ศูนย์ข่าวหาดใหญ่ - นักธุรกิจรับเหมาก่อสร้างฝากเงินกับธนาคารเอเชีย ซึ่งปัจจุบันเปลี่ยนชื่อเป็นธนาคาร UOB 1 ล้านบาท เพื่อกินดอกเบี้ย และเก็บสมุดบัญชีไว้ในตู้เซฟนาน 15 ปี ไม่เคยฝาก หรือถอน แต่เมื่อนำสมุดมาเช็กดอกเบี้ยกลับพบว่าบัญชีถูกปิดไปแล้ว
วันนี้ (28ก.ย.) ที่ สภ.หาดใหญ่ จ.สงขลา นายวินิจ เพทายบรรลือ อายุ 61 ปี นักธุรกิจรับเหมาก่อสร้างเกี่ยวกับงานชลประทาน มีภูมิลำเนาเดิม อยู่บ้านเลขที่ 17-19 ถนนพระทรง ต.ท่าราบ อ.เมืองเพชรบุรี จ.เพชรบุรี ได้เข้าแจ้งความต่อ ร.ต.อ.วิโรจน์ สะเหรียม ร้อยเวร สภ.หาดใหญ่ หลังจากที่พบว่า สมุดบัญชีของธนาคารเอเชียซึ่งปัจจุบันเปลี่ยนชื่อเป็นธนาคาร UOB ที่ฝากเงินสดไว้จำนวน1 ล้านบาท มาตั้งแต่ปี 2540 ถูกปิดบัญชี โดยที่ตัวเองไม่ได้เป็นคนปิด หรือทำธุรกรรมทางการเงินกับบัญชีเล่มดังกล่าวแต่อย่างใด
นายวินิจ เปิดเผยว่า หลังจากที่เปิดบัญชีกับธนาคารเชีย สาขาหาดใหญ่ บัญชีเลขที่ 010-3-01933-7 สมุดคู่ฝากเลขที่ 0486169 โดยเป็นบัญชีฝากประจำ จำนวนเงิน 1 ล้านบาท เพื่อกินดอกเบี้ย และตลอดระยะเวลา 15 ปี หลังจากที่เปิดบัญชีได้เก็บสมุดบัญชีเล่มนี้ไว้ในตู้เซฟไม่เคยนำออกมาฝาก-ถอน หรือทำธุรกรรมทางการเงินเลยแม้แต่ครั้งเดียว
แต่ล่าสุด เมื่อวันที่18 กันยายน ที่ผ่านมา ได้ไปติดต่อกับธนาคารเพื่อเช็กยอดดอกเบี้ย และเบิกมาใช้จ่าย ปรากฏว่า ทางธนาคารบอกว่าบัญชีถูกปิดไปตั้งแต่วันที่ 22 เมษายน ปี 2542 พร้อมดอกเบี้ยกว่า 1 แสนบาท ซึ่งตนพยายามสอบถามรายละเอียดจากทางธนาคารก็ไม่สามารถชี้แจงรายละเอียดได้ เพียงแต่ได้แสดงหลักฐานบัญชีที่ถูกปิดให้ตนดู ซึ่งตนยืนยันว่า สมุดบัญชีเล่มนี้ถูกเก็บไว้อย่างดีในตู้เซฟตลอด 15 ปี หากมีการเบิกถอนเงินสดก็จะต้องใช้สมุดเงินฝากพร้อมกับลายเซ็นในใบเบิกเงิน และที่สำคัญ สมุดเงินฝากจะต้องมีการพิมพ์รายการเดินบัญชี แต่สมุดเล่มนี้มีเพียงการทำรายการฝากเงินสดจำนวน 1 ล้านบาทในครั้งแรกที่ไปเปิดบัญชี
นายวินิจ กล่าวว่า หากบัญชีถูกปิดตนก็ต้องปิดเอง หรือหากมีการเปลี่ยนแปลงเกี่ยวกับระบบธนาคารโดยเปลี่ยนชื่อจากธนาคารเอเชีย มาเป็นธนาคาร UOB ในปัจจุบันทางธนาคารก็น่าจะแจ้งให้ตนทราบ และต้องมีข้อมูลลูกค้าอยู่ แต่เมื่อพยายามสอบถามทางธนาคารก็ไม่สามารถให้คำตอบได้ และปฏิเสธความรับผิดชอบ ตนจึงได้เข้าแจ้งความไว้เป็นหลักฐานเพื่อที่จะให้ทนายความยื่นฟ้องต่อศาลเพื่อเรียกร้องค่าเสียหายที่เกิดขึ้น