นครศรีธรรมราช - ส.ส.นครศรีธรรมราช บี้ทางการเร่งแก้ปัญหาบุกรุกลอบเผาป่าพรุควนเคร็ง ผวจ.นครศรีธรรมราชลงพื้นที่แจกจ่ายหน้ากากกันหมอกควันจากไฟป่า รับปากประสานทบทวนเขต ส.ป.ก.หลังพบเป็นป่าสมบูรณ์จำนวนมาก เร่งส่งชุดเฉพาะกิจลงพื้นที่ ขณะที่คณะกรรมการปฏิรูปที่ดินแห่งชาติยืนยัน กันแนวเขต ส.ป.ก.ปี 2538 ผิดมาตั้งต้น
สถานการณ์ไฟป่าที่กำลังลุกลามในป่าพรุควนเคร็ง โดยเฉพาะในกลุ่มป่าบ้านกุมแป ต.บ้านตูล อ.ชะอวด จ.นครศรีธรรมราช ที่กำลังโหมไหม้อย่างหนักนั้น เจ้าหน้าที่ดับไฟป่าสามารถเข้าไปปฏิบัติงานได้เพียงช่วงเช้า และช่วงเย็นเท่านั้น เนื่องจากกลางวันจะโหมอย่างรุนแรงไม่สามารถเข้าพื้นที่ได้ โดยทำได้เพียงตีกรอบของวงแนวไฟเท่านั้น แต่ก็ยังไม่ประสบความสำเร็จ เนื่องจากกระแสลมที่ผันผวนแนวไฟขยายวงอย่างไร้ทิศทาง
นายวิทยา แก้วภราดัย ส.ส.นครศรีธรรมราช นายจีระศักดิ์ ชูความดี ผู้อำนวยการสำนักบริหารพื้นที่อนุรักษ์ที่ 5 ได้หารืออย่างเร่งด่วนถึงมาตรการในการเร่งกู้สถานการณ์ไฟในป่าพรุที่กำลังลุกลามอย่างต่อเนื่อง โดยนายวิทยา ได้เรียกร้องให้ทางการเร่งใช้มาตรการในการปราบปรามอย่างจริงว่าจะต้องเข้ายึดพื้นที่ เข้าใจว่ามีพื้นที่กว่า 1 แสนไร่ ที่เข้าไปยึดครองทั้งถูกต้อง และไม่ถูกต้อง พื้นที่เข้าไปยึดครองด้วยการเผาแล้วปลูกผลอาสินต้องดำเนินอย่างจริงจังทันที และในพื้นที่ป่าพรุพื้นที่ไหนที่ถูกไฟไหม้ในขณะนี้ หากไฟสงบแล้วมีผู้เข้าครอบครองหากส่วนราชการไม่เข้าดำเนินการจะถือว่าส่วนราชการมีส่วนได้เสียส่งเสริมให้มีการบุกรุก
“ภายในสัปดาห์นี้ ผมจะหารือกับกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม และจะให้เขาชี้แจงในช่วงการพิจารณารายจ่ายประจำปี ป่าเหล่านี้จะต้องฟื้นฟู พรุควนเคร็งใหญ่พอๆ กับพรุโต๊ะแดง แต่ขณะนี้ เหลือ 1 ใน 3 ของพื้นที่จริงแล้ว และผู้ที่บุกรุกนั้นต้องใช้มาตรการปราบปรามอย่างรุนแรงเพื่อยุติการบุกรุกป่า มานั่งป้องกันการเผาอย่างเดียวไม่ได้ผล ต้องมีความร่วมมือของทุกหน่วยงานร่วมกัน” นายวิทยากล่าว
ขณะที่นายจิระศักดิ์ ชูความดี ผู้อำนวยการสำนักบริหารพื้นที่อนุรักษ์ที่ 5 ยืนยันว่าขณะนี้ เจ้าหน้าที่ทำงานอย่างหนัก ในส่วนของการตรวจพบการบุกรุกเจ้าหน้าที่จะดำเนินการทันที โดยใช้เวลาภายใน 90 วันหลังตรวจพบ
