ASTVผู้จัดการรายวัน- หนีตายอลหม่าน ไฟไหม้โรงกลั่นบางจาก ซ.สุขุมวิท 64 กรมโรงงานสั่งปิดหน่วยกลั่นที่ 3 เป็นเวลา 30 วัน ทำให้น้ำมันหายวูบ 8 หมื่นบาร์เรลต่อวัน “อารักษ์” จัด 3 แผนรองรับผลกระทบ ยันน้ำมันไม่ขาดแคลนแน่ แม้ต้องใช้เวลาซ่อมแซมนานถึง 2 เดือน ด้านผู้ว่าฯ กทม.-สมาคมโลกร้อน จี้ให้ย้ายโรงกลั่น ขณะที่กรมควบคุมโรค ประสานกรมควบคุมมลพิษ จับตาสารอันตรายจากควันไฟไหม้
วานนี้ (4 ก.ค.) เมื่อเวลา 07.25 น. ได้ เกิดเหตุเพลิงไหม้ภายใน คลังน้ำมันบางจาก ของบมจ.บางจากปิโตรเลียม (BCP) ซึ่งตั้งอยู่ในซอยสุขุมวิท 64 ถนนเลียบทางรถไฟสายเก่า ย่านคลองเตย โดยชาวบ้านในพื้นที่ใกล้เคียง กล่าวว่า ได้ยินเสียงดังคล้ายระเบิด 2 ครั้ง ก่อนจะเกิดเพลิงลุกไหม้ขึ้นอย่างรุนแรง เปลวเพลิงมีความสูงประมาณอาคาร 6 ชั้น จนเกิดความวุ่นวายโกลาหลในหมู่ชาวบ้านบริเวณดังกล่าว ที่พยายามอพยพออกนอกพื้นที่ และในเวลาต่อมาเจ้าหน้าดับเพลิงในพื้นที่ใกล้เคียงต่างระดมกำลังเข้าไปดับเพื่อแก้ไขสถานการ์ต่างๆลุ ล่วงลงได้
ด.ต.ภูเดช สีละหุต เจ้าหน้าที่ดับเพลิงพระโขนง กล่าวว่า สถานการณ์ไม่น่าเป็นห่วง ที่เกิดเหตุเป็นบริเวณท่อส่งน้ำมัน ใกล้จุดกลั่นน้ำมัน ไม่ใช่ส่วนของถังเก็บน้ำมันและได้ปิดระบบกลั่นน้ำมันเชื้อเพลิงทั้งหมดแล้ว แต่การเข้าระงับเหตุแต่ต้องใช้เวลาในการควบคุมพอสมควร
**"ปู"สั่งก.พลังงานคุมสถานการณ์
น.ส.ศันสนีย์ นาคพงศ์ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยถึงเหตุการณ์เพลิงไหม้โรงกลั่นน้ำมันบางจาก ว่า เหตุการณ์ดังกล่าว น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ทราบเรื่องแล้ว และได้แสดงความเป็นห่วงอย่างมาก โดยได้สั่งการให้นายอารักษ์ ชลธาร์นนท์ รมว.พลังงาน และนายณอคุณ สิทธิพงศ์ ปลัดกระทรวงพลังงาน ไปติดตามดูแลเหตุการณ์อย่างใกล้ชิด
**ส่งกรอ.ตรวจสอบก่อนตัดสินย้าย/ไม่ย้าย
ม.ร.ว.พงษ์สวัสดิ์ สวัสดิวัตน์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม กล่าวว่า ขณะนี้กรมโรงงานอุตสาหกรรม(กรอ.)ได้สั่งให้บมจ.บางจากปิโตรเลียมปิดการผลิตหน่วยกลั่นน้ำมันเดิบหน่วยที่ 3 เป็นเวลา 30 วัน เพื่อซ่อมแซมจนกว่าจะเรียบร้อยจึงจะอนุญาตให้เปิดดำเนินการได้ โดยจ้าหน้าที่จากกรอ.จะตรวจทานความปลอดภัยหากซ่อมเสร็จ ถ้าไม่มีปัญหาอะไรก็จะให้เปิดดำเนินการได้ทันที แต่หากไม่เสร็จตามกำหนดจะต้องสั่งปิดเพิ่ม
