เหตุคาร์บอมบ์กลางตลาดเมืองสายบุรี จังหวัดปัตตานี เมื่อช่วงเที่ยงเศษๆ ของวันที่ 21 กันยายน 2555 นับเป็นเหตุรุนแรงครั้งใหญ่ครั้งหนึ่งที่คนร้ายมุ่งต้องการทำลายเศรษฐกิจของเมืองให้ย่อยยับไป เช่นเดียวกับที่เคยเกิดขึ้นในย่านเศรษฐกิจสำคัญๆ ใน 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ รวมถึงเมืองสำคัญอย่างอำเภอหาดใหญ่ จังหวัดสงขลาด้วย
หลังเหตุคาร์บอมบ์กลางเมืองหลายครั้งที่ผ่านมา ทำให้มีการพูดถึงมาตรการต่างๆ เพื่อป้องกันเหตุร้ายในย่านเศรษฐกิจ โดยเฉพาะการกำหนดเขตพื้นที่ปลอดภัย หรือเซฟตี้โซน (Safety Zone)
กระทั่งล่าสุด รัฐบาลได้ประกาศเป็นนโยบายเร่งด่วนในการกำหนดเซฟตี้โซน (Safety Zone) ใน 7 หัวเมืองเศรษฐกิจ หลังเกิดเหตุคาร์บอมบ์ในเขตเทศบาลเมืองสุไหงโก-ลก เมื่อวันที่ 20 กรกฎาคม 2555 และที่โรงแรมซี.เอส.ปัตตานี เมื่อวันที่ 31 กรกฎาคม 2555 ทั้ง 7 หัวเมืองเศรษฐกิจดังกล่าว ได้แก่
1.พื้นที่อำเภอเมือง จังหวัดปัตตานี
2.พื้นที่อำเภอเมือง จังหวัดยะลา
3.พื้นที่อำเภอเบตง จังหวัดยะลา
4.พื้นที่อำเภอเมือง จังหวัดนราธิวาส
5.พื้นที่อำเภอตาบใบ จังหวัดนราธิวาส
6.พื้นที่อำเภอสุไหงโก-ลก จังหวัดนราธิวาส และ
7.พื้นที่อำเภอหาดใหญ่ จังหวัดสงขลา
โดยจะมีมาตรการต่างๆ ที่ใช้ในเขตเซฟตี้โซน เช่น กำหนดให้เดินรถทางเดียว หรือ one way กำหนดทางเข้าออกชัดเจน และมีจุดตรวจบริเวณทางเข้าและทางออก โดยมีเจ้าหน้าที่ประจำจุดตรวจตลอด 24 ชั่วโมง ใช้เครื่องมือทันสมัยในการตรวจวัตถุต้องสงสัย มีการติดตั้งกล้องวงจรปิด (CCTV) เพิ่ม รวมทั้งมีเจ้าหน้าที่ดูแลรักษาความปลอดภัยประจำจุดต่างๆ
ที่สำคัญ มีการตรวจตรารถยนต์ หรือรถจักรยานยนต์ทุกคนคันที่ผ่านเข้าออก หรือแม้กระทั่งการตรวจบุคคล ซึ่งแน่นอนย่อมสร้างความไม่สะดวกให้แก่ประชาชน จนส่งอาจผลให้วิถีชีวิตของประชาชนในเขตเซฟตี้โซนเปลี่ยนแปลงไป รวมทั้งอาจกระทบต่อการค้าการขาย จนทำให้พ่อค้าแม่ค้าไม่เห็นด้วย ดังเช่นที่เคยเกิดขึ้นกับย่านเศรษฐกิจถนนรวมมิตร ในเขตเทศบาลนครยะลามาแล้ว