ส่วนนายวิโรจน์ จิระรังสรรค์ ผู้ว่าราชการจังหวัดนครศรีธรรมราช ได้ระดมเจ้าหน้าที่ทุกหน่วยงาน ทั้งฝ่ายปกครอง ป้องกันบรรเทาสาธารณภัย เกษตรจังหวัด สาธารณสุขอำเภอ รวมทั้งสำนักงานเขตห้ามล่าพันธุ์สัตว์ป่าบ่อล้อ และหัวหน้าสถานีควบคุมไฟลุ่มน้ำปากพนังอันเนื่องมาจากพระราชดำริ เข้าหารือเพื่อกำหนดทิศทางในการปฏิบัติงานในพื้นที่ พร้อมกันนั้น ได้นำเอาเวชภัณฑ์เกี่ยวกับระบบทางเดินหายใจ โดยเฉพาะหน้ากากอนามัยป้องกันหมอกควันเข้าให้การช่วยเหลือเจ้าหน้าทีที่ปฏิบัติงาน และประชาชนในพื้นที่ และได้ข้อสรุปในการหารือที่สำคัญคือ จะมีการประกาศเขตภัยพิบัติอัคคีภัย (ประเภทไฟป่า) เพิ่มในอำเภอชะอวด
หลังจากที่ถูกประกาศเป็นพื้นที่ภัยพิบัติประเภทภัยแล้งอยู่แล้ว เพื่อให้เข้าข้อกฎหมายในการให้ความช่วยเหลือชดเชยค่าเสียหายให้แก่เกษตรกรที่ได้รับความเสียหายจากแนวไฟป่าลุกลามเข้าไปในสวนยาง และสวนปาล์ม ส่วนสำนักงานป้องกันบรรเทาสาธารณภัยเร่งระดมเครื่องสูบน้ำขนาดใหญ่มาจากจังหวัดสุราษฎร์ธานี และสงขลาเข้ามาสนับสนุนในพื้นที่
สำหรับปัญหาที่ถูกหยิบยกมาพูดคุยที่สำคัญ คือ เรื่องของการออกเอกสารสิทธิ ส.ป.ก.เนื่องจากมีการออกมาทั้งในสภาพป่าที่สมบูรณ์ และป่าที่เสื่อมโทรมเนื่องจากการถูกลอบเผาทำลายแผ้วถางไว้ล่วงหน้าก่อนออกเอกสารสิทธิประเภทนี้ ทั้งยังเป็นแรงจูงใจในการเผาทำลายป่าพรุมากยิ่งขึ้นเพื่อช่องทางในการออกเอกสารสิทธิจนไม่สามารถควบคุมไฟได้สร้างความเสียอย่างกว้างขวาง
นายวิโรจน์ จิวะรังสรรค์ ผู้ว่าราชการจังหวัดนครศรีธรรมราช เปิดเผยว่า ปัญหาในเรื่องของ ส.ป.ก.นั้น ได้ถูกหยิบยกมาพูดคุยกันมาก โดยเฉพาะการออกในพื้นที่ป่าสมบูรณ์นั้นถือว่าไม่ชอบด้วยกฎหมายอยู่แล้ว ต้องเพิกถอน ซึ่งจริงๆ แล้ว ต้องทำประชาคมก่อนที่จะออกมาได้ และให้ทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้อง ทั้งกำนัน ผู้ใหญ่บ้าน นายอำเภอ เขตห้ามล่าพันธุ์สัตว์ป่า และสถานีควบคุมไฟป่าแย้งมาทางจังหวัดที่จะไม่ให้ออกเอกสาร ส.ป.ก.ในพื้นที่นี้ และในส่วนของการปราบปรามการลักลอบเผา และการบุกรุกพื้นที่นั้น ได้ส่งชุดเฉพาะกิจลงพื้นที่ตั้งแต่วันนี้แล้ว
ขณะเดียวกัน นายสมชาย รอดอยู่ กำนันตำบลบ้านตูล ในฐานะคณะกรรมการปฏิรูปที่ดินเพื่อการเกษตรกรรมแห่งประเทศไทย ซึ่งรู้เห็นเกี่ยวกับการออกเอกสารสิทธิ ส.ป.ก.ในพื้นที่ อ.ชะอวดทั้งหมด ยืนยันว่า พ.ร.ก.ให้ปฏิรูปที่ดินเมื่อ 18 ส.ค.2536 จากนั้นการตรวจสอบพื้นที่กันคืนเมื่อปี 2538 ที่เหลือส่งคืนป่าไม้ และพื้นที่กันออกนั้นไม่ได้ลงพื้นที่ครบจริงกลับลงมติกันเพียง 4-5 คนขีดกันแนวเขตพื้นที่ในแผนที่ไม่ได้ดูพื้นที่จริง จึงมีพื้นที่ป่ากลายเป็นพื้นที่ ส.ป.ก. พื้นที่โล่งเตียนที่พร้อมทำเป็น ส.ป.ก.กลายเป็นพื้นที่ป่า ยืนยันได้ว่า การออก ส.ป.ก.ในพื้นที่ชะอวดผิดพื้นที่มาตั้งแต่ต้นแล้ว