นายวิฑูรย์ สิมะโชคดี ปลัดกระทรวงอุตสาหกรรม กล่าวว่า เบื้องต้นได้มอบหมายให้กรอ.เข้มงวดการตรวจความปลอดภัยก่อนเปิดดำเนินการอีกครั้งรวมถึงพิจารณาแผนฉุกเฉินของโรงงานและแผนประเมินความเสี่ยงเนื่องจากปี 2554 บางจากเพิ่งเกิดอุบัติเหตุไปแล้วครึ่งหนึ่งซึ่งอาจตั้งเงื่อนไขพิเศษขึ้นมาเป็นการดูแลโดยเฉพาะเพื่อเป็นแนวทางให้กับโรงกลั่นอื่นๆ
ส่วนการย้ายโรงกลั่นออกจากพื้นที่ชุมชนระยะยาวบริษัทน่าจะมีแผนอยู่แล้วและตามหลักการโรงงานไม่มีสิทธิก่อเหตุกระทบต่อชุมชนและสิ่งแวดล้อมแม้ว่าจะมีการตั้งมาก่อนชุมชนก็ตาม ซึ่งเมื่อชุมชนไม่ยอมรับไม่ว่าจะเป็นโรงงานอะไร ที่ผ่านมาเมื่อชาวบ้านร้องเรียนมากขึ้นที่สุดโรงงานก็จะต้องย้ายออกไป
**เชื่อมั่นไม่มีปัญหากับชุมชน
นายอารักษ์ ชลธาร์นนท์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน กล่าวว่า ผลจากไฟไหม้หน่วยกลั่นน้ำมันบางจาก สุขุมวิท 64 ทำให้หน่วยกลั่นน้ำมันดิบที่ 3 ต้องหยุดซ่อมแซมเป็นเวลา 1 เดือนและทำให้ปริมาณการกลั่นน้ำมันบางจากฯหายไปจากระบบ 80,000 บาร์เรลต่อวันโดยกระทรวงพลังงานยืนยันว่าไม่มีผลกระทบต่อปริมาณน้ำมันในประเทศประชาชนจะมีน้ำมันใช้เพียงพอต่อความต้องการ
ทั้งนี้กระทรวงฯได้เตรียมแนวทางเพื่อรองรับผลกระทบไว้ 3 แนวทางได้แก่ 1. สั่งบางจากนำน้ำมันสำรองที่มีอยู่มาใช้โดยแบ่งเป็น เบนซินสามารถใช้ได้อีก 16 วัน ดีเซลใช้ได้อีก 9 วัน และน้ำมันเตาใช้ได้อีก 24 วัน แนวทางที่ 2 ได้ขอความร่วมมือให้โรงกลั่นน้ำมันอื่นๆเช่น บมจ.ไทยออยล์ อนุญาตให้ผู้ค้าน้ำมันรายอื่นที่รับน้ำมันจากโรงกลั่นบางจากได้แก่ ปตท. เชฟรอน และสยามเฆมีผ่อนผันนำน้ำมันสำรองที่มีอยู่มาใช้ได้
“ผมคิดว่าโรงกลั่นบางจากเขาอยู่มา 50 ปีแล้วและชุมชนเองก็มาหาเขาเอง และที่ผ่านมาก็ได้ดูแลชาวบ้านเป็นอย่างดีเท่าที่ทราบชุมชนก็ชอบบางจากมาก”นายอารักษ์กล่าว
