xs
xsm
sm
md
lg

เวียดนามจับเจ้าพ่อธนาคาร กระทบตลาดการเงินทั่วประเทศ

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

<br><FONT color=#000033> ภาพถ่ายวันที่ 19 ส.ค. นายเหวียน ดึ๊ก เกียน ขณะชมการแข่งขันฟุตบอลในกรุงฮานอย. --  AFP PHOTO/STR. </font></b>

เอเอฟพี - เจ้าหน้าที่ตำรวจเวียดนามได้จับกุมนักธุรกิจด้านการเงินชั้นนำของประเทศ ในข้อหาดำเนินกิจกรรมทางธุรกิจผิดกฎหมาย รัฐบาลเวียดนามกล่าวในวันนี้ (21 ส.ค.) ส่งผลกระทบทั่วตลาดการเงินในประเทศคอมมิวนิสต์แห่งนี้

นายเหวียน ดึ๊ก เกียน อายุ 48 ปี ที่ถือหุ้นอยู่ในสถาบันการเงินขนาดใหญ่หลายแห่งของเวียดนาม ถูกควบคุมตัวในห้องขังเมื่อค่ำวันจันทร์ หลังเจ้าหน้าที่ตำรวจบุกไปที่บ้านพักของนายเกียน และยึดเอกสารจำนวนหนึ่ง

“นายเกียนถูกจับกุมฐานดำเนินกิจกรรมทางธุรกิจผิดกฎหมาย” ข้อความส่วนหนึ่งระบุอยู่ในประกาศบนเว็บไซต์ทางการของรัฐบาล

นายเหวียน ดึ๊ก เกียน เป็นหนึ่งในผู้ก่อตั้งธนาคารเอเชียพาณิชย์ (ACB) ซึ่งธนาคารได้ออกคำแถลงระบุว่า การจับกุมนายเกียนจะไม่ส่งผลต่อประสิทธิภาพการทำงานของธนาคาร แม้ว่าราคาหุ้นของธนาคารในตลาดหลักทรัพย์ฮานอยจะตกฮวบลง

หนังสือพิมพ์เตื่อยแจ๋ของทางการเวียดนามรายงานว่า การจับกุมนายเหวียน ดึ๊ก เกียน ส่งผลกระทบไปทั่วประเทศ ราคาหุ้นของ ACB ตกลงเกือบ 7% ที่ 24,000 ด่ง เมื่อตลาดหลักทรัพย์ฮานอยเปิดทำการ

โฆษกธนาคาร ACB ระบุว่า การจับกุมครั้งนี้เป็นประเด็นส่วนตัว การควบคุมตัวนายเกียนเป็นการตัดสินใจของทางการจึงไม่กระทบต่อการดำเนินการของธนาคาร และนายเกียนถือหุ้นในกลุ่มน้อยกว่า 5%

นายเกียนเคยระบุว่า ตนเองถือหุ้นในธนาคาร ACB,Sacombank, Eximbank, VietBank และอีกหลายแห่ง และตามรายงานระบุว่า นายเกียนมีส่วนเกี่ยวข้องในการร่างปฏิรูปธนาคารใหม่ของประเทศ

ด้านธนาคาร Sacombank และ Eximbank ได้ออกมาแสดงความเห็นอย่างรวดเร็วว่า นายเกียนไม่ได้เป็นผู้ถือหุ้นหลักในสถาบันของตัวเอง

นายธนาคารรายนี้เป็นที่รู้จักในสังคมจากการวิจารณ์การทุจริตในวงการฟุตบอลเวียดนาม โดยการใช้ตำแหน่งการเป็นประธานสโมสรฟุตบอลฮานอยส่งเสียงต่อต้านสมาคมฟุตบอลของประเทศ

การจับกุมนายเกียนครั้งนี้ มีขึ้นขณะที่พรรคคอมมิวนิสต์ได้ขยายวงปราบปรามการทุจริตคอร์รัปชันที่เริ่มขึ้นเมื่อเดือนก่อน และอาจเป็นสัญญาณทางการเมืองต่อกลุ่มชนชั้นนำของประเทศ ที่รัฐบาลต้องการแสดงให้เห็นถึงการจัดการกับปัญหาการคอร์รัปชันในระดับสูง คาร์ล เธเยอร์ ผู้เชี่ยวชาญเกี่ยวกับเวียดนามกล่าว.
กำลังโหลดความคิดเห็น