xs
xsm
sm
md
lg

กรมประมง...โปรดหยุดทำร้ายทะเลไทย (3)/บรรจง นะแส

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


คอลัมน์ : ฝ่าเกลียวคลื่น
โดย...บรรจง นะแส

จนถึงวันนี้ นายวิมล จันทรโรทัย อธิบดีกรมประมงก็ยังมิได้ถอนเรื่องที่เสนอให้มีการนิรโทษกรรมเรืออวนลากที่ได้นำเรื่องเสนอต่อคณะรัฐมนตรีไปเมื่อวันที่ 14 พฤศจิกายน 2555 แต่อย่างใด ทั้งๆ ที่ข้อเสนอดังกล่าว เป็นข้อเสนอที่ไม่มีงานวิชาการทางการประมงรองรับ ตรงกันข้าม เป็นข้อเสนอที่มีนักวิชาการทางการประมง และผู้ที่ประกอบการประมงชายฝั่งที่ได้รับผลกระทบจากการทำการประมงอวนลาก ต่างออกมาคัดค้านไม่เห็นด้วยกับมาตรการ และข้อเสนอดังกล่าว แต่กรมประมงโดยเฉพาะอธิบดีกรมประมง ก็ยังทำเป็นหูทวนลม เอาหูไปนาเอาตาไปไร่ ทำอย่างกับว่าน่านน้ำทะเลไทยเป็นสมบัติส่วนตัว ที่ตัวเองจะเสนอให้ใครมาทำอะไรก็ได้ตามใจชอบ หรือตามผลประโยชน์ที่เอามาประเคน

สมาคมคนรักษ์เลกระบี่ ซึ่งเป็นองค์กรของชาวประมงพื้นบ้านในจังหวัดกระบี่ ได้ทำหนังสือร้องเรียน และขอคัดค้านการกระทำดังกล่าวของกรมประมงไปเมื่อวันที่ 27 มีนาคม 2555 อธิบดีกรมประมงได้ทำหนังสือตอบข้อคัดค้านดังกล่าวกลับมาให้สมาคมคนรักษ์เลกระบี่เมื่อ 23 พฤษภาคม 2555 โดยอ้างเหตุผลความจำเป็นในการนิรโทษกรรมเรืออวนลากในครั้งนี้ 4 ข้อคือ

1.อ้างว่า ชาวประมงอวนลากในจังหวัดสมุทรสงคราม และสมุทรสาครไปร้องเรียนต่อกรรมาธิการการเกษตรและสหกรณ์ สภาผู้แทนราษฎร ว่า ได้รับความเดือดร้อนเพราะไม่สามารถขออาญาบัตรอวนลากคู่ได้ เพราะกรมประมงได้วางหลักเกณฑ์การรับรองการจับสัตว์น้ำ (Catch Certificate) เพื่อรองรับกฎระเบียบของสหภาพยุโรป ในการป้องกัน และยับยั้งขจัดการทำประมงที่ผิดกฎหมาย คำถามจึงมีว่า ในเมื่อเครื่องมือประมงอวนลากเขาทำผิดกฎหมาย และทำร้ายทะเลไทยมาตลอด ทำไมกรมประมงจึงคิดช่วยเหลือ ในขณะที่ผู้ประกอบการประมงอื่นๆ เขาก็ได้รับความเดือดร้อนจากการกระทำการประมงเรืออวนลาก ท่านถึงมองไม่เห็น เพราะเขาเหล่านั้นเป็นชาวประมงยากจนใช่หรือไม่?

2.กรมประมงอ้างว่า ได้จัดประชุมเรื่องนี้ไปเมื่อวันที่ 3 มิถุนายน 2555 โดยมีคณะทำงานพิจารณาแนวทางการแก้ไขปัญหาการขออาญาบัตรทำการประมง และผู้มีส่วนได้เสียประกอบด้วย สมาคมประมง (พาณิชย์) อาจารย์มหาวิทยาลัย นักวิชาการจำนวน 21 ท่าน ซึ่งท่านมองว่าครอบคลุม คำถามสำหรับท่านอธิบดีกรมประมงในวันนี้ก็คือ ได้โปรดนำรายชื่อคณะทำงานชุดดังกล่าวบอกแก่สาธารณชนให้ทราบด้วย ว่า เป็นใครมาจากไหน สังคมจะได้รับรู้ร่วมกันเสียทีว่า กลุ่มคนที่ร่วมมือกันทำร้ายทะเลไทยนั้น นอกจากท่านแล้ว ยังมีใครหน้าไหนอีกกี่คนที่ร่วมในขบวนการนี้

