ศูนย์ข่าวภูเก็ต -ผบ.ตร.คุมตัว 2 ผู้ต้องหาฆ่านักท่องเที่ยวออสเตรเลียทำแผนประกอบรับคำสารภาพ ท่ามกลางเสียงรุมด่าของประชาชน และนักท่องเที่ยวกว่า 500 คน จัดกำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจกว่า 200 นายคุมเข้ม หวั่นถูกประชาทัณฑ์ สองผู้ต้องหาขอโทษไม่ได้ตั้งใจเอาถึงตาย อ้างทำเพราะความสนุก และเมา
วันนี้ (26 มิ.ย.) ที่บริเวณถนนกะตะน้อย ต.กะรน อ.เมือง จ.ภูเก็ต พล.ต.อ.เพรียวพันธ์ ดามาพงศ์ ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ พร้อมด้วย พล.ต.อ.ปานศิริ ประภาวัต รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ และ พล.ต.ท.สันติ เพ็ญสูตร ผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 8 และเจ้าหน้าที่ตำรวจได้นำตัวนายสุรินทร์ ทัศทอง และนายสุรศักดิ์ สุวรรณโชติ 2 ผู้ต้องหาก่อเหตุชิงทรัพย์ และใช้มีดแทงนักท่องเที่ยวชาวออสเตรเลียเสียชีวิตที่ จ.ภูเก็ต เมื่อวันที่ 20 มิ.ย.ที่ผ่านมา คือ นางมิเซล อลิซาเบท สมิท มาทำแผนประกอบคำรับสารภาพที่เกิดเหตุ ท่ามกลางการรักษาความปลอดภัยของเจ้าหน้าที่ตำรวจชุดปฎิบัติการรักษาความสงบทั้งใน และนอกเครื่องแบบกว่า 200 นาย เนื่องจากมีประชาชน พนักงานโรงแรม ร้านค้า และผู้ประกอบการในพื้นที่กะตะ กะรนได้เดินทางมาดูการทำแผนจำนวนมาก ตลอดเส้นทางถนนที่ใช้ทำแผน พร้อมทั้งตะโกนด่าผู้ต้องหาทั้งสองราย และมีนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติพยายามที่จะเข้ามารุมประชาทัณฑ์ เนื่องจากไม่พอใจผู้ต้องหาที่ทำร้ายนักท่องเที่ยวจนเสียชีวิต และที่ทำให้เกิดความเสียหายต่อการท่องเที่ยวของจังหวัดภูเก็ต
สำหรับผู้ต้องหาทั้ง 2 ราย ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจสามารถจับกุมตัวนายสุรินทร์ ทัศทอง ได้ที่ อ.บ้านแพ้ว จ.สมุทรสาคร และนายสุรศักดิ์ สุวรรณโชติ ได้ที่บ้านน้ำพุ อ.ท่าแซะ จ.ชุมพร เมื่อวันที่ 25 มิ.ย.ที่ผ่านมา จากการแจ้งเบาะแสของพลเมืองดี จนกระทั่งทราบว่า ผู้ร่วมก่อเหตุจำนวน 2 คน โดยนายสุรินทร์ ทำหน้าที่ขับรถจักรยานยนต์ ส่วนผู้นั่งซ้อนท้ายและใช้อาวุธมีดทำร้ายผู้ตาย และผู้บาดเจ็บ คือ นายสุรศักดิ์ หรือบอย หรือเอ็ม สุวรรณโชติ จากนั้น เจ้าหน้าที่ตำรวจได้ยื่นคำร้องขอออกหมายจับบุคคลทั้งสองต่อศาลจังหวัดภูเก็ต ซึ่งศาลได้พิจารณาแล้วอนุมัติให้จับกุมตัวได้ ตามหมายจับศาลจังหวัดภูเก็ตที่ 333/2555 และ 334/2555 ลงวันที่ 25 มิ.ย.2555 ในข้อหาร่วมกันพยายามชิงทรัพย์ของผู้อื่นในเวลากลางคืน โดยมีอาวุธ โดยใช้ยานพาหนะเพื่อสะดวกแก่การกระทำความผิด หรือเพื่อการพาทรัพย์นั้นไป หรือเพื่อให้พ้นจากการจับกุม เป็นเหตุให้ผู้อื่นได้รับอันตรายแก่กายและจิตใจ และเป็นเหตุให้ผู้อื่นถึงแก่ความตาย