**บางจากกำลังผลิตหด-เสียหาย5-6ร้อยล.
นายอนุสรณ์ แสงนิ่มนวล กรรมการผูจัดการใหญ่ บมจ.บางจากปิโตรเลียม กล่าวว่า เหตุเกิดไฟไหม้หอกลั่นทางเจ้าหน้าที่สามารถควบคุมเพลิงไว้ได้เวลา 08.15 น. หรือใช้เวลาควบคุมเพลิงประมาณ 1 ชั่วโมง โดยที่ไม่มีผู้ได้รับบาดเจ็บหรือเสียชีวิต และเหตุการณ์นี้ทำให้บางจากมีการสั่งปิดหน่วยกลั่นน้ำมันดิบที่ 2 และหน่วยปรับปรุงคุณภาพน้ำมันรวม 7 วัน(1สัปดาห์) เพื่อตรวจสอบความเรียบร้อย ส่วนหน่วยกลั่นน้ำมันดิบที่ 3 คาดว่จะต้องใช้เวลาปิดซ่อมประมาณ 1-2 เดือน ใช้งบประมาณ 20-30 ล้านบาท แต่หากต้องสร้างหอกลั่นใหม่ ต้องใช้งบลงทุนว่า 100 ล้านบาทและใช้เวลาไม่ต่ำกว่า 3 เดือน
“กำลังหาสาเหตุที่แท้จริงอยู่ ผลดังกล่าวทำให้เราขาดน้ำมันพื้นฐานแก๊สโซลีนที่จะมาผลิตแก๊สโซฮอล์ ที่ขณะนี้จำหน่ายเดือนละ 80ล้านลิตรก็น่าจะขาดไปราว 40-50 ล้านลิตรซึ่งคงต้องดูตัวเลขอีกที และคงต้องนำเข้าน้ำมันเตาประมาณ 15,000 บาร์เรลต่อวันแต่ยืนยันว่าจะไม่กระทบต่อราคานั้นและไม่มีปัญหาขาดแคลนแน่นอน”นายอนุสรณ์กล่าว
ทั้งนี้จากการต้องปิดหอกลั่นที่ 3 หากใช้เวลา 2-3 เดือนจะคิดเป็นมูลค่าเสียหายประมาณ 500-600 ล้านบาท ซึ่งบางจากได้มีการทำประกันครอบคลุมทั้งในส่วนของความเสียหายของทรัพย์สินและการหยุดชะงักของธุรกิจไว้แล้ว อย่างไรก็ตาม จากการปิดโรงลั่น ทำให้กำลังการกั่นจากเป้าเดิม 94,000 บาร์เรลต่อวัน เหลือ 90,000บาร์เรลต่อวัน ส่งผลต่อภาพรวมกำไรก่อนหักค่าใช้จ่ายอื่นๆรวมค่าเสื่อมและภาษี (EBITDA) ที่ตั้งเป้าในปีนี้ไว้ที่ 7,000 ล้านบาท ลดลง 300-400 ล้านบาท
**ลั่นไม่ย้ายออกไร้ปัญหาชุมชน
อย่างไรก็ตามยืนยันที่จะไม่มีการย้ายโรงกั่นออกจากพื้นที่ แม้ว่าจะได้รับข้อเสนอจากทางกทม.เพราะได้ลงทุนไปแล้วนับหมื่นล้านบาทและอยู่ในพื้นที่นี้มานาน 50 ปี และที่ผ่านมาบางจากได้ดูแลชุมชนโดยรอบอย่างใกล้ชิดมีระบบออนไลน์ข้อมูลเพื่อแจ้งข่าวสารและระบบเตือนภัยถึงชุมชนโดยตรง