3.ท่านอธิบดีกรมประมงอ้างว่า คณะทำงานดังกล่าวได้ประชุมกันหลายครั้ง และมอบหมายให้สมาคมประมงพาณิชย์ตามจังหวัดต่างๆ สำรวจเรืออวนลาก และพบว่า เรือประมงอวนลากที่ไม่ได้จดทะเบียน เป็นเรือสวมทะเบียน และเรือเถื่อนมีจำนวนมากถึง 2,995 ลำ ที่ประชุมของพวกท่านเลยเสนอให้มีการจดทะเบียนเรือเพิ่มเติมจำนวน 2,995 นี้ไปให้คณะรัฐมนตรีพิจารณาอนุมัติ ท่านก็ต้องตอบคำถามต่อสังคมไทยให้ได้ว่า ณ วันนี้ สถานการณ์ทรัพยากรทางทะเลของไทยอยู่ในสภาพเช่นไร มีงานวิชาการชิ้นไหนที่ยืนยันว่า ท้องทะเลไทยยังสามารถรองรับการทำการประมงอวนลากได้อีกมากมายขนาดนั้น

4.ท่านตอบมาว่า ต่อไปจะไม่มีการนิรโทษกรรมอีกแล้ว และกรมประมงของท่านจะมีมาตรการในการดูแลปกป้องทะเล ไม่ว่าการผลักดันการปิดอ่าว กำหนดตาอวนให้สัมพันธ์กับขนาดเรือ การขยายเขตห้ามทำการประมงอวนลากจาก 3,000 เมตรออกไปเป็น 5,400 เมตร หรือ 3 ไมล์ทะเล การติดตั้งเครื่องมือติดตามเรือ (VMS) เป็นต้น แต่สิ่งที่ชาวประมงส่วนใหญ่ได้รับความเดือดร้อนจากการทำประมงไม่ว่า เรืออวนลาก เรืออวนรุน ไม่ว่าการทำลายพันธุ์สัตว์น้ำเศรษฐกิจวัยอ่อนให้หมดไปจากทะเลไทยอย่างรวดเร็ว การทำให้เครื่องมือทำการประมงอื่นๆ ได้รับความเสียหาย และก่อให้เกิดความขัดแย้งในทุกพื้นที่ชายฝั่ง เครื่องมือทำการประมงดังกล่าว 90% ยังเข้ามาทำการประมงในเขต 3,000 เมตร โดยกรมประมงไม่มีศักยภาพที่จะปกป้องดูแลได้

แม้แต่ในพื้นที่ทะเลสาบสงขลา ซึ่งมีพื้นที่เล็กนิดเดียว มีประกาศของกรมประมงห้ามทำการประมงอวนรุนในทะเลสาบสงขลา ตั้งแต่ปี 2503 แต่ทุกวันนี้ ชาวประมงรอบทะเลสาบสงขลาต่างเดือดร้อนแสนสาหัสจากการทำประมงอวนรุน ซึ่งกรมประมงก็ไม่สามารถแก้ปัญหานี้ได้ และคิดว่าชาวประมงทั่วๆ ไปเขาจะเชื่อน้ำยา หรือมาตรการต่างๆ ที่ทางกรมประมง หรือท่านอธิบดีกรมประมงป่าวประกาศว่าจะทำอย่างนั้นอย่างนี้อีกละหรือ?

มาตรการเสนอให้มีการนิรโทษกรรมเรืออวนลากที่เสนอโดยกรมประมงในครั้งนี้ เป็นอย่างอื่นไปไม่ได้ นอกจากมันเป็นเรื่องผลประโยชน์ล้วนๆ ของนักการเมือง นักธุรกิจทางการประมง ร่วมกับหน่วยงานราชการที่บังคับใช้กฎหมาย สุมหัวกันทำมาหากินกับทรัพยากรทะเลอันเป็นทรัพย์สมบัติโดยรวมของชาติมาไว้ในการควบคุมของตัวเอง โดยไม่คำนึงถึงผู้ทำการประมงรายย่อยอื่นๆ หรือประชาชนคนกินปลา ผู้บริโภคสัตว์น้ำ ที่เขาต่างมีสิทธิในทรัพยากรเหล่านั้นเท่าเทียมกัน พอเถอะ เลิกเห็นแก่ตัวกันเสียที ทะเลไทยจะเหลือแต่น้ำเค็มแล้วครับ
กำลังโหลดความคิดเห็น