พัทลุง - ชาวสาวพริกในพื้นที่ อ.เมือง อ.ควนขนุน จ.พัทลุง เตรียมยื่นหนังสื่อให้ผู้ว่าราชการจังหวัด ช่วยแทรกแซงราคาพริก หลังราคาตกเหลือ 20 บาทต่อกิโลกรัม หากไม่ได้รับความสนใจพร้อมที่จะร่วมพลขนพริกมาเทที่หน้าศาลากลาง
วันนี้ (28 มิ.ย.) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เกษตรผู้ปลูกพริกในพื้นที่ อ.เมือง อ.ควนขนุน ได้รับความเดือดร้อนอย่างหนัก หลังจากน้ำท่วมเข้าท่วมพื้นที่ เมื่อต้นปีที่ผ่านมา ส่งผลให้พืชผลทางการเกษตรได้รับความเสียหายอย่างมาก กระทั่งหลังน้ำลดได้ไปยืมเงินเพื่อมาลงทุนปลูกพริก เพื่อหวังได้กำไรไปใช้หนี้ทั้งต้นและดอก แต่สถานการณ์กลับพลิกผัน เมื่อราคาพริกตกต่ำ โดยในช่วงระยะเก็บเกี่ยวในปลายเดือนพฤษภาคมที่ผ่านมา ราคาอยู่ที่ กก.ละ 150 บาท
และล่าสุดราคาตกต่ำเป็นอย่างมากเหลือเพียง 20 บาท/กก.เท่านั้น ซึ่งเมื่อหักค่าแรงในการเก็บเกี่ยว ค่าน้ำมัน และค่าปุ๋ย ยังขาดทุนอยู่เป็นจำนวนมาก ทำให้เกษตรกรเดือดร้อนอย่างหนัก จึงอยากวอนไปยังส่วนราชการที่เกี่ยวข้อง เร่งให้การช่วยเหลือเป็นการด่วน ทั้งในเรื่องของราคา และอุปกรณ์ในการแปรรูปเพื่อเพิ่มมูลค่าของพริก
ด้านนายสมเกียรติ ทองพันธ์ ประธานอาสาสมัครเกษตรกร กล่าวว่า พริกราคาตกต่ำ ทำให้เกษตรกรได้รับความเดือดร้อนอย่างหนัก และไม่คุ้มกับการลงทุนของเกษตรกร ในพื้นที่ 2 อำเภอของจังหวัดพัทลุง และจนถึงขณะยังไม่มีหน่วยงานของราชการเข้าไปให้การช่วยเหลือแต่อย่างได ทั้งที่ราคาพริกในต่างจังหวัดราคาเริ่มขยับตัวสูงขึ้น แต่พริกในจังหวัดพัทลุง กลับมีราคาที่แย่ลงทั้งเกษตรปลูกพริกปลอดสารพิษ ที่สร้างรายได้เข้ามาในจังหวัดพัทลุงนับร้อยล้านบาท
ซึ่งในวันนี้ทางตัวแทนเกษตรกรได้ร่วมประชุมหารือเพื่อให้ทางจังหวัดเข้ามาช่วยแทรกแซงราคาให้เกษตรกรสามารถอยู่ได้ ในราคากิโลกรัมละ 60 บาท โดยจะทำหนังสือถึงผู้ว่าราชการจังหวัด พร้อมกับแนบรายชื่อเกษตรกรผู้ปลูกพริกที่ได้รับความเดือดร้อนจำนวน 2,700 ราย เพื่อให้ได้รับการช่วยเหลือ และหากยื่นหนังสือถึงทางจังหวัดแล้วยังไม่มีอะไรคืบหน้า จะนัดรวมตัว เอาพริกมาเทที่หน้าศาลากลางจังหวัด เพื่อกดดันต่อไป
ปัจจุบันใน ต.ชัยบุรี ต.พญาชันต์ ต.ลำปำ อ.เมือง ต.พนางตุง อ.ควนขนุน มีพื้นที่ปลูกพริกรวม 4 ตำบล ประมาณ 7,000 ไร่ ให้ผลผลิต 12 ตัน/วัน โดยเกษตรกรปลูกพริก 2 ชนิด คือพริกพันธุ์พื้นเมือง ขาวชัยบุรี ราคาอยู่ที่ กก.ละ 35 บาท และพริกพันธุ์ดอกสน ราคาอยู่ที่ กก.ละ 20 บาท