ศูนย์ข่าวหาดใหญ่ - ผลิตภัณฑ์ดูแลรักษารถ “The seeker” จากเมืองเบียร์ บุกทำตลาดสงขลา เปิดแฟรนไชส์เจ้าแรกลงแข่งตลาด Glass Coating หลังปล่อยให้ผลิตภัณฑ์จากญี่ปุ่นครองอันดับ 1 มานาน มั่นใจแผนการตลาดเจาะกลุ่มรถยนต์ขนาดเล็ก และการให้บริการถึงบ้านจะสามารถตีชิงบัลลังก์ได้ภายในเดือนแรกด้วยยอด 1 ล้านบาท ขณะที่ผู้นำเข้าของไทยเผยยอดขายรวมทั่วประเทศแตะ 40 ล้านแล้ว นอกจากนี้ ยังมีมูลค่าส่งออกไปยังดูไบอีก 20 ล้าน และเพิ่งทำตลาดในเกาหลี
นายอิงคยุทธ จันทร์ศรีบุตร เจ้าของธุรกิจแฟรนไชส์ผลิตภัณฑ์ดูแลรักษารถยนต์ของ The Seeker ที่นำเข้าจากประเทศเยอรมนี ใน จ.สงขลา กล่าวว่า ตลาดการเคลือบ Glass Coating ได้รับความนิยมมากใน จ.สงขลา และมีแนวโน้มเติบโตตลอดจนแข่งขันกันสูง เฉพาะใน อ.หาดใหญ่ มี 6-7 ราย แต่ก็ยังมีช่องว่างของตลาดอยู่อีกมาก จึงตัดสินใจย้ายสาขามาเปิดใหม่ภายใต้ชื่อ JSB CAR WASH บน ถ.นิพัทธ์สงเคราะห์ 5 เพื่อเป็นทางเลือกของคนรักรถได้รับบริการ นอกเหนือจาก 2 สาขาที่เปิดแยกคนละมุมเมือง โดยใช้ชื่อว่าหาดใหญ่พรีเมี่ยมแคร์ ตั้งอยู่ ถ.ราษฎร์อุทิศ และเทคแคร์ ถ.ประชายินดี
“การลงทุนแห่งใหม่นี้ใช้งบประมาณเยอะพอสมควร เฉพาะค่าแฟรนไชส์อย่างเดียว 500,000 บาท ไม่รวมสถานที่ และการก่อสร้างบนเนื้อที่กว่า 1 ไร่ ซึ่งมีสิ่งอำนวยความสะดวกระหว่างรอบริการ ทั้งคอฟฟี่ชอป ไวไฟ อยู่ท่ามกลางสวน และต้นไม้ พร้อมระบบความปลอดภัยที่จะติดตั้งกล้องวงจรปิดด้วย โดยจะเจาะกลุ่มเคลือบแก้วให้แก่รถยนต์ขนาดเล็ก เช่น แจ๊ซ, ยารีส เป็นต้น เพื่อให้มาเป็นลูกค้ามากขึ้นในราคาที่น้อยลงตั้งแต่ 5,000 บาทขึ้นไปก็สามารถทำได้ แต่ยังคงมีความสวยงามนาน 3-5 ปี” นายอิงคยุทธ กล่าวต่อและว่า
สำหรับเทคโนโลยีของ The Seeker นั้น จะใช้วิธีพ่นเคลือบแก้ว และพ่นระบบน้ำที่จะทำให้รถมีความเงางาม ซึ่งเป็นเทคโนโลยีใหม่ของยุโรป นอกจากนี้ ลูกค้าสามารถรับบริการดูแลรถได้ถึงที่บ้านได้โดยตรงอีกด้วย ซึ่งระหว่างที่ทำ Glass Coating นั้นไม่ได้จำกัดว่าการล้างทำความสะอาดนั้นต้องมาเฉพาะที่นี่ที่เดียว แต่สามารถล้างที่อื่นได้ตามความสะดวก ส่วนลูกค้าที่ชอบล้างรถเองก็สามารถซื้อผลิตภัณฑ์ไปทำเองได้ที่บ้านเช่นเดียวกัน
ด้านนายอภิสิทธิ์ ชาลีกุล ผู้นำเข้าผลิตภัณฑ์ The Seeker กล่าวว่า พบว่าในตลาดรวมของศูนย์ Glass Coating มีมากกว่าร้อยราย ภายหลังจากที่นำเข้าสินค้ามายังประเทศไทยได้ 5 ปี The Seeker มีการเติบโตทุกปีเฉลี่ย 20% ทำให้ยอดขายทั่วประเทศปัจจุบันอยู่ที่ 40 ล้าน มีแฟรนไชส์แล้ว 30 แห่งทั่วประเทศไทย ไม่นับรวมการส่งผลิตภัณฑ์ให้แก่โตโยต้าชัวร์ อีกกว่า 20 สาขา โดยภาคใต้ยังเป็นตลาดหลัก และมีส่วนแบ่งการตลาดที่ 50% ปัจจุบันมีที่ จ.ชุมพร, สงขลา, สุราษฎร์ธานี, นครศรีธรรมราช และกำลังจะเปิดภายในปีนี้ที่ จ.ภูเก็ต, กระบี่ และตรัง
