นครศรีธรรมราช - นายทุนบุกรุกป่าเสม็ดขาวพรุควนเคร็ง ใช้รถแบ็กโฮขุดทำร่องปาล์มกว่า 100 ไร่ พบเป็นพื้นป่าสงวนก่อนถูกไฟไหม้อย่างหนัก และมีผู้ฉวยโอกาสใช้เครื่องจักรกลเข้ามาปรับปรุงพื้นที่เพื่อครอบครอง เผยเร่งดำเนินคดีทางกฎหมายเนื่องจากอยู่ในเขตพื้นที่ชุ่มน้ำโลก
เมื่อเวลา 13.00 น. วันนี้ (11 ต.ค.) นายจิระศักดิ์ ชูความดี ผู้อำนวยการสำนักบริหารพื้นที่อนุรักษ์ที่ 5 พร้อมด้วยนายณัฐพล รัตนพันธ์ หัวหน้าส่วนฟื้นฟูพัฒนาพื้นที่อนุรักษ์ สำนักอนุรักษ์ 5 จ.นครศรีธรรมราช ได้นำเจ้าหน้าที่เข้าตรวจสอบบริเวณป่าเสม็ดขาว บ้านเสม็ดงาม ม.8 ต.เคร็ง อ.ชะอวด จ.นครศรีธรรมราช ซึ่งอยู่ในเขตห้ามล่าสัตว์ป่าทะเลน้อย หลังจากได้รับการร้องเรียนว่า มีการเข้าไปใช้รถแบ็กโฮขุดร่องเพื่อทำสวนปาล์มน้ำมัน ทั้งที่บริเวณดังกล่าวนั้นทางหน่วยพิทักษ์ป่าควนเคร็ง อ.ชะอวด จ.นครศรีธรรมราช ได้ทำหนังสือให้ชะลอการดำเนินการใดๆ และมีการเข้าแจ้งความต่อพนักงานสอบสวนของ สภ.ชะอวด ไว้ก่อนหน้านี้แล้ว เมื่อวันที่ 2 ก.ย.ที่ผ่านมา เพื่อรอการพิสูจน์ แต่ปรากฏว่ายังมีการเข้าไปปรับพื้นที่อยู่
ซึ่งจากการเข้าไปตรวจสอบพบว่า บริเวณดังกล่าวนั้นมีร่องรอยถูกไฟไหม้ และมีรถแบ็กโฮ 3 คัน เข้าไปขุดร่องปรับพื้นที่เพื่อทำสวนปาล์มน้ำมันในเนื้อที่ 4 แปลง จำนวน 122 ไร่ และยังมีการปักเขตแดนเพื่อปรับพื้นที่เพิ่มเติมในรอบๆ บริเวณดังกล่าว โดยมีนายทุนจากต่างจังหวัดเข้ามายึดครอง และอ้างเอกสารสิทธิ ส.ค.1
จากนั้นเจ้าหน้าที่ได้ทำการตรวจวัดด้วยจีพีเอส โดยพื้นที่ดังกล่าวถูกระบุว่าเป็นพื้นที่ป่าสงวน ซึ่งอยู่ในเขตห้ามล่าสัตว์ป่าทะเลน้อย ก่อนจะตรวจยึดไว้เป็นของกลางเพื่อดำเนินการตามกฎหมาย พร้อมเร่งดำเนินการกับนายทุนใหญ่ที่เข้ามาบุกรุกต่อไป
นายจิระศักดิ์ ชูความดี ผู้อำนวยการสำนักบริหารพื้นที่อนุรักษ์ที่ 5 เปิดเผยว่า มีผู้ร้องเรียนว่าพื้นที่แห่งนี้มีรถแบ็กโฮเข้ามาปรับพื้นที่เป็นบริเวณกว้าง ทำงานกันทั้งวันทั้งคืน ซึ่งเมื่อเข้ามาตรวจสอบพบว่า เอกสารที่ดินเป็น ส.ค.1 เมื่อปี 2498 ระบุว่า เป็นพื้นที่ทำนา แต่จากการตรวจสอบพบว่าสภาพพื้นที่ไม่ใช่พื้นที่ทำนา ตรวจสอบทางอากาศปรากฏว่า เคยเป็นป่าที่อุดมสมบูรณ์มาก่อน ไม่เคยใช้ประโยชน์อย่างต่อเนื่อง และมีการเข้ามาบุกรุกเมื่อประมาณปี 2551-2552 ผลสืบเนื่องมาจากการจุดไฟเผาช่วงหน้าแล้ง พอต้นไม่ใหญ่โค่นล้มก็ถือโอกาสให้เครื่องจักรกลเข้ามาขุดปรับพื้นที่เพื่อปลูกปาล์มน้ำมัน ซึ่งส่งผลกระทบกับพื้นที่ชุ่มน้ำอย่างหนัก เพราะเป็นพื้นที่ชุ่มน้ำสำคัญระดับโลกของเขตทะเลน้อย จึงจำเป็นต้องเข้ามาดำเนินการจับกุม ถ้าเจ้าของอ้างว่ามีเอกสารสิทธิถูกต้องก็ต้องว่ากันในชั้นศาลต่อไป
“การเข้ามาตรวจสอบแปลงดังกล่าวนี้ค่อนข้างมั่นใจว่าเป็นแปลงที่ถูกบุกรุก และได้เอกสารมาโดยมิชอบ เนื่องจากได้ตรวจสอบข้อมูลอย่างละเอียดว่าเป็นป่าสมบูรณ์ ซึ่งนอกจากแปลงนี้แล้ว ยังมีการตรวจสอบอีกจำนวนมากซึ่งอยู่ในพื้นที่ห้ามล่าสัตว์ป่าทะเลน้อย ในความรับผิดชอบของกรมป่าไม้ ซึ่งพบว่าถูกบุกรุกอีกเป็นจำนวนมาก จึงมีความพยายามควบคุมพื้นที่ให้มีความอุดมสมบูรณ์ต่อไป” นายจิรศักดิ์ กล่าว