การจัดทำเขตเซฟตี้โซนในย่านถนนรวมมิตรครั้งแรก มีขึ้นหลังเหตุระเบิดทั่วเมืองยะลา 12 จุด เมื่อวันที่ 25 ตุลาคม 2554 แต่ทำได้เพียงเดือนก็ถูกผู้ประกอบการจำนวนหนึ่งออกมาประท้วงไม่เห็นด้วย จนต้องยกเลิกไป กระทั่งเกิดเหตุคาร์บอมบ์อีกครั้งเมื่อวันที่ 31 มีนาคม 2555 พร้อมกับเหตุคาร์บอมบ์ที่โรงแรมลี การ์เด้นส์ พลาซ่า อำเภอหาดใหญ่ จังหวัดสงขลา จึงมีการจัดทำเป็นเขตเซฟตี้โซนอีกครั้งกระทั่งปัจจุบัน ก็ยังไม่มีใครออกมาประท้วง
ถึงกระนั้น การกำหนดเขตเซฟตี้โซน ก็ใช่ว่าจะสามารถป้องกันเหตุร้ายได้ร้อยเปอร์เซ็นต์ อย่างเหตุระเบิดห้างซุปเปอร์ดีพาร์ทเม้นต์สโตร์ 4 สาขานราธิวาส ซึ่งเป็นห้างดัง และใหญ่ที่สุดของจังหวัดนราธิวาส ตั้งอยู่บนถนนจำรูญนรา ในเขตเทศบาลเมืองนราธิวาส เมื่อช่วงกลางคืนของวันที่ 31 สิงหาคม 2555 จนเกิดเพลิงไหม้เสียหายอย่างหนัก ห้างนี้ก็ตั้งอยู่ในเขตเซฟตี้โซนเช่นกัน
ดังนั้น การกำหนดเขตเซฟตี้โซนทั้ง 7 หัวเมืองเศรษฐกิจ จึงมีทั้งฝ่ายที่เห็นด้วย และไม่เห็นด้วย โดยฝ่ายที่เห็นด้วย มองว่า อย่างน้อยก็ช่วยรักษาชีวิตได้ แม้จะสร้างความลำบากอยู่บ้างก็ตาม
ฝ่ายผู้ประกอบการที่เห็นด้วย อย่างนายวรพจน์ อุฬาร์ศิลป์ เจ้าของห้างทองโอฬาร (อุ่ยยงพง) ในเขตเทศบาลนครยะลา แต่อยู่นอกเขตเซฟตี้โซน มองว่า เป็นเรื่องที่ดีเพราะประชาชนจะได้รับความปลอดภัยมากขึ้น และอยากให้เพิ่มเขตเซฟตี้โซนในเขตเทศบาลนครยะลาขึ้นอีก
แต่ในมุมมองของพนักงานร้านค้าบนถนนรวมมิตรคนหนึ่ง มองว่า หากกำหนดเซฟตี้โซนเพิ่ม ก็จะยิ่งทำให้ประชาชนในเขตเซฟตี้โซนไม่ค่อยอยากออกจากบ้าน เพราะการจราจรไม่สะดวก แต่ก็เป็นเรื่องที่ดีที่ประชาชนจะได้รับความปลอดภัยมากขึ้น และเห็นด้วยที่จะให้มีเขตเซฟตี้โซนใน 7 เมืองเศรษฐกิจ เพราะจะรู้สึกมั่นใจในความปลอดภัยเวลาไปเที่ยวในพื้นที่นั้นๆ
ขณะที่นายเดชรัฐ สิมศิริ ผู้ว่าราชการจังหวัดยะลา ระบุว่า การกำหนดเขตเซฟตี้โซนทั้ง 7 เมืองดังกล่าว รัฐบาลควรนำรูปแบบเซฟตี้โซนของจังหวัดยะลาไปเป็นตัวอย่าง เพราะมีมาตรการที่ดี สามารถดูแลรักษาความปลอดภัยได้
นายเดชรัฐ ย้ำด้วยว่า การเพิ่มเขตเซฟตี้โซนในเขตเทศบาลนครยะลานั้น ขึ้นอยู่กับความเสี่ยงที่จะตกเป็นเป้าหมายในการก่อเหตุด้วย ซึ่งหน่วยงานรัฐได้ประเมินสถานการณ์ตลอดเวลา และเห็นว่าขณะนี้ เขตที่จำเป็นต้องทำเซฟตี้โซน มีเพียงถนนยะลาสายกลาง และถนนรวมมิตร