ต่อมา ในวันที่ 25 มิ.ย. เจ้าหน้าที่ตำรวจชุดสืบสวนจังหวัดภูเก็ต ได้เดินทางไปประสานกับชุดสืบภาค 7 ทำการจับกุมนายสุรินทร์ หรือรินทร์ ทัศทอง ได้ที่อ.บ้านแพ้ว จ.สมุทรสาคร และในวันเดียวกัน ตำรวจชุดสืบสวนภูธรภาค 8 ร่วมกับชุดสืบสวนตำรวจภูธรชุมพร ได้ร่วมกันจับกุมตัวนายสุรศักดิ์ ได้ที่บ้านน้ำพุ อ.ท่าแซะ จ.ชุมพร โดยผู้ต้องหาทั้งสองให้การรับสารภาพว่า สุรินทร์เป็นผู้ขับขี่ ส่วนนายสุรศักดิ์นั่งซ้อนท้าย และเป็นผู้ใช้อาวุธมีดทำร้ายผู้ตาย และผู้บาดเจ็บ
จากการสอบถามนายสุรินทร์ให้การว่า เสื้อที่นายสุรศักดิ์ สวมใส่ได้ทิ้งไว้ที่หลังบ้านพักคนงานภูเก็ตบายพาส ถนนบายพาส ต.รัษฎา อ.เมือง จ.ภูเก็ต เจ้าหน้าที่จึงได้ตรวจยึดพร้อมปลอกมีดที่ใช้ก่อเหตุ ส่วนรถจักรยานยนต์ฮอนด้า ดรีม สีม่วง ทะเบียน กบษ 257 ภูเก็ต ซึ่งผู้ต้องหาใช้ในการก่อเหตุ เจ้าหน้าที่สามารถตรวจยึดได้ที่บ้านพักคนงานดังกล่าวข้างต้น และนายสุรศักดิ์รับว่า ตนเป็นผู้ใช้อาวุธมีดทำร้ายผู้ตาย และผู้บาดเจ็บจริง
โดยตั้งข้อกล่าวหาร่วมกันพยายามชิงทรัพย์ของผู้อื่นในเวลากลางคืน โดยมีอาวุธ โดยใช้ยานพาหนะเพื่อความสะดวกแก่การกระทำผิด หรือเพื่อการพาทรัพย์นั้นไป หรือเพื่อให้พ้นจากการจับกุม เป็นเหตุให้ผู้อื่นได้รับอันตรายแก่ร่างกายหรือจิตใจ และเป็นเหตุให้ผู้ถึงแก่ความตาย
โดยผู้ต้องหาทั้ง 2 ราย กล่าวภายหลังการทำแผน ว่า หลังก่อเหตุได้แยกกันหลบหนี จนกระทั่งถูกเจ้าหน้าที่ตำรวจจับกุมตัวได้ในที่สุด โดยนายสุรินทร์เป็นลูกจ้างทำงานอยู่ร้านจำหน่ายยางรถยนต์แห่งหนึ่งบนถนนบายพาส ขณะที่นายสุรศักดิ์ ทำงานอยู่ตามบ่อนไก่ในภูเก็ต ก่อนก่อเหตุ ทั้งคู่ได้ชวนไปดื่มเบียร์กันที่ร้านอาหารแห่งหนึ่ง และขับรถออกมาเรื่อยๆ ไม่ได้ตั้งใจจะก่อเหตุชิงทรัพย์ เมื่อเห็นนักท่องเที่ยวทั้งสองเดินมาจึงตัดสินใจลงมือก่อเหตุเพื่อความสนุกไม่ได้หวังว่าจะได้ทรัพย์สิน ถ้าได้ก็เอา ไม่ได้ก็ไป และที่ใช้มีดแทงนักท่องเที่ยว เพราะผู้ตายขัดขืนจึงเอามัดตัดสายกระเป๋า แต่มีดกลับไปโดนนักท่องเที่ยวจนเสียชีวิต และขอโทษที่ทำให้เกิดเหตุการณ์ในครั้งนี้
