พัทลุง - จังหวัดพัทลุง มีมติพยุงราคาพริก กิโลกรัมละ 10 บาท หลังราคาพริกในพื้นที่ตกอย่างต่อเนื่อง ส่งผลให้เกษตรกรประสบภาวะขาดทุนอย่างหนัก
วันนี้ (4 ก.ค.) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า จากกรณีที่เกษตรผู้ปลูกพริกในพื้นที่ อ.เมือง อ.ควนขนุน จ.พัทลุง ได้รับความเดือดร้อนอย่างหนัก หลังจากน้ำท่วมเข้าท่วมพื้นที่เมื่อต้นปีที่ผ่านมา ส่งผลให้พืชผลทางการเกษตรได้รับความเสียหายอย่างมาก กระทั่งหลังน้ำลด ได้ไปยืมเงินเพื่อมาลงทุนปลูกพริก เพื่อหวังได้กำไรไปใช้หนี้ทั้งต้นและดอก แต่สถานการณ์กลับพลิกผัน เมื่อราคาพริกตกต่ำ โดยในช่วงระยะเก็บเกี่ยวในปลายเดือนพฤษภาคมที่ผ่านมา ราคาอยู่ที่ กก.ละ 150 บาท และล่าสุด ราคาตกต่ำเป็นอย่างมากเหลือเพียง 20 บาท/กก.เท่านั้น ซึ่งเมื่อหักค่าแรงในการเก็บเกี่ยว ค่าน้ำมัน และค่าปุ๋ย ยังขาดทุนอยู่เป็นจำนวนมาก ทำให้เกษตรกรได้รับเดือดร้อน
ล่าสุด นายสมเกียรติ ทองพันธ์ ประธานกรรมการอาสาสมัครเกษตรระดับจังหวัดพัทลุง และนายจรัล ตาแก้ว กำนันตำบลพญาขัน อ.เมืองพัทลุง ได้ทำหนังสือถึงนายวิญญู ทองสกุล ผุ้ว่าราชการจังหวัดพัทลุง และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เพื่อให้เร่งแก้ไขปัญหาราคาพริกตกต่ำ เนื่องจากในขณะนี้ เกษตรกรที่ปลูกพริกในพื้นที่ ต.ชัยบุรี ต.พญาขัน และ ต.ลำปำ อ.เมืองพัทลุง จำนวนกว่า 1,000 ครัวเรือน ซึ่งมีพื้นที่ปลูก 2,240 ไร่ กำลังเดือดร้อนอย่างหนัก เนื่องจากราคาพริกตกฮวบ โดยราคาพริกพันธุ์ขาวชัยบุรี ราคากิโลกรัมละ 32 บาท และพริกพันธุ์ดอกสน ราคากิโลกรัมละ 20 บาทเท่านั้น
หลังรับเรื่องร้องเรียน นายวิญญู ทองสกุล ผู้ว่าราชการจังหวัดพัทลุง ได้เรียกประชุมคณะกรรมการเพื่อแก้ไขปัญหาเกษตรกรอันเนื่องมาจากผลิตผลการเกษตรระดับจังหวัด ณ ห้องประชุมแพรทอง ศาลากลางจังหวัดพัทลุง ซึ่งนายสมเกียรติ ทองพันธ์ ประธานกรรมการอาสาสมัครเกษตรระดับจังหวัดพัทลุง กล่าวว่า สาเหตุที่เกษตรกรทั้ง 3 ตำบลหันมาปลูกพริกกันเป็นจำนวนมากแทนการปลูกผักชนิดต่างๆ นั้น เนื่องจากการปลูกผักมีศัตรูพืชมากมาย ต้นทุนสูงมากกว่าการปลูกพริก ซึ่งในที่สุด คณะกรรมการฯ ได้มีมติขอปรับราคาพริกพันธุ์ขาวชัยบุรี เพิ่มขึ้นกิโลกรัมละ 10 บาท ส่วนพริกพันธุ์ดอกสน เพิ่มขึ้นกิโลกรัมละ 5 บาท ซึ่งทางนายวิญญู จะได้ทำหนังสือไปกระทรวงพาณิชย์เพื่อพยุงราคาพริกต่อไป