ศูนย์ข่าวภูเก็ต - เลขานุการ รมว.ต่างประเทศ พบเอกชนภูเก็ต รับฟังปัญหาด้านการท่องเที่ยว เสนอกระทรวงเร่งแก้ปัญหาก่อนเข้าสูประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน เอกชนภูเก็ตแนะรัฐต้องบังคับใช้กฎหมายขั้นเด็ดเพื่อแก้ปัญหาให้เป็นรูปธรรม หากไม่เร่งแก้ปัญหาทางด้านการท่องเที่ยวเชื่ออีกไม่นานนักท่องเที่ยวหนีจากภูเก็ตไปเที่ยวที่อื่นแน่
ที่ห้องประชุมศาลากลาง จ.ภูเก็ต นายนาวิน บุญเสรฐ เลขานุการรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ พร้อมนายณัฏฐวุฒิ โพธิสาโร รองปลัดกระทรวงการต่างประเทศ และคณะ ร่วมประชุมและพบปะหารือกับตัวแทนองค์กรภาคเอกชน จังหวัดภูเก็ต ในโครงการบัวแก้วสัญจร ซึ่งประกอบด้วย หอการค้าจังหวัดภูเก็ต สมาคมธุรกิจการท่องเที่ยวจังหวัดภูเก็ต สมาคมโรงแรมไทยภาคใต้ ตัวแทนกงสุลกิตติมศักดิ์ของประเทศต่างๆ และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเข้าร่วม
โดยนายนาวิน บุญเสรฐ เลขานุการรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศกล่าวว่า การพบปะกับทางองค์กรภาคเอกชนที่จังหวัดภูเก็ตในครั้งนี้ เพื่อรับฟังปัญหาทางด้านการท่องเที่ยวในพื้นที่จังหวัดภูเก็ต เนื่องจากรัฐบาลเห็นความสำคัญว่าเป็นเมืองท่องเที่ยวที่สำคัญ โดยในแต่ละปีมีนักท่องเที่ยวเข้ามาท่องเที่ยวเป็นจำนวนมาก ทั้งชาวจีน รัสเซีย เกาหลี และประเทศอื่นๆ และที่ผ่านมา มีนักท่องเที่ยวร้องเรียนเกี่ยวกับปัญหาด้านการท่องเที่ยว อาชญากรรม เรือเจ็ตสกี แท็กซี่ป้ายดำ และการเอารัดเอาเปรียบนักท่องเที่ยวต่างๆ และเรื่องเหล่านี้จะต้องเร่งแก้ปัญหาให้ได้โดยเร็วที่สุด
“อย่างไรก็ดี ตามความคิดเห็นส่วนตัว รัฐบาลน่าจะมีการแต่งตั้งรัฐมนตรีที่มีความรู้ ความสามารถมาดูแลจังหวัดภูเก็ต หรือจังหวัดท่องเที่ยวที่สำคัญอื่นๆ โดยตรง เพื่อให้การติดต่อประสานงานกับทุกฝ่ายทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ เพราะในปัจจุบัน การทำงานของกระทรวงทบวงกรมต่างๆ อาจจะเป็นลักษณะการรับผิดชอบไปตามแต่ภารกิจของแต่ละหน่วยงาน ไม่มีการบูรณาการร่วมกัน หรือปัญหาต่างๆ ที่เกิดขึ้นไม่มีเจ้าภาพที่รับผิดชอบอย่างแท้จริง ซึ่งการเดินทางมาครั้งนี้จะมารับฟังปัญหาเพื่อนำเสนอต่อรัฐบาลในการแก้ไขปัญหาต่อไป” นายนาวินกล่าวในที่สุด
