xs
xsm
sm
md
lg

เวที พธม.สุราษฎร์ฯ ชี้ขยี้การเมืองเลวต้องทวงคืนแหล่ง “พลังงาน” เพื่อปฏิรูปประเทศไทย

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


ศูนย์ข่าวหาดใหญ่ - ดร.พิชาย รัตนดิลก ณ ภูเก็ต แนะหลักเกณฑ์พิจารณาปฏิรูปประเทศไทย เริ่มต้นจากตัวผู้นำการเมืองก่อนขยายความเข้มแข็งไปสู่ภาคประชาชน ขณะที่ อ.ปานเทพ พัวพงษ์พันธ์ ฟันธงเริ่มต้นจากการดึงพลังงานให้เป็นของคนไทย ชี้อ่าวไทยถูกต่างชาติ-ปตท.สูบจนพรุน เหลือก๊อกสุดท้ายจ่อสัมปทานครั้งใหม่ ด้าน อ.สมเกียรติ ยกคำทำนาย “หมอนิด กิจจา” ต้นตอปัญหาไฟสุมประเทศจาก “ทักษิณ” จะสิ้นชื่อก่อนกลับบ้าน และล้างบางตระกูล-ส่วนบรรดาลูกหาบไม่ล้มหายก็เข้าคุก

วันนี้ (29 ก.ค.) เวลา 15.00 น. ณ ห้องทักษิณาลัย โรงแรมสยามธานี อ.เมือง จ.สุราษฎร์ธานี วงเสวนา “หยุด!การเมืองเลว รวมพลังปฏิรูปประเทศไทย” โดย ดร.พิชาย รัตนดิลก ณ ภูเก็ต, อ.ปานเทพ พัวพงษ์พันธ์, อ.สมเกียรติ พงษ์ไพบูลย์ ดำเนินรายการโดยนายยุทธิยงค์ ลิ้มเลิศวาที
ดร.พิชาย รัตนดิลก ณ ภูเก็ต
ดร.พิชาย รัตนดิลก ณ ภูเก็ต กล่าวถึงภาพรวมเรื่องพลังงานว่า ยุคแรกรัฐบาลกำหนดค่าสัมปทานน้ำมันต่ำเนื่องจากเกรงว่าจะไม่มีน้ำมัน แต่ผ่านมา 20 ปี ปรากฏว่าประเทศไทยมีน้ำมันทั้งบนบก และทะเล มีคนต้องการเข้ามาขุดเจาะน้ำมันมากมาย แต่การเมืองที่ไม่เข้มแข็ง จึงไม่มีการเปลี่ยนแปลงค่าภาคหลวงให้สอดคล้องกับสถานการณ์ความเป็นจริง และส่งผลมายังการพัฒนาต่อๆ กันมา โดยในภาคใต้รัฐดันทุรังจะทำอุตสาหกรรมหนักทั้งที่ไม่เหมาะสม และกระทบต่อชาวบ้าน นี่เป็นส่วนหนึ่งที่เรากำลังคิดว่าถึงเวลาหรือยัง ที่จะปฏิรูปประเทศไทย

ดร.พิชาย ยังกล่าวต่อว่า ที่ผ่านมา ประชาชนเคยเสนออนาคตของภาคใต้ต้องเป็นแหล่งท่องเที่ยวที่ยั่งยืน 2.เป็นแหล่งอาหารโลก สนับสนุนการประมงยั่งยืน 3.พืชเศรษฐกิจ ปาล์มน้ำมัน แต่การจะมีแผนพัฒนาที่มาจากประชาชนเช่นนี้ ต้องมาจากการเมืองที่เข้มแข็ง และเป็นประชาธิปไตยที่ให้สิทธิเสียงส่วนใหญ่ แต่ก็เคารพเสียงส่วนน้อย