สถานการณ์ไฟป่าที่กำลังลุกลามในป่าพรุควนเคร็ง โดยเฉพาะในกลุ่มป่าบ้านกุมแป ต.บ้านตูล อ.ชะอวด จ.นครศรีธรรมราช ที่กำลังโหมไหม้อย่างหนักนั้น เจ้าหน้าที่ดับไฟป่าสามารถเข้าไปปฏิบัติงานได้เพียงช่วงเช้า และช่วงเย็นเท่านั้น เนื่องจากกลางวันจะโหมอย่างรุนแรงไม่สามารถเข้าพื้นที่ได้ โดยทำได้เพียงตีกรอบของวงแนวไฟเท่านั้น แต่ก็ยังไม่ประสบความสำเร็จ เนื่องจากกระแสลมที่ผันผวนแนวไฟขยายวงอย่างไร้ทิศทาง
นายวิทยา แก้วภราดัย ส.ส.นครศรีธรรมราช นายจีระศักดิ์ ชูความดี ผู้อำนวยการสำนักบริหารพื้นที่อนุรักษ์ที่ 5 ได้หารืออย่างเร่งด่วนถึงมาตรการในการเร่งกู้สถานการณ์ไฟในป่าพรุที่กำลังลุกลามอย่างต่อเนื่อง โดยนายวิทยา ได้เรียกร้องให้ทางการเร่งใช้มาตรการในการปราบปรามอย่างจริงว่าจะต้องเข้ายึดพื้นที่ เข้าใจว่ามีพื้นที่กว่า 1 แสนไร่ ที่เข้าไปยึดครองทั้งถูกต้อง และไม่ถูกต้อง พื้นที่เข้าไปยึดครองด้วยการเผาแล้วปลูกผลอาสินต้องดำเนินอย่างจริงจังทันที และในพื้นที่ป่าพรุพื้นที่ไหนที่ถูกไฟไหม้ในขณะนี้ หากไฟสงบแล้วมีผู้เข้าครอบครองหากส่วนราชการไม่เข้าดำเนินการจะถือว่าส่วนราชการมีส่วนได้เสียส่งเสริมให้มีการบุกรุก
“ภายในสัปดาห์นี้ ผมจะหารือกับกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม และจะให้เขาชี้แจงในช่วงการพิจารณารายจ่ายประจำปี ป่าเหล่านี้จะต้องฟื้นฟู พรุควนเคร็งใหญ่พอๆ กับพรุโต๊ะแดง แต่ขณะนี้ เหลือ 1 ใน 3 ของพื้นที่จริงแล้ว และผู้ที่บุกรุกนั้นต้องใช้มาตรการปราบปรามอย่างรุนแรงเพื่อยุติการบุกรุกป่า มานั่งป้องกันการเผาอย่างเดียวไม่ได้ผล ต้องมีความร่วมมือของทุกหน่วยงานร่วมกัน” นายวิทยากล่าว
ขณะที่นายจิระศักดิ์ ชูความดี ผู้อำนวยการสำนักบริหารพื้นที่อนุรักษ์ที่ 5 ยืนยันว่าขณะนี้ เจ้าหน้าที่ทำงานอย่างหนัก ในส่วนของการตรวจพบการบุกรุกเจ้าหน้าที่จะดำเนินการทันที โดยใช้เวลาภายใน 90 วันหลังตรวจพบ
ส่วนนายวิโรจน์ จิระรังสรรค์ ผู้ว่าราชการจังหวัดนครศรีธรรมราช ได้ระดมเจ้าหน้าที่ทุกหน่วยงาน ทั้งฝ่ายปกครอง ป้องกันบรรเทาสาธารณภัย เกษตรจังหวัด สาธารณสุขอำเภอ รวมทั้งสำนักงานเขตห้ามล่าพันธุ์สัตว์ป่าบ่อล้อ และหัวหน้าสถานีควบคุมไฟลุ่มน้ำปากพนังอันเนื่องมาจากพระราชดำริ เข้าหารือเพื่อกำหนดทิศทางในการปฏิบัติงานในพื้นที่ พร้อมกันนั้น ได้นำเอาเวชภัณฑ์เกี่ยวกับระบบทางเดินหายใจ โดยเฉพาะหน้ากากอนามัยป้องกันหมอกควันเข้าให้การช่วยเหลือเจ้าหน้าทีที่ปฏิบัติงาน และประชาชนในพื้นที่ และได้ข้อสรุปในการหารือที่สำคัญคือ จะมีการประกาศเขตภัยพิบัติอัคคีภัย (ประเภทไฟป่า) เพิ่มในอำเภอชะอวด