ขณะที่นายณัฏฐวุฒิ โพธิสาโร กล่าวว่า โครงการบัวแก้วสัญจร เพื่อลงมาเผยแพร่ข่าวสาร และการเรียนรู้สำหรับนักเรียนโรงเรียนวิชิตสงคราม ที่ตามปกติจะมีการสนับสนุนให้แต่ละจังหวัดมีตัวแทนยุวทูตความดี และในปัจจุบัน มีความจำเป็นที่จะต้องเตรียมความพร้อมเข้าสู่ประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน หรือเออีซี รวมทั้งเพื่อมารับฟังปัญหาที่ทางภาคเอกชนเสนอ ซึ่งคณะของเลขานุการรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ ขอรับเรื่องไว้ทั้งหมด และจะรายงานต่อรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ กระทรวงทบวงกรมอื่นๆ หรือรัฐบาล เพื่อเร่งรัดแก้ไขปัญหาให้สอดคล้องกับสภาพความเป็นจริงในเมืองท่องเที่ยวนานาชาติที่สำคัญต่อไป
นอกจากนี้ กระทรวงการต่างประเทศ มีสำนักงานในต่างประเทศ ต้องการที่จะสนับสนุนนโยบายของรัฐบาล โดยเฉพาะอย่างยิ่งสินค้า หรือผลิตภัณฑ์โอทอป หรือของดีของจังหวัดภูเก็ต และพร้อมจะจัดเจ้าหน้าที่มาบันทึกภาพ และรวบรวมข้อมูลนำไปเสนอผ่านช่องทางต่างๆ ของกระทรวงการต่างประเทศด้วย ส่วนธุรกิจที่เกี่ยวเนื่องกับยางพารา ในจังหวัดภูเก็ต ทางรัฐบาลปัจจุบันมีแนวทางในการสนับสนุนส่งเสริมเต็มที่ในช่วงที่ผลผลิตยางพาราตกต่ำ
ด้านนายแพทย์ศิริชัย ศิลปอาชา ประธานหอการค้าจังหวัดภูเก็ต กล่าวว่า ปัญหาใหญ่ของภูเก็ตขณะนี้ คือ เรื่องของระบบขนส่งมวลชน การเอารัดเอาเปรียบนักท่องเที่ยว ดังนั้น ก่อนที่จะมีการส่งเสริมการลงทุนอื่นๆ ต่อไปนั้น ควรจะต้องแก้ปัญหาเรื่องระบบขนส่งมวลชน ปัญหาด้านการจราจรก่อน เพราะปัจจุบัน นักท่องเที่ยวไม่สามารถที่จะใช้จ่ายเพื่อกระจายไปตามพื้นที่ส่วนอื่นๆ ได้ เนื่องจากไม่มีความสะดวกในการเดินทาง หรือหากจะเดินทางไปที่ใดจะมีค่าใช้จ่ายสูง เพราะต้องใช้บริการรถแท็กซี่เท่านั้น และรายได้ตกอยู่ที่กลุ่มโรงแรมเป็นส่วนใหญ่ หากจังหวัดภูเก็ตจะมีระบบขนส่งมวลชนที่ราคาถูกลงเหมือนรถประจำทาง แต่สามารถเรียกไปตามเส้นทางไหนก็ได้น่าจะเป็นสิ่งที่ดี จะได้ไม่ต้องพึ่งรถแท็กซี่เพียงอย่างเดียว