ทั้งนี้ ดร.พิชาย ได้ให้หลักในการดูความเข้มแข็ง และคุณภาพประชาธิปไตยว่า ประกอบด้วย การปกครองด้วยเสียงส่วนใหญ่ที่มีความชอบธรรม และคุณธรรม พลเมืองมีสิทธิอย่างเหมาะสมตามบริบทสังคม และวัฒนธรรม, รัฐมีความรับผิดชอบต่อสังคม ที่สำคัญที่สุดคือ การจัดสรรทรัพยากรให้เป็นธรรม ถ้ารัฐมีข้อนี้ก็จะขึ้นค่าภาคหลวงเพื่อจัดสรรผลประโยชน์ให้แก่ประชาชน, การเคารพกฎหมาย และปฏิบัติตามหน้าที่ของหน่วยงานรัฐและพลเมือง และข้อสุดท้ายที่จะดูความเข้มแข็งของประชาธิปไตย คือ พลเมืองมีส่วนร่วมทางการเมืองอย่างสร้างสรรค์

“ในสมัยหนึ่ง รัฐบาลทักษิณเป็นต้นเหตุให้เกิดการฆ่าตัดตอน สะเทือนหลักสิทธิมนุษยชน หรือนโยบายมักง่ายโดยไม่ศึกษาหรือทำการวิจัย ทั้ง 30 บาท รักษาทุกโรค, ค่าแรงขั้นต่ำ 300 บาท ทำให้การแข่งขันมีปัญหาสู้ตลาดโลกไม่ได้ มีปัญหาตามมาให้แก้ไขไม่จบ หรือแม้แต่ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ซึ่งเป็นเจ้าหน้าที่ของรัฐเดินทางไปพบอาชญากรที่เกาะฮ่องกงเพื่ออวยพรวันเกิด อย่างนี้ต้องถามว่า รัฐเคารพกฎหมายกันบ้างหรือเปล่า สะท้อนความอ่อนแอของระบอบประชาธิปไตยที่ยึดกฎหมายเป็นหลัก” ดร.พิชาย กล่าวต่อและว่า

ดังนั้น การปฎิรูปประเทศไทยต้องพิจารณาถึงเงื่อนไขต่างๆ ได้แก่ 1.ภาวะผู้นำ ต้องมีนักการเมืองที่มีวิสัยทัศน์ และถ่ายทอดให้ประชาชนได้ซึมซับในจิตใจเพื่อแปรสภาพเป็นพลังขับเคลื่อนด้วยพลังมหาศาล, มีจริยธรรม, สร้างปัญญาให้แก่คน ยกเว้นผู้นำไม่ฉลาดก็ไม่รู้จะเอาปัญหาที่ไหนมาให้ประชาชน, เอาใจใส่ทุกข์ยากของประชาชน