เมื่อเวลา 13.00 น. วันนี้ (11 ต.ค.) นายจิระศักดิ์ ชูความดี ผู้อำนวยการสำนักบริหารพื้นที่อนุรักษ์ที่ 5 พร้อมด้วยนายณัฐพล รัตนพันธ์ หัวหน้าส่วนฟื้นฟูพัฒนาพื้นที่อนุรักษ์ สำนักอนุรักษ์ 5 จ.นครศรีธรรมราช ได้นำเจ้าหน้าที่เข้าตรวจสอบบริเวณป่าเสม็ดขาว บ้านเสม็ดงาม ม.8 ต.เคร็ง อ.ชะอวด จ.นครศรีธรรมราช ซึ่งอยู่ในเขตห้ามล่าสัตว์ป่าทะเลน้อย หลังจากได้รับการร้องเรียนว่า มีการเข้าไปใช้รถแบ็กโฮขุดร่องเพื่อทำสวนปาล์มน้ำมัน ทั้งที่บริเวณดังกล่าวนั้นทางหน่วยพิทักษ์ป่าควนเคร็ง อ.ชะอวด จ.นครศรีธรรมราช ได้ทำหนังสือให้ชะลอการดำเนินการใดๆ และมีการเข้าแจ้งความต่อพนักงานสอบสวนของ สภ.ชะอวด ไว้ก่อนหน้านี้แล้ว เมื่อวันที่ 2 ก.ย.ที่ผ่านมา เพื่อรอการพิสูจน์ แต่ปรากฏว่ายังมีการเข้าไปปรับพื้นที่อยู่
ซึ่งจากการเข้าไปตรวจสอบพบว่า บริเวณดังกล่าวนั้นมีร่องรอยถูกไฟไหม้ และมีรถแบ็กโฮ 3 คัน เข้าไปขุดร่องปรับพื้นที่เพื่อทำสวนปาล์มน้ำมันในเนื้อที่ 4 แปลง จำนวน 122 ไร่ และยังมีการปักเขตแดนเพื่อปรับพื้นที่เพิ่มเติมในรอบๆ บริเวณดังกล่าว โดยมีนายทุนจากต่างจังหวัดเข้ามายึดครอง และอ้างเอกสารสิทธิ ส.ค.1
จากนั้นเจ้าหน้าที่ได้ทำการตรวจวัดด้วยจีพีเอส โดยพื้นที่ดังกล่าวถูกระบุว่าเป็นพื้นที่ป่าสงวน ซึ่งอยู่ในเขตห้ามล่าสัตว์ป่าทะเลน้อย ก่อนจะตรวจยึดไว้เป็นของกลางเพื่อดำเนินการตามกฎหมาย พร้อมเร่งดำเนินการกับนายทุนใหญ่ที่เข้ามาบุกรุกต่อไป
นายจิระศักดิ์ ชูความดี ผู้อำนวยการสำนักบริหารพื้นที่อนุรักษ์ที่ 5 เปิดเผยว่า มีผู้ร้องเรียนว่าพื้นที่แห่งนี้มีรถแบ็กโฮเข้ามาปรับพื้นที่เป็นบริเวณกว้าง ทำงานกันทั้งวันทั้งคืน ซึ่งเมื่อเข้ามาตรวจสอบพบว่า เอกสารที่ดินเป็น ส.ค.1 เมื่อปี 2498 ระบุว่า เป็นพื้นที่ทำนา แต่จากการตรวจสอบพบว่าสภาพพื้นที่ไม่ใช่พื้นที่ทำนา ตรวจสอบทางอากาศปรากฏว่า เคยเป็นป่าที่อุดมสมบูรณ์มาก่อน ไม่เคยใช้ประโยชน์อย่างต่อเนื่อง และมีการเข้ามาบุกรุกเมื่อประมาณปี 2551-2552 ผลสืบเนื่องมาจากการจุดไฟเผาช่วงหน้าแล้ง พอต้นไม่ใหญ่โค่นล้มก็ถือโอกาสให้เครื่องจักรกลเข้ามาขุดปรับพื้นที่เพื่อปลูกปาล์มน้ำมัน ซึ่งส่งผลกระทบกับพื้นที่ชุ่มน้ำอย่างหนัก เพราะเป็นพื้นที่ชุ่มน้ำสำคัญระดับโลกของเขตทะเลน้อย จึงจำเป็นต้องเข้ามาดำเนินการจับกุม ถ้าเจ้าของอ้างว่ามีเอกสารสิทธิถูกต้องก็ต้องว่ากันในชั้นศาลต่อไป
“การเข้ามาตรวจสอบแปลงดังกล่าวนี้ค่อนข้างมั่นใจว่าเป็นแปลงที่ถูกบุกรุก และได้เอกสารมาโดยมิชอบ เนื่องจากได้ตรวจสอบข้อมูลอย่างละเอียดว่าเป็นป่าสมบูรณ์ ซึ่งนอกจากแปลงนี้แล้ว ยังมีการตรวจสอบอีกจำนวนมากซึ่งอยู่ในพื้นที่ห้ามล่าสัตว์ป่าทะเลน้อย ในความรับผิดชอบของกรมป่าไม้ ซึ่งพบว่าถูกบุกรุกอีกเป็นจำนวนมาก จึงมีความพยายามควบคุมพื้นที่ให้มีความอุดมสมบูรณ์ต่อไป” นายจิรศักดิ์ กล่าว