ศูนย์ข่าวภูเก็ต - นายกเทศมนตรีตำบลฉลอง ยื่นหนังสือถึงรัฐมนตรีสาธารณสุข จี้ขอสนับสนุนงบประมาณสร้างอาคารผู้ป่วยนอก-อาคารบ้านพักแพทย์ โรงพยาบาลฉลอง หวังยกระดับโรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบล เป็นโรงพยาบาลขนาด 30 เตียง
นายสำราญ จินดาพล นายกเทศมนตรีเทศบาลตำบลฉลอง เปิดเผยว่า ในระหว่างที่มีการประชุมรัฐมนตรีสาธารณสุขอาเซียน ซึ่งจัดขึ้นที่จังหวัดภูเก็ต ในส่วนของเทศบาลตำบลฉลอง ได้เดินทางเข้ายื่นหนังสือต่อ นายวิทยา บุรณศิริ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข ขณะเดินทางมาร่วมประชุมที่จังหวัดภูเก็ต เพื่อให้ช่วยสนับสนุนเรื่องของงบประมาณรายจ่ายประจำปี 2556 โครงการก่อสร้างอาคารผู้ป่วยนอกบำบัดรักษา และก่อสร้างอาคารบ้านพักแพทย์-พยาบาล โรงพยาบาลฉลอง ซึ่งจะขอขยายเป็นโรงพยาบาลขนาด 30 เตียง เพื่อรองรับประชาชน และนักท่องเที่ยวในพื้นที่ตำบลฉลอง ตำบลราไวย์ และตำบลกะรน โดยใช้งบประมาณในการดำเนินการประมาณ 186,000,000 บาท
ซึ่งหนังสือที่ยื่นต่อรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุขนั้น ได้อ้างถึงมติ ครม.เมื่อวันที่ 20 มี.ค.2555 ที่เห็นชอบโครงการของจังหวัดภูเก็ต โดยมอบหมายให้หน่วยงานรับผิดชอบไปพิจารณาศึกษาความเหมาะสม และจัดทำรายละเอียดแผนงานโครงการ รวมทั้งตามขั้นตอนของระเบียบกฎหมายที่เกี่ยวข้อง และเสนอขอรับการจัดสรรงบประมาณ ซึ่งในส่วนของ จังหวัดภูเก็ต สำนักงานสาธารณสุขจังหวัดภูเก็ต และเทศบาลตำบลฉลอง ได้ร่วมกันพิจารณาโครงการเพื่อรับการสนับสนุนงบประมาณเพื่อพัฒนาตำบลฉลอง ให้บรรลุตามวิสัยทัศน์ และเตรียมความพร้อมในการเข้าสู่ประชาคมอาเซียน จึงได้เสนอขอโครงการก่อสร้างอาคารผู้ป่วยนอกบำบัดรักษา และก่อสร้างอาคารบ้านพักแพทย์-พยาบาล โรงพยาบาลฉลอง เพื่อยกระดับโรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบลฉลอง เป็นโรงพยาบาลฉลอง ขนาด 30 เตียง ในปีงบประมาณ 2556 ที่บริเวณโรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบลฉลองในปัจจุบัน บนเนื้อที่ประมาณ 10 ไร่
นายสำราญ กล่าวต่อไปถึงความจำเป็นในการพัฒนาโรงพยาบาลฉลองว่า ในพื้นที่ฉลองขณะนี้มีประชากรอาศัยอยู่ประมาณ 40,000-50,000 คน ยังไม่รวมคนต่างชาติ แรงงานพม่า และประชากรในพื้นที่ใกล้เคียงอีก ทั้งตำบลกะรน และตำบลราไวย์ และปัจจุบัน ในพื้นที่มีอุบัติเหตุเกิดขึ้นบ่อยครั้ง การจะนำผู้ป่วยมาถึงโรงพยาบาลวชิระต้องใช้เวลาค่อนข้างนานจากการจราจรที่ติดขัดอย่างหนัก และมีแนวโน้มจะติดขัดเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ การมีโรงพยาบาลเกิดขึ้นในพื้นที่ฉลองจะสามารถแบ่งเบาความหนาแน่นของผู้ป่วยจากโรงพยาบาลวชิระได้ระดับหนึ่ง