2.สมรรถภาพขององค์การตรวจสอบสถาบันการเมือง ซึ่งตรงนี้ประเทศไทยกำลังถูกแทรกแซงทำให้อ่อนแออย่างหนักด้วยอำนาจของนักการเมืองเอง ในฝ่ายยุติธรรมของตำรวจนั้นเลิกพูดถึงได้แล้ว เพราะผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติเดินทางไปพบอาชญากรที่ฮ่องกงเสียเอง 3.สมรรถภาพของภาคประชาชน ต้องเข้าใจประชาธิปไตยที่เป็นแก่น มีทรัพยากรที่จะต่อสู้เคลื่อนไหวด้วยความรู้เพียงพอ สนับสนุนโดยองค์กรที่จัดตั้งเคลื่อนไหวซึ่งจะเป็นการรวมกลุ่มอำนาจ และการต่อรอง และมีอิสระในการดำเนินงาน
อ.ปานเทพ พัวพงษ์พันธ์ แกนนำพันธมิตรฯ รุ่นที่ 2
ด้าน อ.ปานเทพ พัวพงษ์พันธ์ ได้ขยายความต่อจาก ดร.พิชาย ถึงประเด็นรัฐบาลกับการจัดสรรทรัพยากรที่ไม่เป็นธรรมว่า พื้นที่ 2 ใน 3 ของภาคอีสาน และคาดว่าจะมีน้ำมัน แต่ขณะเดียวกัน ประเทศไทยก็ให้สัมปทานต่างชาติไปเกือบทั้งหมดแล้ว ยกเว้นพื้นที่ทับซ้อนทางทะเล และกำลังจะเปิดสัมปทานครั้งที่ 21 ครั้งสุดท้ายในเดือนกรกฎาคม แต่บังเอิญมีคนที่รู้ เลยทำให้รัฐบาลต้องเลื่อนไปก่อน แสดงว่ารัฐบาลไม่คิดที่จะเก็บน้ำมันไว้ให้ลูกหลานคนไทยอีกแล้ว โดยมีบริษัทเชฟรอนครองแชมป์ครอบครองแหล่งน้ำมันไปแล้วครึ่งหนึ่งของอ่าวไทย และมีรายได้สูงเป็นอันดับ 8 ของโลกเมื่อปี 2554 ตามด้วย ปตท.ที่เป็นเจ้าของสัมปทานในอ่าวไทยเป็นลำดับที่ 2

กระบวนการหลอกลวงคนไทยด้วยข้อมูลเท็จ เป็นเพราะประเทศไทยผลิตน้ำมันดิบที่มีคุณภาพดี มีค่ากำมะถันต่ำ ทำให้ต้นค่าการกลั่นต่ำ แต่การจัดเก็บรายได้ของภาครัฐไม่เต็มเม็ดเต็มหน่วย ทำให้ผลตอบต่ำกว่าพม่าเสียด้วยซ้ำ ในขณะที่เดิม ปตท.ตั้งใจให้เป็นรัฐวิสาหกิจที่ถ่วงดุลราคากับต่างชาติ แต่ท้ายที่สุด ก็ขูดรีดผลประโยชน์จากการที่คนไทยใช้น้ำมัน และก๊าซธรรมชาติแพงขึ้นทุกปี ในขณะที่ ปตท.กำไรเพิ่มขึ้นทุกปี

“เขาก็อ้างว่า ถ้าเราไม่รีบขุดเจาะน้ำมันในตอนนี้ จะต้องนำเข้าน้ำมัน และซื้อในราคาแพง แต่ผมเห็นว่า วันนี้ที่เราขุดเจาะน้ำมันเอง ก่อนจะขายกลับอิงราคาสิงคโปร์ สู้เก็บเอาไว้ในอนาคตไม่ดีกว่า เพราะถ้านำเข้าน้ำมันเราก็ซื้อในราคาที่ไม่ต่างกับตอนนี้” อ.ปานเทพ กล่าวต่อและว่า

ปตท.ได้ทำการผูกขาดท่อส่งน้ำมัน และโรงกลั่นระยองที่สร้างด้วยมูลค่าราว 5 หมื่นล้านบาท มีประสิทธิภาพเป็นอันดับ 2 แต่มีการแจ้งมูลค่าทางบัญชีหักค่าเสื่อมว่ามีมูลค่าเพียง 1 บาท ก่อนที่จะแปรรูป ซึ่งเป็นการฉ้อฉลอีกวิธีหนึ่งที่ทำให้ทรัพย์สินมีมูลค่าด้อยกว่าความเป็นจริง สาเหตุส่วนหนึ่งมาจากนักการเมืองฉ้อฉล และกฎหมายที่ไม่ได้มีการปรับปรุง ทำให้คนไทยไม่มีสิทธิใช้น้ำมันของตัวเอง