สำหรับสาเหตุเบื้องต้นสันนิษฐานว่ามีอุปกรณ์รั่วและเกิดการติดไฟที่หอแยกน้ำมันก๊าดในหน่วยกลั่นที่ 3 และหน่วยกลั่นอื่นไม่ได้รับคามเสียหายและกรมควบคุมมลพิษเข้ามาตรวจสอบคุณภาพด้านสิ่งแวดล้อมจากเครื่องตรวจวัดคุณภาพน้ำและอากาศที่ติดตั้งในบริเวณชุมชนรอบโรงกลั่นและแฟลตของกำลังพลสังกัดสำนักงานปลัดกระทรวงกลาโหมพบว่าคุณภาพอากาศในช่วงเกิดเหตุไม่เกินค่ามาตรฐาน ขณะเดียวกันยังได้ส่งเจ้าหน้าที่ 100 คนออกสำรวจผลกระทบและทำความเข้าใจกับชุมชนรอบโรงกลั่น
**ปตท.พร้อมช่วยเหลือ
นายณัฐชาติ จารุจินดา ประธานเจ้าหน้าที่ปฏิบัติการกลุ่มธุรกิจปิโตรเลียมขั้นปลาย บมจ.ปตท. กล่าวว่า ปตท.พร้อมจัดหาน้ำมันให้เพียงพอกับความต้องการใช้ในประเทศเพื่อทดแทนส่วนของบางจากที่หายไป ขณะเดียวกันปตท.ยังได้เข้าไปช่วยระงับเหตุการณ์โดยส่งทีมฉุกเฉินที่ประกอบด้วยเจ้าหน้าที่ 18 นายพร้อมน้ำและโฟม7,000 ลิตรเพื่อช่วยในการควบคุมและระงับเพลิง ตรึงดีเซล29.83บ.ปล่อยเบนซินขึ้น50สต.
**สมาคมโลกร้อนไล่ส่งบางจาก
ด้านนายศรีสุวรรณ จรรยา นายกสมาคมฯ ออกแถลงการณ์เพื่อแสดงท่าทีต่อเหตุการณ์ดังกล่าว โดยระบุว่า ถึงเวลาที่รัฐบาลต้องไล่รื้อโรงกลั่นน้ำมันบางจากให้ออกไปจากพื้นที่กรุงเทพฯ ได้แล้ว
**"สุขุมพันธุ์" รับอยากให้ย้ายโรงกลั่น
ม.ร.ว.สุขุมพันธุ์ บริพัตร ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร(กทม.) กล่าวว่า ส่วนตัวอยากให้มีการย้ายโรงกลั่นน้ำมันออกจากพื้นที่และปรับปรุงบริเวณดังกล่าวเป็นสวนสาธารณะเพื่อเพิ่มพื้นที่สีเขียว เนื่องจากปัจจุบันพื้นที่ดังกล่าวเป็นแหล่งชุมชนและมีประชาชนอาศัยอยู่จำนวนมาก แต่คงต้องใช้เวลาและทำได้ค่อนข้างลำบาก อย่างไรก็ตามกทม. จะดูรายละเอียดข้อกฎหมายของกทม. รวมถึงหารือกับโรงกลั่นน้ำมันบางจากและหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เพื่อหาแนวทางดำเนินการต่อไป
**ไม่พบสิ่งปนเปื้อน ไม่ต้องหนี
นายวรศาสน์ อภัยพงษ์ รองอธิบดีกรมควบคุมมลพิษ เปิดเผยหลังการตรวจสอบสภาพอากาศบริเวณโดยรอบ จากเหตุการณ์เพลิงไหม้หอแยกน้ำมันก๊าด ในหน่วยกลั่นน้ำมันดิบที่ 3 ของบมจ.บางจากฯ ว่า จากการลงพื้นที่ตรวจสอบรัศมีห่างออกไป 7 กิโลเมตรโดยรอบ บก๊าซไนโตรเจนในอากาศ อยู่ที่ระดับ 30 ppm จากค่าที่กำหนดไม่เกิน 160 ppm ก๊าซซัลเฟอร์ อยู่ที่ระดับ 8 ppm จากค่าที่กำหนดไม่เกิน 300 ppm