นอกจากนั้น โครงการดังกล่าวยังเป็นไปตามยุทธศาสตร์การจัดสรรงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ 2556 ยุทธศาสตร์ที่ 4 คือ ยุทธศาสตร์การศึกษาคุณธรรมจริยธรรม คุณภาพชีวิต และความเท่าเทียมกันในสังคม ซึ่งสอดคล้องกับมติคณะรัฐมนตรีวันที่ 20 มี.ค. 55 ซึ่งถ้าสามารถดำเนินโครงการดังกล่าวได้ จะส่งผลให้เกิดการแก้ไขปัญหาระบบสุขภาพ การมีชีวิตที่ดี ประชาชนมีความเท่าเทียมกันในการรับบริการสุขภาพ ซึ่งจะเป็นประโยชน์โดยตรง สามารถแก้ไขปัญหาความเดือดร้อน และโครงการนี้เป็นโครงการที่มีความพร้อมสามารถดำเนินการได้ทันที หากได้รับการจัดสรรงบประมาณ
อย่างไรก็ตาม เมื่อวันที่ 6 ก.ค.ที่ผ่านมา นายแพทย์สุรวิทย์ คนสมบูรณ์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงสาธารณสุข พร้อมด้วยคณะลงตรวจพื้นที่ที่จะทำการก่อสร้างโรงพยาบาลฉลองขนาด 30 เตียง พร้อมประชุมร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ถึงเรื่องของการจัดสรรงบประมาณ ซึ่งในส่วนของการขอรับการสนับสนุนงบประมาณ จำนวน 186 ล้านบาทนั้น จากการหารือร่วมกันกับรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงสาธารณสุขนั้น ทราบว่า อาจจะไม่ได้รับการสนับสนุนทั้งหมด เพราะเป็นงบประมาณที่มากเกินไป
ทางเทศบาลจึงจะเสนอปรับลดงบประมาณลง เพื่อให้กระทรวงสามารถสนับสนุนได้เลยในปีนี้ซึ่งอาจจะอยู่ที่ประมาณ 70 ล้านบาท ซึ่งในส่วนนี้ ก็จะนำมาดำเนินการในเรื่องของการก่อสร้างโครงสร้างในส่วนของอาคารผู้ป่วยนอกก่อน ซึ่งคาดว่าจะต้องใช้ประมาณ 102 ล้านบาท ส่วนที่เหลือทางเทศบาล และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องพร้อมที่จะสมทบงบประมาณเพิ่มในการดำเนินโครงการทั้งภาคประชาชน เอกชน และท้องถิ่นภายในวงเงิน 30 ล้านบาท
นายสำราญ จินดาพล นายกเทศมนตรีเทศบาลตำบลฉลอง เปิดเผยว่า ในระหว่างที่มีการประชุมรัฐมนตรีสาธารณสุขอาเซียน ซึ่งจัดขึ้นที่จังหวัดภูเก็ต ในส่วนของเทศบาลตำบลฉลอง ได้เดินทางเข้ายื่นหนังสือต่อ นายวิทยา บุรณศิริ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข ขณะเดินทางมาร่วมประชุมที่จังหวัดภูเก็ต เพื่อให้ช่วยสนับสนุนเรื่องของงบประมาณรายจ่ายประจำปี 2556 โครงการก่อสร้างอาคารผู้ป่วยนอกบำบัดรักษา และก่อสร้างอาคารบ้านพักแพทย์-พยาบาล โรงพยาบาลฉลอง ซึ่งจะขอขยายเป็นโรงพยาบาลขนาด 30 เตียง เพื่อรองรับประชาชน และนักท่องเที่ยวในพื้นที่ตำบลฉลอง ตำบลราไวย์ และตำบลกะรน โดยใช้งบประมาณในการดำเนินการประมาณ 186,000,000 บาท
ซึ่งหนังสือที่ยื่นต่อรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุขนั้น ได้อ้างถึงมติ ครม.เมื่อวันที่ 20 มี.