ส่วนนายภูริต มาศวงศ์ศา อุปนายกสมาคมธุรกิจการท่องเที่ยวจังหวัดภูเก็ตกล่าวว่า การสร้างระบบสาธารณูปโภคที่สำคัญต่างๆ ในจังหวัดภูเก็ตนั้น ควรเป็นการสร้างเพื่อรองรับข้อมูลประชากรที่อยู่จริง เพราะในปัจจุบัน มีประชากรแฝง และนักท่องเที่ยวในพื้นที่สูงถึงวันละประมาณ 1 ล้านคน ทำให้การบริการ หรือดูแลไม่ทั่วถึง ก่อให้เกิดปัญหาอาชญากรรมกต่อกท่องเที่ยวได้ เช่น ในคดีคนร้าย 2 คนใช้มีดแทงเพื่อชิงทรัพย์นักท่องเที่ยวหญิงชาวออสเตรเลียเสียชีวิต และบาดเจ็บ ก่อให้เกิดความเสียหายต่อภาพลักษณ์ของจังหวัดภูเก็ตอย่างมาก และทำให้นักท่องเที่ยวเริ่มไม่แน่ใจในเรื่องของความปลอดภัย จึงไม่อยากเข้ามาท่องเที่ยว และขณะนี้ นักท่องเที่ยวเริ่มหันไปท่องเที่ยวในประเทศเวียดนามกันมากขึ้น
“ภูเก็ตเป็นจังหวัดที่ทำรายได้ให้แก่ประเทศจำนวนมาก แต่ถ้าปล่อยให้ปัญหาไม่ได้รับการแก้ไข อีกไม่นานนักท่องเที่ยวก็จะไม่เข้ามา เพราะฉะนั้น การแก้ปัญหาต่างๆ ของจังหวัดภูเก็ตที่จะทำได้ดีที่สุด คือ การบังคับใช้กฎหมายให้เข้มงวด ที่ผ่านมาได้มีการปล่อยปละละเลยมานานแล้ว ถึงเวลาแล้วที่จะต้องมีการบังคับใช้กฎหมายกันอย่างจริงจัง และเต็มรูปแบบ ณ เวลานี้ เพราะความไม่มั่นใจของนักท่องเที่ยวโดยเฉพาะนักท่องเที่ยวจากออสเตรเลียที่เข้ามาบ้านเราปีละ 400,000 คน เริ่มที่จะเดินทางไปเที่ยวที่ประเทศเวียดนามแทนแล้ว เนื่องจากนักท่องเที่ยวเบื่อปัญหาเดิมๆ ที่เกิดขึ้นกับนักท่องเที่ยว ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของการหลอกลวง เอารัดเอาเปรียบ ปัญหาแท็กซี่ป้ายดำ ซึ่งล่าสุดพบว่า ในพื้นที่กะรนมีนักท่องเที่ยวไม่สบายเรียกรถพยาบาลไปรับออกจากโรงแรมแต่แท็กซี่ไม่ยอมที่จะให้นักท่องเที่ยวขึ้นรถของโรงพยาบาล ซึ่งถือว่าเป็นเรื่องร้ายแรงมาก” นายภูริตกล่าวในที่สุด
อย่างไรก็ตาม ในการนำเสนอปัญหาครั้งนี้ ภาคเอกชนที่เข้าร่วมต่างก็ได้นำเสนอปัญหาเรื่องของการการพัฒนาปรับปรุงระบบการตรวจคนเข้าเมืองที่ท่าอากาศยานนานาชาติภูเก็ต การเพิ่มบุคลากรของด่านตรวจคนเข้าเมือง เพื่ออำนวยความสะดวก และให้บริการนักท่องเที่ยวได้รวดเร็วขึ้น โดยเฉพาะในช่วงที่มีสายการบินหลายแห่งเดินทางมาถึงจังหวัดภูเก็ตในเวลาที่ใกล้เคียงกันเวลากลางคืน และมีความคิดเห็นสอดคล้องกันว่า หน่วยงานราชการควรจะต้องบังคับใช้กฎหมายอย่างเคร่งครัด เช่น เจ้าหน้าที่ตำรวจจับกุมผู้ที่เอารัดเอาเปรียบนักท่องเที่ยวอย่างจริงจัง ทั้งกรณีเรือเจ็ตสกี รถแท็กซี่ป้ายดำที่โก่งค่าโดยสาร รวมทั้งเสนอให้กระทรวงการต่างประเทศพิจารณาการบริการจัดทำวีซ่าสำหรับชาวต่างประเทศในจังหวัดภูเก็ต เป็นกรณีพิเศษ เพราะในปัจจุบัน หากเดินทางไปประเทศใกล้เคียงเสียค่าใช้จ่ายหลายหมื่นบาท และผลประโยชน์ส่วนนี้ทางกระทรวงการต่างประเทศน่าจะให้บริการ และคิดค่าธรรมเนียมที่สูงขึ้นตามความเหมาะสมด้วย
