xs
xsm
sm
md
lg

เรื่องชุด “จิตรกรรมไทยไปโรม ห้าห้า” ว่าด้วย...ศิลปะเพื่อชีวิต (4) / หรินทร์ สุขวัจน์

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

(หมายเหตุ : หรินทร์ สุขวัจน์ ที่ปรึกษาพิพิธภัณฑ์ภูเก็ตไทยหัว รับมอบหมายจากมูลนิธิเด็ก เชื้อเชิญศิลปินไทยบริจาคผลงานให้มูลนิธิแซนโทส ประเทศอิตาลี เพื่อจัดนิทรรศการศิลปะ ณ กรุงโรม ระหว่างวันที่ 19-27 มิถุนายน 2555 เงินรายได้มอบให้แก่มูลนิธิเด็กเพื่อโครงการสร้างโรงเรียนหมู่บ้านเด็ก 2 จังหวัดกาญจนบุรี)
 
ในหมู่ 23 ศิลปินที่ผลงานไปโรมครั้งนี้ มีพวกที่ผมขอเรียกว่าเป็นผู้ที่ทำงานแบบ “ศิลปะเพื่อชีวิต” อยู่ 7 คน

ผมหมายถึงศิลปินที่ต้องการสื่อถึงความจริงในสังคมที่มักไม่น่าอภิรมย์ ที่ต้องวิพากษ์วิจารณ์ กระทั่งต้องการสื่อสาร หรือเรียกร้องถึงการเปลี่ยนแปลงของสังคมหรือสังคมในอนาคตที่ดีกว่า  ซึ่งเริ่มเกิดประกายแห่งจิตสำนึกของศิลปินไทยจำนวนหนึ่งขึ้นอย่างเด่นชัดเป็นครั้งแรกในยุค “เหตุการณ์ 14 ตุลาคม 2516” (หรือ “วันมหาวิปโยค” เป็นเหตุการณ์ที่นักศึกษา และประชาชนในประเทศไทยมากกว่า 5 แสนคน ได้รวมตัวกันเพื่อเรียกร้องรัฐธรรมนูญจากรัฐบาลเผด็จการ จอมพลถนอม กิตติขจร มีผู้เสียชีวิตเกือบร้อยราย บาดเจ็บนับพันคน และสูญหายอีกจำนวนมาก) และได้ส่งผ่านอิทธิพลทางความคิดต่อวงการศิลปะไทยมาจนถึงปัจจุบัน

ไล่ตามอายุ และยุคสมัยได้ดังนี้
 
“Can not think”
พิทักษ์ ปิยะพงษ์ หนึ่งในผู้ก่อตั้ง “แนวร่วมศิลปินแห่งประเทศไทย” ทัพหน้าทางวัฒนธรรมของขบวนการ 14 ตุลา ซึ่งทำหน้าที่ออกแบบสร้างงานจิตรกรรมเพื่อปลุกใจปลุกความคิด จิตสำนึกและโฆษณาทางการเมืองตามแนวทางของขบวนการอย่างคึกคักแหลมคมในช่วงเวลานั้น ผลงานที่ศิลปินเพื่อชีวิตผู้อาวุโสท่านนี้มอบให้แก่มูลนิธิเด็กครั้งนี้ Can not think” ซึ่งแม้จะวาดขึ้นในปี 2552 แต่ก็ยังคงกลิ่นอายแห่งการต่อสู้ทางการเมืองไว้อย่างเต็มเปี่ยม
 
“Bride and Groom”
“Outline and Mind”
จิระศักดิ์ พัฒนพงศ์ ศิลปินแนวเซอเรียลิสม์ อดีตสมาชิกกลุ่มศิลปิน “กังหัน” (2520-2526) ที่มีชื่อเสียงยุคหลัง 6 ตุลาวันมหารัฐประหาร” (2519) ได้รับการคัดเลือกผลงานร่วมนิทรรศการครั้งนี้ 2 ภาพ โดยกลุ่มเพื่อนผู้ดูแลกองทุนจิระศักดิ์ พัฒนพงศ์ (กองทุนจากเงินขายผลงานหลังจากที่เขาเสียชีวิตไปในปี 2544 ด้วยอุบัติเหตุที่ภูเก็ต) ร่วมกันพิจารณามอบให้ “Bride and Groom” และ “Outline and Mind” เป็นผลงานในสไตล์สบายๆ ตามประสาชาวเกาะ ชุดก่อนเขาเสียชีวิตไม่นาน
 
ศิลปินอดีตสมาชิกกลุ่มศิลปิน “กังหัน” อีกคนในนิทรรศการครั้งนี้ก็คือ ไพศาล ธีรพงศ์วิษณุพร ศิลปินแนวเซอเรียลิสม์ ซึ่งผลงานที่ตั้งประเด็นวิพากษ์สังคมโดดเด่นที่สุดในกลุ่ม ซึ่งได้กล่าวถึงในตอนที่ 2 ของบทความชุดนี้ไปแล้ว
 