หลังจากที่ถูกประกาศเป็นพื้นที่ภัยพิบัติประเภทภัยแล้งอยู่แล้ว เพื่อให้เข้าข้อกฎหมายในการให้ความช่วยเหลือชดเชยค่าเสียหายให้แก่เกษตรกรที่ได้รับความเสียหายจากแนวไฟป่าลุกลามเข้าไปในสวนยาง และสวนปาล์ม ส่วนสำนักงานป้องกันบรรเทาสาธารณภัยเร่งระดมเครื่องสูบน้ำขนาดใหญ่มาจากจังหวัดสุราษฎร์ธานี และสงขลาเข้ามาสนับสนุนในพื้นที่
สำหรับปัญหาที่ถูกหยิบยกมาพูดคุยที่สำคัญ คือ เรื่องของการออกเอกสารสิทธิ ส.ป.ก.เนื่องจากมีการออกมาทั้งในสภาพป่าที่สมบูรณ์ และป่าที่เสื่อมโทรมเนื่องจากการถูกลอบเผาทำลายแผ้วถางไว้ล่วงหน้าก่อนออกเอกสารสิทธิประเภทนี้ ทั้งยังเป็นแรงจูงใจในการเผาทำลายป่าพรุมากยิ่งขึ้นเพื่อช่องทางในการออกเอกสารสิทธิจนไม่สามารถควบคุมไฟได้สร้างความเสียอย่างกว้างขวาง
นายวิโรจน์ จิวะรังสรรค์ ผู้ว่าราชการจังหวัดนครศรีธรรมราช เปิดเผยว่า ปัญหาในเรื่องของ ส.ป.ก.นั้น ได้ถูกหยิบยกมาพูดคุยกันมาก โดยเฉพาะการออกในพื้นที่ป่าสมบูรณ์นั้นถือว่าไม่ชอบด้วยกฎหมายอยู่แล้ว ต้องเพิกถอน ซึ่งจริงๆ แล้ว ต้องทำประชาคมก่อนที่จะออกมาได้ และให้ทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้อง ทั้งกำนัน ผู้ใหญ่บ้าน นายอำเภอ เขตห้ามล่าพันธุ์สัตว์ป่า และสถานีควบคุมไฟป่าแย้งมาทางจังหวัดที่จะไม่ให้ออกเอกสาร ส.ป.ก.ในพื้นที่นี้ และในส่วนของการปราบปรามการลักลอบเผา และการบุกรุกพื้นที่นั้น ได้ส่งชุดเฉพาะกิจลงพื้นที่ตั้งแต่วันนี้แล้ว
ขณะเดียวกัน นายสมชาย รอดอยู่ กำนันตำบลบ้านตูล ในฐานะคณะกรรมการปฏิรูปที่ดินเพื่อการเกษตรกรรมแห่งประเทศไทย ซึ่งรู้เห็นเกี่ยวกับการออกเอกสารสิทธิ ส.ป.ก.ในพื้นที่ อ.ชะอวดทั้งหมด ยืนยันว่า พ.ร.ก.ให้ปฏิรูปที่ดินเมื่อ 18 ส.ค.2536 จากนั้นการตรวจสอบพื้นที่กันคืนเมื่อปี 2538 ที่เหลือส่งคืนป่าไม้ และพื้นที่กันออกนั้นไม่ได้ลงพื้นที่ครบจริงกลับลงมติกันเพียง 4-5 คนขีดกันแนวเขตพื้นที่ในแผนที่ไม่ได้ดูพื้นที่จริง จึงมีพื้นที่ป่ากลายเป็นพื้นที่ ส.ป.ก. พื้นที่โล่งเตียนที่พร้อมทำเป็น ส.ป.ก.กลายเป็นพื้นที่ป่า ยืนยันได้ว่า การออก ส.ป.ก.ในพื้นที่ชะอวดผิดพื้นที่มาตั้งแต่ต้นแล้ว