ที่ห้องประชุมศาลากลาง จ.ภูเก็ต นายนาวิน บุญเสรฐ เลขานุการรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ พร้อมนายณัฏฐวุฒิ โพธิสาโร รองปลัดกระทรวงการต่างประเทศ และคณะ ร่วมประชุมและพบปะหารือกับตัวแทนองค์กรภาคเอกชน จังหวัดภูเก็ต ในโครงการบัวแก้วสัญจร ซึ่งประกอบด้วย หอการค้าจังหวัดภูเก็ต สมาคมธุรกิจการท่องเที่ยวจังหวัดภูเก็ต สมาคมโรงแรมไทยภาคใต้ ตัวแทนกงสุลกิตติมศักดิ์ของประเทศต่างๆ และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเข้าร่วม
โดยนายนาวิน บุญเสรฐ เลขานุการรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศกล่าวว่า การพบปะกับทางองค์กรภาคเอกชนที่จังหวัดภูเก็ตในครั้งนี้ เพื่อรับฟังปัญหาทางด้านการท่องเที่ยวในพื้นที่จังหวัดภูเก็ต เนื่องจากรัฐบาลเห็นความสำคัญว่าเป็นเมืองท่องเที่ยวที่สำคัญ โดยในแต่ละปีมีนักท่องเที่ยวเข้ามาท่องเที่ยวเป็นจำนวนมาก ทั้งชาวจีน รัสเซีย เกาหลี และประเทศอื่นๆ และที่ผ่านมา มีนักท่องเที่ยวร้องเรียนเกี่ยวกับปัญหาด้านการท่องเที่ยว อาชญากรรม เรือเจ็ตสกี แท็กซี่ป้ายดำ และการเอารัดเอาเปรียบนักท่องเที่ยวต่างๆ และเรื่องเหล่านี้จะต้องเร่งแก้ปัญหาให้ได้โดยเร็วที่สุด
“อย่างไรก็ดี ตามความคิดเห็นส่วนตัว รัฐบาลน่าจะมีการแต่งตั้งรัฐมนตรีที่มีความรู้ ความสามารถมาดูแลจังหวัดภูเก็ต หรือจังหวัดท่องเที่ยวที่สำคัญอื่นๆ โดยตรง เพื่อให้การติดต่อประสานงานกับทุกฝ่ายทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ เพราะในปัจจุบัน การทำงานของกระทรวงทบวงกรมต่างๆ อาจจะเป็นลักษณะการรับผิดชอบไปตามแต่ภารกิจของแต่ละหน่วยงาน ไม่มีการบูรณาการร่วมกัน หรือปัญหาต่างๆ ที่เกิดขึ้นไม่มีเจ้าภาพที่รับผิดชอบอย่างแท้จริง ซึ่งการเดินทางมาครั้งนี้จะมารับฟังปัญหาเพื่อนำเสนอต่อรัฐบาลในการแก้ไขปัญหาต่อไป” นายนาวินกล่าวในที่สุด