ค.2555 ที่เห็นชอบโครงการของจังหวัดภูเก็ต โดยมอบหมายให้หน่วยงานรับผิดชอบไปพิจารณาศึกษาความเหมาะสม และจัดทำรายละเอียดแผนงานโครงการ รวมทั้งตามขั้นตอนของระเบียบกฎหมายที่เกี่ยวข้อง และเสนอขอรับการจัดสรรงบประมาณ ซึ่งในส่วนของ จังหวัดภูเก็ต สำนักงานสาธารณสุขจังหวัดภูเก็ต และเทศบาลตำบลฉลอง ได้ร่วมกันพิจารณาโครงการเพื่อรับการสนับสนุนงบประมาณเพื่อพัฒนาตำบลฉลอง ให้บรรลุตามวิสัยทัศน์ และเตรียมความพร้อมในการเข้าสู่ประชาคมอาเซียน จึงได้เสนอขอโครงการก่อสร้างอาคารผู้ป่วยนอกบำบัดรักษา และก่อสร้างอาคารบ้านพักแพทย์-พยาบาล โรงพยาบาลฉลอง เพื่อยกระดับโรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบลฉลอง เป็นโรงพยาบาลฉลอง ขนาด 30 เตียง ในปีงบประมาณ 2556 ที่บริเวณโรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบลฉลองในปัจจุบัน บนเนื้อที่ประมาณ 10 ไร่
นายสำราญ กล่าวต่อไปถึงความจำเป็นในการพัฒนาโรงพยาบาลฉลองว่า ในพื้นที่ฉลองขณะนี้มีประชากรอาศัยอยู่ประมาณ 40,000-50,000 คน ยังไม่รวมคนต่างชาติ แรงงานพม่า และประชากรในพื้นที่ใกล้เคียงอีก ทั้งตำบลกะรน และตำบลราไวย์ และปัจจุบัน ในพื้นที่มีอุบัติเหตุเกิดขึ้นบ่อยครั้ง การจะนำผู้ป่วยมาถึงโรงพยาบาลวชิระต้องใช้เวลาค่อนข้างนานจากการจราจรที่ติดขัดอย่างหนัก และมีแนวโน้มจะติดขัดเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ การมีโรงพยาบาลเกิดขึ้นในพื้นที่ฉลองจะสามารถแบ่งเบาความหนาแน่นของผู้ป่วยจากโรงพยาบาลวชิระได้ระดับหนึ่ง
นอกจากนั้น โครงการดังกล่าวยังเป็นไปตามยุทธศาสตร์การจัดสรรงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ 2556 ยุทธศาสตร์ที่ 4 คือ ยุทธศาสตร์การศึกษาคุณธรรมจริยธรรม คุณภาพชีวิต และความเท่าเทียมกันในสังคม ซึ่งสอดคล้องกับมติคณะรัฐมนตรีวันที่ 20 มี.ค. 55 ซึ่งถ้าสามารถดำเนินโครงการดังกล่าวได้ จะส่งผลให้เกิดการแก้ไขปัญหาระบบสุขภาพ การมีชีวิตที่ดี ประชาชนมีความเท่าเทียมกันในการรับบริการสุขภาพ ซึ่งจะเป็นประโยชน์โดยตรง สามารถแก้ไขปัญหาความเดือดร้อน และโครงการนี้เป็นโครงการที่มีความพร้อมสามารถดำเนินการได้ทันที หากได้รับการจัดสรรงบประมาณ
อย่างไรก็ตาม เมื่อวันที่ 6 ก.ค.ที่ผ่านมา นายแพทย์สุรวิทย์ คนสมบูรณ์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงสาธารณสุข พร้อมด้วยคณะลงตรวจพื้นที่ที่จะทำการก่อสร้างโรงพยาบาลฉลองขนาด 30 เตียง พร้อมประชุมร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ถึงเรื่องของการจัดสรรงบประมาณ ซึ่งในส่วนของการขอรับการสนับสนุนงบประมาณ จำนวน 186 ล้านบาทนั้น จากการหารือร่วมกันกับรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงสาธารณสุขนั้น ทราบว่า อาจจะไม่ได้รับการสนับสนุนทั้งหมด เพราะเป็นงบประมาณที่มากเกินไป
ทางเทศบาลจึงจะเสนอปรับลดงบประมาณลง เพื่อให้กระทรวงสามารถสนับสนุนได้เลยในปีนี้ซึ่งอาจจะอยู่ที่ประมาณ 70 ล้านบาท ซึ่งในส่วนนี้ ก็จะนำมาดำเนินการในเรื่องของการก่อสร้างโครงสร้างในส่วนของอาคารผู้ป่วยนอกก่อน ซึ่งคาดว่าจะต้องใช้ประมาณ 102 ล้านบาท ส่วนที่เหลือทางเทศบาล และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องพร้อมที่จะสมทบงบประมาณเพิ่มในการดำเนินโครงการทั้งภาคประชาชน เอกชน และท้องถิ่นภายในวงเงิน 30 ล้านบาท