพะ แกะ กีบัช
 
อูฐ ต้องมีอายุ 5 ปีบริบูรณ์ ใช้ทำกุรบานได้ 7 ส่วน ดังนั้น จึงรวมกันทำ 7 คน/อูฐตัวเดียวก็ได้ หรือจะทำคนเดียวก็ยิ่งดี
 
วัว ควาย ต้องมีอายุ 2 ปีบริบูรณ์ ทำกุรบานได้ 7 ส่วน แพะ ต้องมีอายุ 2 ปีบริบูรณ์ ทำกุรบานได้ 1 ส่วน แกะ และกิบัช ต้องมีอายุ 1 ปีบริบูรณ์ หรือเปลี่ยนฟันแล้ว ทำกุรบานได้ 1 ส่วน
 
สัตว์จะทำกุรบาน ต้องอ้วนสมบูรณ์ปราศจากสิ่งตำหนิ หรือโรค ควรมีลักษณะสวยงามสง่า

สัตว์ที่ห้ามทำกุรบาน
สัตว์ที่ห้ามกุรบานไม่ได้ ได้แก่ สัตว์ที่เป็นโรค หรือพิการ หรือไม่สมประกอบ เช่น ตาบอด หูแหว่ง เขาหัก ไม่มีฟัน แคระแกร็น มีท้อง

การแจกกุรบาน
เนื้อสัตว์ที่ทำกุรบานนั้นสามส่วนกล่าวคือ  ให้แจกจ่ายแก่คนยากจน และเพื่อนบ้าน ควรเก็บไว้กินเองเพียงเล็กน้อยเท่านั้น เพราะเมื่อท่านศาสนทูตมุฮัมมัด ทำกุรบานนั้นท่านเอาตับไว้กินเพียงชิ้นเดียว นอกนั้นบริจาคไปหมด นอกจากนี้ ห้ามนำเอาเนื้อ และส่วนต่างๆ ของสัตว์กุรบาน ไม่ว่าจะเป็นเนื้อหนัง หรือกระดูกไปขาย หรือเป็นค่าจ้างเป็นอันขาด
 
วันตรุษอีดิ้ลอัฎฮาปีนี้น่าจะนำเนื้อกุรบานส่วนหนึ่งบริจาค หรือบริจาคเงินทำกุรบาน ผ่านคณะกรรมการอิสลามประจำมัสยิด หรือจังหวัด หรือองค์กรการกุศลต่างๆ ที่จะช่วยเหลือผู้ด้อยโอกาส  ผู้ประสบภัยด้านต่างๆ ทั้งในพื้นที่ หรือนอกพื้นที่ก็ได้
 
หมายเหตุ : อุสตาซอับดุชชะกูรฺ บิน ชาฟิอีย์  (อับดุลสุโก ดินอะ) กรรมการสภาประชาสังคมชายแดนใต้ ฝ่ายวิชาการโครงการพัฒนาเครือข่ายตำบลสุขภาวะจังหวัดชายแดนใต้ อาจารย์พิเศษมหาวิทยาลัยทักษิณ ผู้ช่วยผู้จัดการโรงเรียนจริยธรรมศึกษามูลนิธิ อ.จะนะ จ.สงขลา Shukur2003@yahoo.co.uk http://www.oknation.net/blog/shukur