xs
xsm
sm
md
lg

ชุดเสือไฟ 1,600 นายลุยดับไฟป่าพรุควนเคร็ง คาด 3 วันจบ

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


นครศรีธรรมราช - ชุดเสือไฟกว่า 1,600 นายเร่งลุยดับไฟป่าพรุควนเคร็ง คาด 3 วันจบ ขณะที่ชุดเฉพาะกิจปราบปรามการลักลอบตัดไม้ และทำลายทรัพยากรธรรมชาตินครศรีธรรมราช เข้าตรวจยึดไม้เสม็ดขาวถูกโค่นกลางป่าพรุ เตรียมนำออกมาขายจำนวนเกือบ 1 หมื่นต้น พบหลักฐานบัญชีธนาคาร และบัญชีซื้อขายไม้ทิ้งไว้ในที่เกิดเหตุก่อนหลบหนี

วันนี้ (19 ส.ค.) สถานการณ์ไฟป่าพรุควนเคร็งในหลายกลุ่มป่าจะอ่อนกำลังลง เนื่องจากมีระลอกฝนที่เกิดจากปฏิบัติการฝนหลวงตกลงมาเมื่อเย็นวานนี้เป็นวันที่สอง แต่ระยะเวลาที่ฝนตกยังไม่สามารถดับไฟในกลุ่มป่าต่างๆ ในเขตป่าพรุควนเคร็งได้ โดยเฉพาะกลุ่มป่าสงวนแห่งชาติป่าท่าช้างข้าม ในเขตอำเภอเชียรใหญ่ กลุ่มป่าสงวนแห่งชาติป่ากุมแป และกลุ่มป่าสงวนแห่งชาติป่าควนเคร็งในเขตอำเภอชะอวด

ขณะที่แนวการควบคุมไฟในแปลงศึกษาพันธุ์ไม้เสม็ดขาวครบวงจร โดยมูลนิธิชัยพัฒนา ในพระราชดำริสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี เจ้าหน้าที่ยังคงต้องเร่งควบคุมไฟให้ได้ โดยฝนหลวงได้ช่วยบรรเทาความรุนแรงของสถานการณ์ลงไปได้มาก แต่ไฟยังคงไม่ดับอย่างเด็ดขาด เนื่องจากมีไฟมุดใต้ดินในหลายจุด หลังจากฝนหยุดไฟในแนวมุดใต้ดินเหล่านั้นจะปะทุขึ้นมาเป็นเปลวไฟระลอกใหม่ เจ้าหน้าที่เสือไฟต้องสูบน้ำตอนใส่ถุงผ้าใบเป็นระยะเพื่อดับไฟในแนวไฟมุดให้มอดสนิทให้ได้ โดยเฉพาะในแนวที่ยังคงมีควันคุกรุ่น

ส่วนความเสียหายแปลงศึกษาพันธ์ไม้เสม็ดขาวครบวงจร เบื้องต้นประมาณการความเสียหายไม่น้อยกว่า 700 ไร่จากทั้งหมด 1,900 ไร่ ส่วนภาพรวมของความเสียหายนั้นมีการประมาณการจากแผนที่ และบินสำรวจทางอากาศอาจจะมีความเสียหายมากกว่า 30,000 ไร่ แต่อย่างไรก็ตาม ในการคำนวณพิกัดอย่างชัดเจนหลังจากสถานการณ์ไฟสงบลงทุกจุดเจ้าหน้าที่จะเดินสำรวจรอบแนวดำเพื่อทำแผนที่ทางดาวเทียม และคำนวณเนื้อที่ที่ชัดเจนอีกครั้ง ส่วนความเสียหายกว่า 9,000 ไร่ที่มีการรายงานนั้นเป็นการสรุปความเสียหายอย่างเป็นทางการเมื่อหลายวันก่อน

และเมื่อช่วงเช้าของวันเดียวกันนี้ ที่ศูนย์อำนวยการเฉพาะกิจดับไฟป่ากรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่าและพันธุ์พืช หน้าศาลหลวงต้นไทร ต.การะเกด อ.เชียรใหญ่ จ.นครศรีธรรมราช นายวิโรจน์ จิวะรังสรรค์ ผู้ว่าราชการจังหวัดนครศรีธรรมราช กล่าวต้อนรับ และร่วมปล่อยแถวเจ้าหน้าที่อุทยานฯ จำนวนกว่า 1,600 นายที่เดินทางมาจากทั่วประเทศ เพื่อปฏิบัติภารกิจควบคุมไฟป่าพรุควนเคร็งที่กำลังได้รับความเสียหายอย่างหนัก