ส่วนความเห็นของภาคเอกชนในพื้นที่จังหวัดปัตตานี อย่างนายสมศักดิ์ อิสริยะภิญโญ ประธานหอการค้าจังหวัดปัตตานี มองว่า อยากเห็นรูปแบบเซฟตี้โซนที่รัฐบาลต้องการก่อนว่าเป็นอย่างไร จึงจะวิพากษ์วิจารณ์ได้ โดยส่วนตัวเห็นด้วย แต่ต้องอยู่บนพื้นฐานที่ไม่ส่งผลกระทบต่อวิถีของประชาชนในพื้นที่มากจนเกินไป อาจเป็นประโยชน์ครึ่งต่อครึ่งระหว่างรัฐกับประชาชน
สอดคล้องกับความเห็นของภาครัฐอย่าง นายเสรี ศรีหะไตร รองผู้ว่าราชการจังหวัดปัตตานี ที่มองว่า เซฟตี้โซนของคนปัตตานี หมายถึงวิถีชีวิตปกติของประชาชนในพื้นที่ อะไรก็ตามที่ทำให้วิถีชีวิตผิดปกติไปจากเดิม สิ่งนั้นไม่ใช่เซฟตี้ของปัตตานี
“เซฟตี้โซนของปัตตานีคือ บริเวณที่พี่น้องอาศัยอยู่จะไม่มีสิ่งของขวางกั้น ทั้งป้อมยาม ด่านตรวจ การเดินรถทางเดียว หรือการตรวจเข้มเฉพาะบุคคลที่สวมชุดโต๊ปและหมวกกะปิเยาะ แต่เซฟตี้โซนในที่นี้หมายถึง การเพิ่มความแน่นแฟ้นของพี่น้องประชาชนในเขตเทศบาลเมืองปัตตานี ซึ่งทุกคนต้องช่วยเจ้าหน้าที่ดูแลระมัดระวังสิ่งที่แปลกปลอมที่จะเข้ามาในพื้นที่ แต่ยังคงมีมาตรการเสริมในการดูแลจุดที่ล่อแหลมต่างๆ อยู่” นายเสรียืนยัน
ในส่วนของจังหวัดนราธิวาส นายกู้เกียรติ บูรพาพงศ์ ประธานหอการค้าจังหวัดนราธิวาส เห็นว่า ในจังหวัดนราธิวาสเกิดเหตุรุนแรงมาหลายปีแล้ว ก็ยังไม่มีมาตรการใดๆ ที่สามารถยับยั้งการก่อเหตุได้ ซึ่งเห็นด้วยการทำเขตเซฟตี้โซนตามนโยบายของรัฐบาล อย่างน้อยก็สามารถสร้างความปลอดภัยให้ประชาชน และนักท่องเที่ยวชาวมาเลเซีย
นายเถกิงศักดิ์ ยกศิริ นายอำเภอเมืองนราธิวาส ระบุว่า ในเขตเทศบาลเมืองนราธิวาส ที่ผ่านมามีการกำหนดเขตเซฟตี้โซนบริเวณถนนภูผาภักดีมาแล้วประมาณ 8 เดือน ยังไม่เกิดเหตุรุนแรงใดๆ กระทั่งเกิดเหตุระเบิดวางเพลิงห้างซุปเปอร์ดีพาร์ทเมนท์สโตร์ 4 บนถนนจำรูญนรา
นายเถกิงศักดิ์ ระบุต่อไปว่า ในเขตเซฟตี้โซนมีการตั้งจุดตรวจทางเข้า-ออก มีเจ้าหน้าที่ดูแลรักษาความปลอดภัยตลอด 24 ชั่วโมง ประมาณ 150 นาย ทั้งทหาร ตำรวจ และฝ่ายปกครอง มีการติดตั้งกล้องวงจรปิด แต่ไม่ได้จัดระบบจราจรให้เดินรถทางเดียว
