นราธิวาส - อริสมันต์ พงษ์เรืองรอง แกนนำแดงโผล่นราธิวาสช่วยวางแผนหาเสียงชิงนายก อบจ. เผยโมเดลแก้ไฟใต้ ปิดช่องว่างการถูกปลุกระดม โดยให้ถอนทหารกลับบ้านออกจากพื้นที่ 3 จชต.ให้หมด และให้ชาวบ้านเป็นอาสาสมัครเข้ามาดูแลพื้นที่เอง
วันนี้ (10 ต.ค.) เมื่อเวลา 17.30 น. นายอริสมันต์ พงษ์เรืองรอง แกนนำกลุ่มเสื้อแดง หรือแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ ได้เดินทางมายังศูนย์ทักษิณสันติสุข จ.นราธิวาส ซึ่งตั้งอยู่เลขที่ 12/38 ถ.ประชาสงเคราะห์ ต.บางนาค อ.เมือง จ.นราธิวาส เพื่อพบปะสมาชิกกลุ่มเสื้อแดง ซึ่งเป็นฐานเสียงของนายกูเซ็ง ยาวอหะซัน อดีตนายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดนราธิวาส ผู้สมัครรับเลือกตั้งเป็นนายกฯอบจ.หมายเลข 1 เพื่อวางแนวทางการหาเสียง โดยยกประเด็นการพัฒนา และการสร้างงานในพื้นที่ด้วยการดึงชาวไทยพุทธ และชาวไทยมุสลิมมามีส่วนร่วมเพื่อสร้างรากฐานความรักความสามัคคีเป็นหมู่คณะ ที่ขยายผลไปสู่การแก้ไขปัญหาความไม่สงบที่เกิดขึ้นให้คลี่คลายลง
นายอริสมันต์ เปิดเผยถึงแนวทางการแก้ไขปัญหาความไม่สงบที่เกิดขึ้นในพื้นที่ภาคใต้ว่า มีพี่น้องประชาชนเสนอผ่านมายังตนว่า น่าจะมีการทดลองนั่นคือ ย้ายทหารที่ปฏิบัติหน้าที่ในพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ ออกจากพื้นที่ไป 3 เดือน โดยให้ประชาชนในพื้นที่มาเป็นอาสาสมัครป้องกันตนเอง มาดูแลความสงบสุขของพี่น้องประชาชน ซึ่งเป็นญาติพี่น้องของเขาเองได้ร่วมปกครองกันเอง โดยที่คงสภาพกำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจ และฝ่ายปกครองที่ปฏิบัติหน้าที่อยู่เดิมแล้ว และนำมาประเมินว่าระยะเวลา 3 เดือนที่ย้ายทหารออกนอกพื้นที่มีความสงบสุข หรือเหตุการณ์อะไรเกิดขึ้นบ้างในพื้นที่ ซึ่งถือว่าเป็นโมเดลนำร่อง แต่ถ้าไม่สงบก็เพิ่มมาตรการเข้าไปอีกว่าจะทำอย่างไร
โดยให้กำลังประชาชนที่เป็นอาสาสมัครเข้าไปแก้ไขปัญหา ซึ่งจุดนี้กลุ่มคนร้ายไม่สามารถที่จะหาช่องว่างมาโจมตี รวมไปถึงการนำหลักคำสอนของศาสนามาบิดเบือนให้การปลุกระดมชาวบ้านได้อีก จะสำเร็จหรือไม่มันเป็นเสียงความต้องการของประชาชนที่ต้องการให้มีการใช้ระบบดังกล่าวนี้ ที่ผ่านมา หลายรัฐบาลพยายามแก้ปัญหาความไม่สงบในภาคใต้ แต่ยังไม่ประสบความสำเร็จ โมเดลที่ตนเสนอสามารถทำได้ และควรทำอย่างยิ่ง ส่วนใครจะค้านนั้นไม่ทราบ แต่ทดสอบย้ายออกจากพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ หากได้ผล ควรขยายเวลาจาก 3 เดือน เป็น 1 ปี และถ้าสถานการณ์ดีขึ้นมาก ควรจัดเป็นประกาศใช้ไปเลย ดีกว่าการแก้ปัญหาที่ใช้งบประมาณจำนวนมหาศาล แต่ความปลอดภัยในชีวิตของประชาชนในพื้นที่ยังไม่เกิด