นายวิโรจน์ จิวะรังสรรค์ ผู้ว่าราชการจังหวัดนครศรีธรรมราช เปิดเผยว่า สำหรับแนวทางการดับไฟป่าจะระดมกำลังทั้งหมดเดินปูพรมภาคพื้นดินทั่วทั้งพื้นป่าพรุควนเคร็งในพื้นที่ที่ไฟกำลังไหม้อยู่ โดยจะเน้นพิเศษ 2 อำเภอคือ อ.ชะอวด และ อ.เชียรใหญ่ ที่สถานการณ์ไฟป่าค่อนข้างรุนแรงกว่าอำเภออื่น ซึ่งการเดินปูพรมภาคพื้นดินจะได้รับความช่วยเหลือจากการปฏิบัติการทางอากาศ คือเจ้าหน้าที่จะนำเครื่องบินบินสำรวจพื้นที่ป่าพรุทั้งหมด เมื่อพบจุดที่เกิดไฟไหม้จะติดต่อประสานบอกพิกัด หรือจุดที่เกิดเหตุเพื่อให้กำลังทางภาคพื้นที่สามารถเดินทางเข้าไปเพื่อดับไฟป่าได้อย่างทันท่วงที

นอกจากนี้ กระบวนการทำฝนเทียมยังคงต้องดำเนินการต่อไป เพราะ 2 วันที่ผ่านมาปรากฏว่าในพื้นที่ป่าพรุมีฝนตกลงมาปริมาณน้ำฝนเป็นที่น่าพอใจ ส่งผลให้การลุกลามขยายของไฟป่าหยุดลงเกือบทั้งหมด ซึ่งหากวันนี้ฝนตกลงมาอีกประกอบกับกำลังเจ้าหน้าที่มีเพียงพอเชื่อว่าภารกิจดับไปฟ่าพรุควนเคร็งจะแล้วเสร็จภายใน 3 วัน

และในวันเดียวกันนี้ นายศุภโชค พราหมพูน หัวหน้าชุดเฉพาะกิจปราบปรามการลักลอบตัดไม้ และทำลายทรัพยากรธรรมชาตินครศรีธรรมราช พร้อมด้วยเจ้าหน้าที่จากเขตห้ามล่าพันธุ์สัตว์ป่าบ้านบ่อล้อ เจ้าหน้าที่สายตรวจกรมป่าไม้ได้เข้าทำการตรวจยึดไม้เสม็ดขาวจำนวนเกือบ 10,000 ต้นในเขตป่าพรุควนเคร็ง ช่วงป่าสงวนแห่งชาติป่าคลองฆ้อง ม.10 ต.สวนหลวง อ.เฉลิมพระเกียรติ จ.นครศรีธรรมราช

โดยเจ้าหน้าที่ต้องเดินเข้าตรวจยึดในพื้นที่ป่าที่กลุ่มนายทุนลักลอบตัดโค่น และกองรวมไว้เป็นจุดเป็นระยะทางยาวกว่า 500 เมตร ริมคลองในป่าพรุ เพื่อรอจังหวะขนไม้ลงไปในคลองและลอยออกมาชายป่าเพื่อปอกเปลือกไม้แล้วจึงส่งจำหน่าย

นอกจากนั้นยังพบหลักฐานสำคัญในที่เกิดเหตุ เป็นกระเป๋าถือมีสมุดบัญชีเงินฝาก บัตรเอทีเอ็ม บัญชีค่าใช้จ่ายในการจ้างคนงานตัดไม้ บัญชีการสั่งซื้อไม้เสม็ดขาวดังกล่าว โดยมีชื่อและที่อยู่ชัดเจน เป็นผู้หญิง ตรวจสอบเบื้องต้นพบว่าเป็นนักค้าไม้เสม็ดขาวรายใหญ่อยู่ใน ต.แม่เจ้าอยู่หัว อ.เชียรใหญ่ จ.นครศรีธรรมราช ซึ่งขณะนี้เจ้าหน้าที่ได้ทำบันทึกตรวจยึดไม้ทั้งหมด พร้อมทั้งหลักฐานนำส่งพนักงานสอบสวนดำเนินคดีแล้ว

นายศุภโชค พราหมพูน หัวหน้าชุดเฉพาะกิจปราบปรามการลักลอบตัดไม้ และทำลายทรัพยากรธรรมชาตินครศรีธรรมราช ระบุว่า เจ้าหน้าที่ได้บินสำรวจทางอากาศพบการลักลอบตัดไม้อยู่ในพื้นที่ หลังจากนั้นเจ้าหน้าที่ภาคพื้นดินได้เข้าพื้นที่กลุ่มผู้ลักลอบได้วิ่งหลบหนีเข้าไปในป่า พร้อมทั้งทิ้งหลักฐานที่สำคัญไว้ในที่เกิดเหตุ ซึ่งจะเป็นหลักฐานชิ้นสำคัญในการขอหมายจับ และติดตามจับกุมตัวเจ้าของไม้มาดำเนินคดีได้ง่ายขึ้น







กำลังโหลดความคิดเห็น