ส่วนการตรวจสอบระบบน้ำเสียจากจุดระบายน้ำของโรงกลั่นไปสู่ลำคลอง ไม่พบว่ามีน้ำมันปนเปื้อนแต่อย่างใด ฉะนั้น ในประเด็นที่จะเกิดน้ำเสียจึงตัดออกไปได้ ทั้งนี้ จึงขอให้ประชาชนมั่นใจในความปลอดภัย
วานนี้ (4 ก.ค.) เมื่อเวลา 07.25 น. ได้ เกิดเหตุเพลิงไหม้ภายใน คลังน้ำมันบางจาก ของบมจ.บางจากปิโตรเลียม (BCP) ซึ่งตั้งอยู่ในซอยสุขุมวิท 64 ถนนเลียบทางรถไฟสายเก่า ย่านคลองเตย โดยชาวบ้านในพื้นที่ใกล้เคียง กล่าวว่า ได้ยินเสียงดังคล้ายระเบิด 2 ครั้ง ก่อนจะเกิดเพลิงลุกไหม้ขึ้นอย่างรุนแรง เปลวเพลิงมีความสูงประมาณอาคาร 6 ชั้น จนเกิดความวุ่นวายโกลาหลในหมู่ชาวบ้านบริเวณดังกล่าว ที่พยายามอพยพออกนอกพื้นที่ และในเวลาต่อมาเจ้าหน้าดับเพลิงในพื้นที่ใกล้เคียงต่างระดมกำลังเข้าไปดับเพื่อแก้ไขสถานการ์ต่างๆลุ ล่วงลงได้
ด.ต.ภูเดช สีละหุต เจ้าหน้าที่ดับเพลิงพระโขนง กล่าวว่า สถานการณ์ไม่น่าเป็นห่วง ที่เกิดเหตุเป็นบริเวณท่อส่งน้ำมัน ใกล้จุดกลั่นน้ำมัน ไม่ใช่ส่วนของถังเก็บน้ำมันและได้ปิดระบบกลั่นน้ำมันเชื้อเพลิงทั้งหมดแล้ว แต่การเข้าระงับเหตุแต่ต้องใช้เวลาในการควบคุมพอสมควร
**"ปู"สั่งก.พลังงานคุมสถานการณ์
น.ส.ศันสนีย์ นาคพงศ์ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยถึงเหตุการณ์เพลิงไหม้โรงกลั่นน้ำมันบางจาก ว่า เหตุการณ์ดังกล่าว น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ทราบเรื่องแล้ว และได้แสดงความเป็นห่วงอย่างมาก โดยได้สั่งการให้นายอารักษ์ ชลธาร์นนท์ รมว.พลังงาน และนายณอคุณ สิทธิพงศ์ ปลัดกระทรวงพลังงาน ไปติดตามดูแลเหตุการณ์อย่างใกล้ชิด
**ส่งกรอ.ตรวจสอบก่อนตัดสินย้าย/ไม่ย้าย
ม.ร.ว.พงษ์สวัสดิ์ สวัสดิวัตน์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม กล่าวว่า ขณะนี้กรมโรงงานอุตสาหกรรม(กรอ.)ได้สั่งให้บมจ.บางจากปิโตรเลียมปิดการผลิตหน่วยกลั่นน้ำมันเดิบหน่วยที่ 3 เป็นเวลา 30 วัน เพื่อซ่อมแซมจนกว่าจะเรียบร้อยจึงจะอนุญาตให้เปิดดำเนินการได้ โดยจ้าหน้าที่จากกรอ.จะตรวจทานความปลอดภัยหากซ่อมเสร็จ ถ้าไม่มีปัญหาอะไรก็จะให้เปิดดำเนินการได้ทันที แต่หากไม่เสร็จตามกำหนดจะต้องสั่งปิดเพิ่ม