ขณะที่นายณัฏฐวุฒิ โพธิสาโร กล่าวว่า โครงการบัวแก้วสัญจร เพื่อลงมาเผยแพร่ข่าวสาร และการเรียนรู้สำหรับนักเรียนโรงเรียนวิชิตสงคราม ที่ตามปกติจะมีการสนับสนุนให้แต่ละจังหวัดมีตัวแทนยุวทูตความดี และในปัจจุบัน มีความจำเป็นที่จะต้องเตรียมความพร้อมเข้าสู่ประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน หรือเออีซี รวมทั้งเพื่อมารับฟังปัญหาที่ทางภาคเอกชนเสนอ ซึ่งคณะของเลขานุการรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ ขอรับเรื่องไว้ทั้งหมด และจะรายงานต่อรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ กระทรวงทบวงกรมอื่นๆ หรือรัฐบาล เพื่อเร่งรัดแก้ไขปัญหาให้สอดคล้องกับสภาพความเป็นจริงในเมืองท่องเที่ยวนานาชาติที่สำคัญต่อไป
นอกจากนี้ กระทรวงการต่างประเทศ มีสำนักงานในต่างประเทศ ต้องการที่จะสนับสนุนนโยบายของรัฐบาล โดยเฉพาะอย่างยิ่งสินค้า หรือผลิตภัณฑ์โอทอป หรือของดีของจังหวัดภูเก็ต และพร้อมจะจัดเจ้าหน้าที่มาบันทึกภาพ และรวบรวมข้อมูลนำไปเสนอผ่านช่องทางต่างๆ ของกระทรวงการต่างประเทศด้วย ส่วนธุรกิจที่เกี่ยวเนื่องกับยางพารา ในจังหวัดภูเก็ต ทางรัฐบาลปัจจุบันมีแนวทางในการสนับสนุนส่งเสริมเต็มที่ในช่วงที่ผลผลิตยางพาราตกต่ำ
ด้านนายแพทย์ศิริชัย ศิลปอาชา ประธานหอการค้าจังหวัดภูเก็ต กล่าวว่า ปัญหาใหญ่ของภูเก็ตขณะนี้ คือ เรื่องของระบบขนส่งมวลชน การเอารัดเอาเปรียบนักท่องเที่ยว ดังนั้น ก่อนที่จะมีการส่งเสริมการลงทุนอื่นๆ ต่อไปนั้น ควรจะต้องแก้ปัญหาเรื่องระบบขนส่งมวลชน ปัญหาด้านการจราจรก่อน เพราะปัจจุบัน นักท่องเที่ยวไม่สามารถที่จะใช้จ่ายเพื่อกระจายไปตามพื้นที่ส่วนอื่นๆ ได้ เนื่องจากไม่มีความสะดวกในการเดินทาง หรือหากจะเดินทางไปที่ใดจะมีค่าใช้จ่ายสูง เพราะต้องใช้บริการรถแท็กซี่เท่านั้น และรายได้ตกอยู่ที่กลุ่มโรงแรมเป็นส่วนใหญ่ หากจังหวัดภูเก็ตจะมีระบบขนส่งมวลชนที่ราคาถูกลงเหมือนรถประจำทาง แต่สามารถเรียกไปตามเส้นทางไหนก็ได้น่าจะเป็นสิ่งที่ดี จะได้ไม่ต้องพึ่งรถแท็กซี่เพียงอย่างเดียว
ส่วนนายภูริต มาศวงศ์ศา อุปนายกสมาคมธุรกิจการท่องเที่ยวจังหวัดภูเก็ตกล่าวว่า การสร้างระบบสาธารณูปโภคที่สำคัญต่างๆ ในจังหวัดภูเก็ตนั้น ควรเป็นการสร้างเพื่อรองรับข้อมูลประชากรที่อยู่จริง เพราะในปัจจุบัน มีประชากรแฝง และนักท่องเที่ยวในพื้นที่สูงถึงวันละประมาณ 1 ล้านคน ทำให้การบริการ หรือดูแลไม่ทั่วถึง ก่อให้เกิดปัญหาอาชญากรรมกต่อกท่องเที่ยวได้ เช่น ในคดีคนร้าย 2 คนใช้มีดแทงเพื่อชิงทรัพย์นักท่องเที่ยวหญิงชาวออสเตรเลียเสียชีวิต และบาดเจ็บ ก่อให้เกิดความเสียหายต่อภาพลักษณ์ของจังหวัดภูเก็ตอย่างมาก และทำให้นักท่องเที่ยวเริ่มไม่แน่ใจในเรื่องของความปลอดภัย จึงไม่อยากเข้ามาท่องเที่ยว และขณะนี้ นักท่องเที่ยวเริ่มหันไปท่องเที่ยวในประเทศเวียดนามกันมากขึ้น