ขณะเดียวกัน บริษัทแม่จากประเทศเยอรมนีได้ใช้ไทยเป็นฐานการดูแลลูกค้าในภูมิภาคนี้ด้วย ด้วยเชื่อมั่นในการบริการที่ส่วนใหญ่แล้วลูกค้าของไทยจะมีความคาดหวังกับการดูแลมากเป็นพิเศษกว่าประเทศอื่นๆ โดยปัจจุบัน ได้ส่งให้แก่เมืองดูไบ มีมูลค่าราว 20 ล้านบาทต่อปี และเพิ่งทำตลาดในประเทศเกาหลีได้ระยะหนึ่ง
“สำหรับมูลค่า Glass Coatting ใน อ.หาดใหญ่ แต่ละปีไม่น้อยกว่า 1 ล้านบาท และมีเบอร์หนึ่งที่ครองตลาดอยู่แล้ว แต่ด้วยยังเป็นเทคโนโยลีรุ่นเก่าของญี่ปุ่นที่เกิดขึ้นสิบกว่าปีก่อน ทำให้ผมมีความมั่นใจในตัวผลิตภัณ ฑ์และเทคนิคว่าที่มาใหม่ใน 7 ปีหลัง และมีการปรับปรุงทุกปีว่าจะทำให้ลูกค้าเกิดความพอใจ และเมื่อมองศักยภาพของเมืองหาดใหญ่เชื่อว่าผู้ที่ทำแฟรนไชส์สามารถทำรายได้ทะลุ 1 ล้านบาทได้ในเดือนแรก เช่นเดียวกับที่ จ.สุราษฎร์ธานี จากปกติที่ใช้เวลาประมาณ 6 เดือน” นายอภิสิทธิ์ กล่าวต่อและว่า
สำหรับการเป็นแฟรนไชส์นั้น หากมีสถานที่แล้วจะเสียค่าใช้จ่ายเพียงครั้งเดียว 550,000 บาท ซึ่งได้รับการอบรมทั้งกรรมวิธี ความรู้ และตัวผลิตภัณฑ์ แต่หากมีเพียงทำเล และต้องการให้ก่อสร้าง ตกแต่งเพิ่มเติมด้วยแล้ว มีค่าใช้จ่าย 2.8 ล้านบาท และแต่ละสาขาต้องมียอดการสั่งซื้อผลิตภัณฑ์ต่อปีไม่น้อยกว่า 300,000 บาท
นายอิงคยุทธ จันทร์ศรีบุตร เจ้าของธุรกิจแฟรนไชส์ผลิตภัณฑ์ดูแลรักษารถยนต์ของ The Seeker ที่นำเข้าจากประเทศเยอรมนี ใน จ.สงขลา กล่าวว่า ตลาดการเคลือบ Glass Coating ได้รับความนิยมมากใน จ.สงขลา และมีแนวโน้มเติบโตตลอดจนแข่งขันกันสูง เฉพาะใน อ.หาดใหญ่ มี 6-7 ราย แต่ก็ยังมีช่องว่างของตลาดอยู่อีกมาก จึงตัดสินใจย้ายสาขามาเปิดใหม่ภายใต้ชื่อ JSB CAR WASH บน ถ.นิพัทธ์สงเคราะห์ 5 เพื่อเป็นทางเลือกของคนรักรถได้รับบริการ นอกเหนือจาก 2 สาขาที่เปิดแยกคนละมุมเมือง โดยใช้ชื่อว่าหาดใหญ่พรีเมี่ยมแคร์ ตั้งอยู่ ถ.ราษฎร์อุทิศ และเทคแคร์ ถ.ประชายินดี
“การลงทุนแห่งใหม่นี้ใช้งบประมาณเยอะพอสมควร เฉพาะค่าแฟรนไชส์อย่างเดียว 500,000 บาท ไม่รวมสถานที่ และการก่อสร้างบนเนื้อที่กว่า 1 ไร่ ซึ่งมีสิ่งอำนวยความสะดวกระหว่างรอบริการ ทั้งคอฟฟี่ชอป ไวไฟ อยู่ท่ามกลางสวน และต้นไม้ พร้อมระบบความปลอดภัยที่จะติดตั้งกล้องวงจรปิดด้วย โดยจะเจาะกลุ่มเคลือบแก้วให้แก่รถยนต์ขนาดเล็ก เช่น แจ๊ซ, ยารีส เป็นต้น เพื่อให้มาเป็นลูกค้ามากขึ้นในราคาที่น้อยลงตั้งแต่ 5,000 บาทขึ้นไปก็สามารถทำได้ แต่ยังคงมีความสวยงามนาน 3-5 ปี” นายอิงคยุทธ กล่าวต่อและว่า