นายวิฑูรย์ สิมะโชคดี ปลัดกระทรวงอุตสาหกรรม กล่าวว่า เบื้องต้นได้มอบหมายให้กรอ.เข้มงวดการตรวจความปลอดภัยก่อนเปิดดำเนินการอีกครั้งรวมถึงพิจารณาแผนฉุกเฉินของโรงงานและแผนประเมินความเสี่ยงเนื่องจากปี 2554 บางจากเพิ่งเกิดอุบัติเหตุไปแล้วครึ่งหนึ่งซึ่งอาจตั้งเงื่อนไขพิเศษขึ้นมาเป็นการดูแลโดยเฉพาะเพื่อเป็นแนวทางให้กับโรงกลั่นอื่นๆ
ส่วนการย้ายโรงกลั่นออกจากพื้นที่ชุมชนระยะยาวบริษัทน่าจะมีแผนอยู่แล้วและตามหลักการโรงงานไม่มีสิทธิก่อเหตุกระทบต่อชุมชนและสิ่งแวดล้อมแม้ว่าจะมีการตั้งมาก่อนชุมชนก็ตาม ซึ่งเมื่อชุมชนไม่ยอมรับไม่ว่าจะเป็นโรงงานอะไร ที่ผ่านมาเมื่อชาวบ้านร้องเรียนมากขึ้นที่สุดโรงงานก็จะต้องย้ายออกไป
**เชื่อมั่นไม่มีปัญหากับชุมชน
นายอารักษ์ ชลธาร์นนท์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน กล่าวว่า ผลจากไฟไหม้หน่วยกลั่นน้ำมันบางจาก สุขุมวิท 64 ทำให้หน่วยกลั่นน้ำมันดิบที่ 3 ต้องหยุดซ่อมแซมเป็นเวลา 1 เดือนและทำให้ปริมาณการกลั่นน้ำมันบางจากฯหายไปจากระบบ 80,000 บาร์เรลต่อวันโดยกระทรวงพลังงานยืนยันว่าไม่มีผลกระทบต่อปริมาณน้ำมันในประเทศประชาชนจะมีน้ำมันใช้เพียงพอต่อความต้องการ
ทั้งนี้กระทรวงฯได้เตรียมแนวทางเพื่อรองรับผลกระทบไว้ 3 แนวทางได้แก่ 1. สั่งบางจากนำน้ำมันสำรองที่มีอยู่มาใช้โดยแบ่งเป็น เบนซินสามารถใช้ได้อีก 16 วัน ดีเซลใช้ได้อีก 9 วัน และน้ำมันเตาใช้ได้อีก 24 วัน แนวทางที่ 2 ได้ขอความร่วมมือให้โรงกลั่นน้ำมันอื่นๆเช่น บมจ.ไทยออยล์ อนุญาตให้ผู้ค้าน้ำมันรายอื่นที่รับน้ำมันจากโรงกลั่นบางจากได้แก่ ปตท. เชฟรอน และสยามเฆมีผ่อนผันนำน้ำมันสำรองที่มีอยู่มาใช้ได้
“ผมคิดว่าโรงกลั่นบางจากเขาอยู่มา 50 ปีแล้วและชุมชนเองก็มาหาเขาเอง และที่ผ่านมาก็ได้ดูแลชาวบ้านเป็นอย่างดีเท่าที่ทราบชุมชนก็ชอบบางจากมาก”นายอารักษ์กล่าว