“ภูเก็ตเป็นจังหวัดที่ทำรายได้ให้แก่ประเทศจำนวนมาก แต่ถ้าปล่อยให้ปัญหาไม่ได้รับการแก้ไข อีกไม่นานนักท่องเที่ยวก็จะไม่เข้ามา เพราะฉะนั้น การแก้ปัญหาต่างๆ ของจังหวัดภูเก็ตที่จะทำได้ดีที่สุด คือ การบังคับใช้กฎหมายให้เข้มงวด ที่ผ่านมาได้มีการปล่อยปละละเลยมานานแล้ว ถึงเวลาแล้วที่จะต้องมีการบังคับใช้กฎหมายกันอย่างจริงจัง และเต็มรูปแบบ ณ เวลานี้ เพราะความไม่มั่นใจของนักท่องเที่ยวโดยเฉพาะนักท่องเที่ยวจากออสเตรเลียที่เข้ามาบ้านเราปีละ 400,000 คน เริ่มที่จะเดินทางไปเที่ยวที่ประเทศเวียดนามแทนแล้ว เนื่องจากนักท่องเที่ยวเบื่อปัญหาเดิมๆ ที่เกิดขึ้นกับนักท่องเที่ยว ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของการหลอกลวง เอารัดเอาเปรียบ ปัญหาแท็กซี่ป้ายดำ ซึ่งล่าสุดพบว่า ในพื้นที่กะรนมีนักท่องเที่ยวไม่สบายเรียกรถพยาบาลไปรับออกจากโรงแรมแต่แท็กซี่ไม่ยอมที่จะให้นักท่องเที่ยวขึ้นรถของโรงพยาบาล ซึ่งถือว่าเป็นเรื่องร้ายแรงมาก” นายภูริตกล่าวในที่สุด
อย่างไรก็ตาม ในการนำเสนอปัญหาครั้งนี้ ภาคเอกชนที่เข้าร่วมต่างก็ได้นำเสนอปัญหาเรื่องของการการพัฒนาปรับปรุงระบบการตรวจคนเข้าเมืองที่ท่าอากาศยานนานาชาติภูเก็ต การเพิ่มบุคลากรของด่านตรวจคนเข้าเมือง เพื่ออำนวยความสะดวก และให้บริการนักท่องเที่ยวได้รวดเร็วขึ้น โดยเฉพาะในช่วงที่มีสายการบินหลายแห่งเดินทางมาถึงจังหวัดภูเก็ตในเวลาที่ใกล้เคียงกันเวลากลางคืน และมีความคิดเห็นสอดคล้องกันว่า หน่วยงานราชการควรจะต้องบังคับใช้กฎหมายอย่างเคร่งครัด เช่น เจ้าหน้าที่ตำรวจจับกุมผู้ที่เอารัดเอาเปรียบนักท่องเที่ยวอย่างจริงจัง ทั้งกรณีเรือเจ็ตสกี รถแท็กซี่ป้ายดำที่โก่งค่าโดยสาร รวมทั้งเสนอให้กระทรวงการต่างประเทศพิจารณาการบริการจัดทำวีซ่าสำหรับชาวต่างประเทศในจังหวัดภูเก็ต เป็นกรณีพิเศษ เพราะในปัจจุบัน หากเดินทางไปประเทศใกล้เคียงเสียค่าใช้จ่ายหลายหมื่นบาท และผลประโยชน์ส่วนนี้ทางกระทรวงการต่างประเทศน่าจะให้บริการ และคิดค่าธรรมเนียมที่สูงขึ้นตามความเหมาะสมด้วย