สำหรับเทคโนโลยีของ The Seeker นั้น จะใช้วิธีพ่นเคลือบแก้ว และพ่นระบบน้ำที่จะทำให้รถมีความเงางาม ซึ่งเป็นเทคโนโลยีใหม่ของยุโรป นอกจากนี้ ลูกค้าสามารถรับบริการดูแลรถได้ถึงที่บ้านได้โดยตรงอีกด้วย ซึ่งระหว่างที่ทำ Glass Coating นั้นไม่ได้จำกัดว่าการล้างทำความสะอาดนั้นต้องมาเฉพาะที่นี่ที่เดียว แต่สามารถล้างที่อื่นได้ตามความสะดวก ส่วนลูกค้าที่ชอบล้างรถเองก็สามารถซื้อผลิตภัณฑ์ไปทำเองได้ที่บ้านเช่นเดียวกัน
ด้านนายอภิสิทธิ์ ชาลีกุล ผู้นำเข้าผลิตภัณฑ์ The Seeker กล่าวว่า พบว่าในตลาดรวมของศูนย์ Glass Coating มีมากกว่าร้อยราย ภายหลังจากที่นำเข้าสินค้ามายังประเทศไทยได้ 5 ปี The Seeker มีการเติบโตทุกปีเฉลี่ย 20% ทำให้ยอดขายทั่วประเทศปัจจุบันอยู่ที่ 40 ล้าน มีแฟรนไชส์แล้ว 30 แห่งทั่วประเทศไทย ไม่นับรวมการส่งผลิตภัณฑ์ให้แก่โตโยต้าชัวร์ อีกกว่า 20 สาขา โดยภาคใต้ยังเป็นตลาดหลัก และมีส่วนแบ่งการตลาดที่ 50% ปัจจุบันมีที่ จ.ชุมพร, สงขลา, สุราษฎร์ธานี, นครศรีธรรมราช และกำลังจะเปิดภายในปีนี้ที่ จ.ภูเก็ต, กระบี่ และตรัง
ขณะเดียวกัน บริษัทแม่จากประเทศเยอรมนีได้ใช้ไทยเป็นฐานการดูแลลูกค้าในภูมิภาคนี้ด้วย ด้วยเชื่อมั่นในการบริการที่ส่วนใหญ่แล้วลูกค้าของไทยจะมีความคาดหวังกับการดูแลมากเป็นพิเศษกว่าประเทศอื่นๆ โดยปัจจุบัน ได้ส่งให้แก่เมืองดูไบ มีมูลค่าราว 20 ล้านบาทต่อปี และเพิ่งทำตลาดในประเทศเกาหลีได้ระยะหนึ่ง
“สำหรับมูลค่า Glass Coatting ใน อ.หาดใหญ่ แต่ละปีไม่น้อยกว่า 1 ล้านบาท และมีเบอร์หนึ่งที่ครองตลาดอยู่แล้ว แต่ด้วยยังเป็นเทคโนโยลีรุ่นเก่าของญี่ปุ่นที่เกิดขึ้นสิบกว่าปีก่อน ทำให้ผมมีความมั่นใจในตัวผลิตภัณ ฑ์และเทคนิคว่าที่มาใหม่ใน 7 ปีหลัง และมีการปรับปรุงทุกปีว่าจะทำให้ลูกค้าเกิดความพอใจ และเมื่อมองศักยภาพของเมืองหาดใหญ่เชื่อว่าผู้ที่ทำแฟรนไชส์สามารถทำรายได้ทะลุ 1 ล้านบาทได้ในเดือนแรก เช่นเดียวกับที่ จ.สุราษฎร์ธานี จากปกติที่ใช้เวลาประมาณ 6 เดือน” นายอภิสิทธิ์ กล่าวต่อและว่า
สำหรับการเป็นแฟรนไชส์นั้น หากมีสถานที่แล้วจะเสียค่าใช้จ่ายเพียงครั้งเดียว 550,000 บาท ซึ่งได้รับการอบรมทั้งกรรมวิธี ความรู้ และตัวผลิตภัณฑ์ แต่หากมีเพียงทำเล และต้องการให้ก่อสร้าง ตกแต่งเพิ่มเติมด้วยแล้ว มีค่าใช้จ่าย 2.8 ล้านบาท และแต่ละสาขาต้องมียอดการสั่งซื้อผลิตภัณฑ์ต่อปีไม่น้อยกว่า 300,000 บาท