**บางจากกำลังผลิตหด-เสียหาย5-6ร้อยล.
นายอนุสรณ์ แสงนิ่มนวล กรรมการผูจัดการใหญ่ บมจ.บางจากปิโตรเลียม กล่าวว่า เหตุเกิดไฟไหม้หอกลั่นทางเจ้าหน้าที่สามารถควบคุมเพลิงไว้ได้เวลา 08.15 น. หรือใช้เวลาควบคุมเพลิงประมาณ 1 ชั่วโมง โดยที่ไม่มีผู้ได้รับบาดเจ็บหรือเสียชีวิต และเหตุการณ์นี้ทำให้บางจากมีการสั่งปิดหน่วยกลั่นน้ำมันดิบที่ 2 และหน่วยปรับปรุงคุณภาพน้ำมันรวม 7 วัน(1สัปดาห์) เพื่อตรวจสอบความเรียบร้อย ส่วนหน่วยกลั่นน้ำมันดิบที่ 3 คาดว่จะต้องใช้เวลาปิดซ่อมประมาณ 1-2 เดือน ใช้งบประมาณ 20-30 ล้านบาท แต่หากต้องสร้างหอกลั่นใหม่ ต้องใช้งบลงทุนว่า 100 ล้านบาทและใช้เวลาไม่ต่ำกว่า 3 เดือน
“กำลังหาสาเหตุที่แท้จริงอยู่ ผลดังกล่าวทำให้เราขาดน้ำมันพื้นฐานแก๊สโซลีนที่จะมาผลิตแก๊สโซฮอล์ ที่ขณะนี้จำหน่ายเดือนละ 80ล้านลิตรก็น่าจะขาดไปราว 40-50 ล้านลิตรซึ่งคงต้องดูตัวเลขอีกที และคงต้องนำเข้าน้ำมันเตาประมาณ 15,000 บาร์เรลต่อวันแต่ยืนยันว่าจะไม่กระทบต่อราคานั้นและไม่มีปัญหาขาดแคลนแน่นอน”นายอนุสรณ์กล่าว
ทั้งนี้จากการต้องปิดหอกลั่นที่ 3 หากใช้เวลา 2-3 เดือนจะคิดเป็นมูลค่าเสียหายประมาณ 500-600 ล้านบาท ซึ่งบางจากได้มีการทำประกันครอบคลุมทั้งในส่วนของความเสียหายของทรัพย์สินและการหยุดชะงักของธุรกิจไว้แล้ว อย่างไรก็ตาม จากการปิดโรงลั่น ทำให้กำลังการกั่นจากเป้าเดิม 94,000 บาร์เรลต่อวัน เหลือ 90,000บาร์เรลต่อวัน ส่งผลต่อภาพรวมกำไรก่อนหักค่าใช้จ่ายอื่นๆรวมค่าเสื่อมและภาษี (EBITDA) ที่ตั้งเป้าในปีนี้ไว้ที่ 7,000 ล้านบาท ลดลง 300-400 ล้านบาท
**ลั่นไม่ย้ายออกไร้ปัญหาชุมชน
อย่างไรก็ตามยืนยันที่จะไม่มีการย้ายโรงกั่นออกจากพื้นที่ แม้ว่าจะได้รับข้อเสนอจากทางกทม.เพราะได้ลงทุนไปแล้วนับหมื่นล้านบาทและอยู่ในพื้นที่นี้มานาน 50 ปี และที่ผ่านมาบางจากได้ดูแลชุมชนโดยรอบอย่างใกล้ชิดมีระบบออนไลน์ข้อมูลเพื่อแจ้งข่าวสารและระบบเตือนภัยถึงชุมชนโดยตรง
สำหรับสาเหตุเบื้องต้นสันนิษฐานว่ามีอุปกรณ์รั่วและเกิดการติดไฟที่หอแยกน้ำมันก๊าดในหน่วยกลั่นที่ 3 และหน่วยกลั่นอื่นไม่ได้รับคามเสียหายและกรมควบคุมมลพิษเข้ามาตรวจสอบคุณภาพด้านสิ่งแวดล้อมจากเครื่องตรวจวัดคุณภาพน้ำและอากาศที่ติดตั้งในบริเวณชุมชนรอบโรงกลั่นและแฟลตของกำลังพลสังกัดสำนักงานปลัดกระทรวงกลาโหมพบว่าคุณภาพอากาศในช่วงเกิดเหตุไม่เกินค่ามาตรฐาน ขณะเดียวกันยังได้ส่งเจ้าหน้าที่ 100 คนออกสำรวจผลกระทบและทำความเข้าใจกับชุมชนรอบโรงกลั่น
**ปตท.พร้อมช่วยเหลือ
นายณัฐชาติ จารุจินดา ประธานเจ้าหน้าที่ปฏิบัติการกลุ่มธุรกิจปิโตรเลียมขั้นปลาย บมจ.ปตท. กล่าวว่า ปตท.พร้อมจัดหาน้ำมันให้เพียงพอกับความต้องการใช้ในประเทศเพื่อทดแทนส่วนของบางจากที่หายไป ขณะเดียวกันปตท.ยังได้เข้าไปช่วยระงับเหตุการณ์โดยส่งทีมฉุกเฉินที่ประกอบด้วยเจ้าหน้าที่ 18 นายพร้อมน้ำและโฟม7,000 ลิตรเพื่อช่วยในการควบคุมและระงับเพลิง ตรึงดีเซล29.83บ.ปล่อยเบนซินขึ้น50สต.