นายจำนัน เหมือนดำ นายอำเภอเมืองสุไหงโก-ลก จังหวัดนราธิวาส ระบุว่า หน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพิ่งดำเนินการเรื่องเซฟตี้โซนในเขตเทศบาลเมืองสุไหง โก-ลกมาประมาณ 1 เดือนที่ผ่านมา รวม 4 จุด
“ผมเห็นด้วยกับการทำเขตเซฟตี้โซนใน 7 เมืองเศรษฐกิจ หากเป็นไปได้ควรขยายเขตเซฟตี้โซนออกไปให้ครอบคลุมทุกพื้นที่ ทั้งในเขตเมือง และนอกเมือง” นายจำนันกล่าว
ขณะที่นายอภินันท์ ซื่อธานุวงศ์ ผู้ว่าราชการจังหวัดนราธิวาส ระบุว่า ได้มอบหมายให้หน่วยงาน 3 ฝ่าย ทั้งตำรวจ ทหาร และฝ่ายปกครองในการกำหนดมาตรการที่จะใช้เขตเซฟตี้โซนตามนโยบายของรัฐบาล โดยมีการรับฟังความคิดจากประชาชนในพื้นที่ด้วย
“เขตเซฟตี้โซนของนราธิวาส จะครอบคลุมทั้งในเขตชุมชนเมือง และย่านเศรษฐกิจ โดยจะเพิ่มจุดตรวจ และปรับปรุงระบบจราจรให้เป็นระเบียบมากขึ้น” นายอภินันท์ระบุ
ในส่วนของพื้นที่อำเภอหาดใหญ่ จังหวัดสงขลา แม้จะอยู่นอกเขต 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ แต่คนในหาดใหญ่ก็รู้สึกหวาดผวาทุกครั้งเมื่อเกิดเหตุคาร์บอมบ์ในเขตเมือง เนื่องจากหาดใหญ่เองเคยประสบกับเหตุรุนแรงมาแล้วหลายครั้ง และทุกครั้งมักเป็นเหตุการณ์ใหญ่ และส่งผลกระทบอย่างรุนแรง โดยเฉพาะด้านเศรษฐกิจ
ที่ผ่านมา ทางจังหวัดสงขลาได้กำหนดเขตเซฟตี้โซนในอำเภอหาดใหญ่มาแล้ว แต่มีมาตรการที่แตกต่างกับที่ใช้ใน 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ เนื่องจากเน้นการใช้กำลังอาสาสมัครรักษาดินแดน เครือข่ายภาคประชาชน และตำรวจในการดูแลรักษาความปลอดภัยเป็นหลัก เพื่อมิให้กระทบกับบรรยากาศการเป็นเมืองท่องเที่ยว โดยมีการลาดตระเวนในย่านเศรษฐกิจกลางเมือง หรือเรียกว่าพื้นที่ไข่แดง และมีการการติดตั้งวงจรปิดกว่า 300 จุด
ในขณะที่การตั้งด่านตรวจ หรือจุดตรวจที่อาจจะส่งผลให้ประชาชนได้รับความเดือดร้อนนั้น จะตั้งอยู่ในพื้นที่รอบนอก หรือบริเวณทางเข้าพื้นที่อำเภอหาดใหญ่ รวม 17 จุด
“เซฟตี้โซน” เป็นเพียงมาตรการหนึ่งในการรักษาความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สิน และใช้เฉพาะพื้นที่เท่านั้น แต่ก็ใช่ว่าคนในพื้นที่อื่นไม่ต้องการความปลอดภัย ดังนั้น ในภาวะเช่นนี้ จะทำอย่างไรที่จะให้ทุกพื้นที่กลายเป็นเซฟตี้โซนทั้งหมด