อ.ปานเทพ กล่าวต่อถึงข้อกฎหมายที่ไม่เอื้อต่อสถานการณ์ปัจจุบันว่า กฎหมายระบุว่า ผู้รับสัมปทานต้องรายงานผลประกอบการ แต่ให้เป็นความลับ เว้นแต่ผ่านไปแล้ว 2 ปี แม้แต่สรรพากรที่จะเรียกเก็บภาษีก็ไม่สามารถเข้าไปตรวจสอบได้ ซึ่งไม่มีรัฐบาลไหนแก้กฎหมายที่เป็นประโยชน์ต่อคนในชาติ แม้แต่สมัยนายชวน หลีกภัย เป็นนายกรัฐมนตรี ก็ตรา พ.ร.บ.กฎหมาย ที่เกือบจะทำให้การไฟฟ้าฯ ถูกแปรรูปในเวลาต่อมา

“ถ้าต้องการปฎิรูปประเทศไทย ก็ต้องรื้อกฎหมายที่เกี่ยวกับการจัดสรรทรัพยากร โดยเฉพาะพลังงานให้หมด และหากประชาชนตื่นรู้แล้วก็ต้องลุกขึ้นมาสนับสนุนการปฎิรูปในครั้งนี้ด้วย” อ.ปานเทพกล่าว
อ.สมเกียรติ พงษ์ไพบูลย์ แกนนำพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย
อ.สมเกียรติ พงษ์ไพบูลย์ กล่าวอ้างถึงเบื้องหลังต้นตอการทุจริตของ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร ที่ทำให้ผลประโยชน์ของประเทศตกไปอยู่กับมือกลุ่มทุน ว่า ก่อนหน้านี้ หลวงตามหาบัว ญาณสัมปันโน เคยตักเตือนว่า หากยังทักษิณยังไม่เลิกทำตามใจตัวเอง ต่อไปแม้ก็ไม่มีแผ่นดินอยู่ ทรัพย์สินหมดสิ้นไป ชีวิตก็รักษาเอาไว้ไม่ได้ ซึ่งขณะนั้น ยังไม่มีใครเชื่อ เพราะเป็นรัฐบาลที่มีเสียงข้างมาก พร้อมด้วยทุน และอำนาจ ทว่า วันนี้ได้พิสูจน์คำทำนายนี้ไปแล้วข้อหนึ่ง แม้มีบ้าน และครอบครัวก็ไม่กล้าเดินทางกลับประเทศ

อ.สมเกียรติ กล่าวต่อว่า ในขณะนี้ มีกลุ่มทหารที่ยังปะทะความคิดระหว่างกลุ่มที่ยังเอาเจ้า และกลุ่มที่อยากได้ประธานาธิบดี แต่ตนเชื่อว่า กลุ่มพลังทางศีลธรรม คือ พันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยจะเข้ามามีบทบาทในการชี้ขาดต่างหาก

และที่อดพูดไม่ได้ คือ เรื่องอัยการที่ไม่ได้ทำหน้าที่ตัวเองตามกระบวนการยุติธรรม แต่กลับเปิดช่องทางช่วยเหลือนักการเมือง สั่งไม่ฟ้องในหลายๆ คดีซึ่งเป็นคนของรัฐบาล ตนคิดว่าหากจะปฎิรูปประเทศไทยแล้วจะต้องทำใน 3 ส่วน คือ 1.ศาล และกระบวนการยุติธรรม 2.กองทัพ 3.พลังศีลธรรม คือ พันธมิตรฯ และมวลชนทั้งหมด

“ผมขอยืนยันว่า คำทำนายของหมอนิด กิจจา ทวีกุลกิจ โหรชื่อดัง ว่าทักษิณจะกลับมาเมื่อไม่มีชีวิตอยู่แล้ว และตระกูลชินวัตรจะไม่มีเหลือเลย ส่วนพวกลูกหาบที่ช่วยเหลือก็ต้องอยู่ในคุก หรืออาจจะไม่เหลือเช่นเดียวกัน” อ.สมเกียรติกล่าว









กำลังโหลดความคิดเห็น