**สมาคมโลกร้อนไล่ส่งบางจาก
ด้านนายศรีสุวรรณ จรรยา นายกสมาคมฯ ออกแถลงการณ์เพื่อแสดงท่าทีต่อเหตุการณ์ดังกล่าว โดยระบุว่า ถึงเวลาที่รัฐบาลต้องไล่รื้อโรงกลั่นน้ำมันบางจากให้ออกไปจากพื้นที่กรุงเทพฯ ได้แล้ว
**"สุขุมพันธุ์" รับอยากให้ย้ายโรงกลั่น
ม.ร.ว.สุขุมพันธุ์ บริพัตร ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร(กทม.) กล่าวว่า ส่วนตัวอยากให้มีการย้ายโรงกลั่นน้ำมันออกจากพื้นที่และปรับปรุงบริเวณดังกล่าวเป็นสวนสาธารณะเพื่อเพิ่มพื้นที่สีเขียว เนื่องจากปัจจุบันพื้นที่ดังกล่าวเป็นแหล่งชุมชนและมีประชาชนอาศัยอยู่จำนวนมาก แต่คงต้องใช้เวลาและทำได้ค่อนข้างลำบาก อย่างไรก็ตามกทม. จะดูรายละเอียดข้อกฎหมายของกทม. รวมถึงหารือกับโรงกลั่นน้ำมันบางจากและหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เพื่อหาแนวทางดำเนินการต่อไป
**ไม่พบสิ่งปนเปื้อน ไม่ต้องหนี
นายวรศาสน์ อภัยพงษ์ รองอธิบดีกรมควบคุมมลพิษ เปิดเผยหลังการตรวจสอบสภาพอากาศบริเวณโดยรอบ จากเหตุการณ์เพลิงไหม้หอแยกน้ำมันก๊าด ในหน่วยกลั่นน้ำมันดิบที่ 3 ของบมจ.บางจากฯ ว่า จากการลงพื้นที่ตรวจสอบรัศมีห่างออกไป 7 กิโลเมตรโดยรอบ บก๊าซไนโตรเจนในอากาศ อยู่ที่ระดับ 30 ppm จากค่าที่กำหนดไม่เกิน 160 ppm ก๊าซซัลเฟอร์ อยู่ที่ระดับ 8 ppm จากค่าที่กำหนดไม่เกิน 300 ppm
ส่วนการตรวจสอบระบบน้ำเสียจากจุดระบายน้ำของโรงกลั่นไปสู่ลำคลอง ไม่พบว่ามีน้ำมันปนเปื้อนแต่อย่างใด ฉะนั้น ในประเด็นที่จะเกิดน้ำเสียจึงตัดออกไปได้ ทั้งนี้ จึงขอให้ประชาชนมั่นใจในความปลอดภัย