“How many stones can free Palestine”
“Kleptocracy!!!”
วสันต์ สิทธิเขตต์ ศิลปิน expressionism หนึ่งในผู้ก่อตั้ง “พรรคศิลปิน” (ร่วมกับกลุ่มศิลปินน้อยใหญ่ 17 คน ตั้งเป็นพรรคการเมืองปี 2550 เลิกราปี 2552) ได้มอบภาพวาดจิตรกรรมแนวการเมืองที่แสนถนัดให้ 2 ภาพ “How many stones can free Palestine” และ “Kleptocracy!!!” ซึ่งเขาวาดขึ้นใหม่เพื่อการนี้หมาดๆ หลายคนคุ้นตาผลงานจิตรกรรมในการประท้วงทางการเมืองของเขาดีกับผลงานฉากต่างๆ บนเวทีพันธมิตรฯ ในความขัดแย้งทางการเมืองไทยช่วงปี 2548-2553
 
“Statue in front of highrise, Bangkok”
“Under Taksin Bridge”
มานิต ศรีวานิชภูมิ ช่างภาพ นักเขียน ศิลปินอิสระแนว Conceptual Art นักเคลื่อนไหวทางสังคม ผลงานที่เป็นที่รู้จักคือ ชุดภาพถ่าย Pink Man” ที่เสียดสีการเมือง และสังคมไทยได้รับการคัดเลือกเป็น 1 ใน 100 ช่างภาพที่ดีที่สุดในโลก จากการคัดเลือกของสำนักพิมพ์ไพดอน เมื่อปี 2550 มานิตได้มอบภาพถ่ายขาวดำให้คือ Statue in front of highrise, Bangkok” และUnder Taksin Bridge”ซึ่งภาพหลังนี้ถูกจองในวันแรกๆ ของนิทรรศการที่ราคา 18,000 บาท
 
“Moonlighting”
“Chalong” ภาพพิมพ์ซิลก์สกรีนอีกภาพของสุธี
สุธี คุณาวิชยานนท์ อาจารย์มหาวิทยาลัย (ศิลปากร) ศิลปิน นักวิชาการ และคอลัมนิสต์ เจ้าของรางวัลมนัส เศียรสิงห์ “แดง” ครั้งที่ 2 ประจำปีพุทธศักราช 2549 ซึ่งประกาศว่า สุธีเป็นผู้ที่สามารถนำเอารูปแบบ เทคนิควิธีการมารับใช้เนื้อหาสาระทางการเมืองได้อย่างสอดประสานกลมกลืน ทำให้ผู้เสพได้ตระหนักถึงคุณค่าที่ไม่แยกออกจากกันระหว่างงานศิลปะกับคำว่า สันติภาพ ประชาธิปไตย และการต่อสู้เพื่อความเป็นธรรม “Moonlighting” ภาพพิมพ์ซิลก์สกรีน 1 ใน 2 ภาพของเขามีผู้จองในวันแรกไปในราคา 30,000 บาท
 
“The Thief”
อนุพงษ์ จันทร อาจารย์มหาวิทยาลัย (พระจอมเกล้าเจ้าคุณทหารลาดกระบัง) และศิลปินที่อายุน้อยที่สุดในครั้งนี้ เจ้าของผลงานรางวัลเกียรตินิยมอันดับ 1 เหรียญทอง ประเภทจิตรกรรมในการประกวดศิลปกรรมแห่งชาติครั้งที่ 53 จากผลงาน “ภิกษุสันดานกา” ที่เป็นที่วิพากษ์วิจารณ์ และถกเถียงกันในวงกว้างของสังคมเมื่อไม่กี่ปีที่ผ่านมา ครั้งนี้อนุพงศ์มอบภาพ “The Thief” มาให้

การแบ่งเป็น “ศิลปะเพื่อศิลปะ” (art for art’s sake) และ “ศิลปะเพื่อชีวิต” (art for life’s sake) มีที่มาจากทางฝรั่งเศสในต้นคริสต์ศตวรรษที่ 19  แบ่งแนวทางของศิลปะออกเป็นสองขั้วตรงข้าม คือ ศิลปะที่กล่าวอ้างว่ากว้างไกล ไม่ยึดติดกับผู้คน หรือสิ่งใดๆ นอกจากความซาบซึ้งใจในความสวยงาม กับศิลปะที่แนบแน่นกับสัจจะทางสังคมและการเมือง เข้าสู่สังคมไทยอย่างเข้มข้นผ่านการเสนอความคิดที่ชี้ชัดลงไปที่ผลประโยชน์ของประชาชนจากหนังสือ ศิลปะเพื่อชีวิต ศิลปะเพื่อประชาชน โดยศิลปินนักประวัติศาสตร์นักปฏิวัติ จิตร ภูมิศักดิ์ ช่วงปี 2516

อ่านเรื่องประกอบ
เรื่องชุด “จิตรกรรมไทยไปโรม ห้าห้า” ว่าด้วย...วันเปิด (3) / หรินทร์ สุขวัจน์ 
- เรื่องชุด “จิตรกรรมไทยไปโรม ห้าห้า” ว่าด้วย...ศิลปินไทย (2) / หรินทร์ สุขวัจน์ 
- เรื่องชุด “จิตรกรรมไทยไปโรม ห้าห้า” ว่าด้วย...เหตุ (1) / หรินทร์ สุขวัจน์ 

กำลังโหลดความคิดเห็น