พัทลุง - เจ้าหน้าที่หิ้วจอบเสียมทำหน้าที่ผจญเพลิงดับไฟป่าพรุอีกวัน ขณะที่ควายน้ำต้องเดินทางไกลนับสิบกิโลเมตร เพราะไม่มีพื้นที่พรุให้อาศัยอาหาร และที่อยู่ ขณะที่กลุ่มนายทุนนั้นจ้องปักหมุดจองที่ดินหลังจากการเผาป่าสำเร็จ
วันนี้ (18 ส.ค.) สถานการณ์ไฟไหม้ป่าพรุ ในพื้นที่เขตห้ามล่าสัตว์ป่าทะเลน้อย และพื้นที่ป่าสงวนแห่งชาติคลองยวน อ.ควนขนุน จ.พัทลุง ในช่วงเช้าไฟยังคงคุกรุ่น แต่ในช่วงสายยังคงน่าเป็นห่วง ไฟยังคงโหมแรง และลุกลามอย่างต่อเนื่องจากกระแสลมบวกกับความแห้งแล้งของทุ่งหญ้า และป่าพรุเสม็ดขาว ทำให้ไฟลุกไหม้อย่างรวดเร็วกินบริเวณกว้าง โดยเฉพาะที่สวนพฤกษศาสตร์พัทลุง อ.ควนขนุน จ.พัทลุง ที่มีพื้นที่กว่า 6,000 ไร่ ถูกไฟเผาลุกลามมาอย่างต่อเนื่อง และได้รับความเสียหายกินพื้นที่ไปแล้วนับพันไร่ ทำลายระบบนิเวศป่าพรุเสม็ดขาวที่มีอายุนับร้อยปี และสมบูรณ์ที่สุดในประเทศไทย และมีสัตว์ป่าอาศัยนานาชนิด ทั้งสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนม และสัตว์เลื้อยคลาน รวมทั้งยังเป็นแหล่งทำรังวางไข่ของนกน้ำนานาชนิด ทั้งนกอพยพ และนกประจำถิ่น
โดยเจ้าหน้าที่ยังโหมทำงานระดมลงพื้นที่ดับไฟตั้งแต่เช้า กว่า 100 นาย แต่ก็เป็นไปด้วยความยากลำบาก เนื่องจากอุปกรณ์ดับไฟมีแค่จอบกับเสียมเท่านั้น และต้องนั่งเรือหางยาวไปได้เส้นทางเดียว และเจ้าหน้าที่เขตห้ามล่าสัตว์ป่าทะเลน้อยอีกจำนวนหนึ่งต้องแยกกำลังออกไปเฝ้าดูแลพื้นที่แรมซ่าไซร์ ที่เป็นพื้นที่ชุ่มน้ำโลกแห่งแรกของประเทศไทย และเป็นแหล่งทำรังวางไข่ของนกน้ำนานาชนิด ซึ่งพื้นที่โดยรอบไฟกำลังลุกไหม้ทุ่งหญ้า หวั่นจะลามเข้าพื้นที่ไข่แดงของเขตห้ามล่าจึงต้องเฝ้าระวังเป็นกรณีพิเศษ
ในขณะที่ชาวบ้านที่เลี้ยงควายในพื้นที่ป่าพรุ หรือที่เรียกกันติดปากว่าควายน้ำที่มีอยู่ประมาณ 2,500 ตัว ต่างได้รับผลกระทบอย่างหนัก พื้นที่ทุ่งหญ้าถูกไฟลามจนไม่มีหญ้าให้ควายกินเป็นอาหาร จำเป็นต้องต้อนควายออกไปหากินไกลนับ 10 กม. แต่ก็ถูกกลุ่มนายทุนไล่ไม่ให้ต้อนควายเข้าไปเลี้ยง เพราะกลุ่มนายทุนได้แสดงความเป็นเจ้าของพื้นที่ โดยแอบนำหลักหมุดไปปักเพื่อจับจองพื้นที่เช่นเดียวกันหลังจากพื้นที่ทุ่งหญ้าที่ไฟมอดลง