ด้าน พล.ต.อ.ปานศิริ ประภาวัต รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ กล่าวว่า การทำแผนประกอบรับคำสารภาพของผู้ต้องหาในวันนี้ มีพยานหลักฐานที่ชัดเจน ทั้งเสื้อผ้าที่ใช้ในวันเกิดเหตุ แม้จะไม่มีมีดของกลางที่คนร้ายใช้ก่อเหตุ แต่ก็ได้ให้ผู้ต้องหาวาดภาพมีดดังกล่าวแล้ว และมีพยานหลักฐานอื่นพร้อม รวมทั้งภาพจากกล้องวงจรปิดที่สามารถจับภาพผู้ต้องหาได้ถึง 6 จุด และในส่วนของกองพิสูจน์หลักฐาน ได้สั่งเครื่องมือตรวจหาวัตถุมาใช้เพื่อไปหามีดของกลางที่คนร้ายนำไปทิ้งไว้ที่บริเวณหน้าโรงพยาบาลกรุงเทพภูเก็ต
พล.ต.อ.ปานศิริ กล่าวเพิ่มว่า ผู้ต้องหาทั้งสองคน จากการตรวจสอบประวัติพบว่า เคยกระทำความผิดมาแล้ว โดยในส่วนของนายสุรินทร์เคยต้องโทษมาแล้ว 4 ครั้ง ส่วนใหญ่เป็นคดีลักทรัพย์ ลักทรัพย์นายจ้าง ลักทรัพย์ในเวลากลางคืน และคดียาเสพติดในพื้นที่ภูเก็ต และเคยติดคุกมา 3 ปี ส่วนนายสุรศักดิ์ เคยมีคดีความผิดเกี่ยวกับยาเสพติด
ส่วนมาตรการดูแลความปลอดภัย ทางผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติได้สั่งการให้มีการตรวจเข้มในแหล่งท่องเที่ยวต่างๆ รวมทั้งถนนทางเดิน โดยจะมีการเพิ่มกล้องวงจรปิดจากหน่วยงานของรัฐ ซึ่งความปลอดภัยของนักท่องเที่ยวนั้น ทางรัฐบาลได้ให้ความสำคัญ และมอบหมายให้สำนักงานตำรวจแห่งชาติแก้ไขปัญหาแท็กซี่ป้ายดำ เจ็ตสกี การเอาเปรียบนักท่องเที่ยวโดยด่วน
วันนี้ (26 มิ.ย.) ที่บริเวณถนนกะตะน้อย ต.กะรน อ.เมือง จ.ภูเก็ต พล.ต.อ.เพรียวพันธ์ ดามาพงศ์ ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ พร้อมด้วย พล.ต.อ.ปานศิริ ประภาวัต รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ และ พล.ต.ท.สันติ เพ็ญสูตร ผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 8 และเจ้าหน้าที่ตำรวจได้นำตัวนายสุรินทร์ ทัศทอง และนายสุรศักดิ์ สุวรรณโชติ 2 ผู้ต้องหาก่อเหตุชิงทรัพย์ และใช้มีดแทงนักท่องเที่ยวชาวออสเตรเลียเสียชีวิตที่ จ.ภูเก็ต เมื่อวันที่ 20 มิ.ย.ที่ผ่านมา คือ นางมิเซล อลิซาเบท สมิท มาทำแผนประกอบคำรับสารภาพที่เกิดเหตุ ท่ามกลางการรักษาความปลอดภัยของเจ้าหน้าที่ตำรวจชุดปฎิบัติการรักษาความสงบทั้งใน และนอกเครื่องแบบกว่า 200 นาย เนื่องจากมีประชาชน พนักงานโรงแรม ร้านค้า และผู้ประกอบการในพื้นที่กะตะ กะรนได้เดินทางมาดูการทำแผนจำนวนมาก ตลอดเส้นทางถนนที่ใช้ทำแผน พร้อมทั้งตะโกนด่าผู้ต้องหาทั้งสองราย และมีนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติพยายามที่จะเข้ามารุมประชาทัณฑ์ เนื่องจากไม่พอใจผู้ต้องหาที่ทำร้ายนักท่องเที่ยวจนเสียชีวิต และที่ทำให้เกิดความเสียหายต่อการท่องเที่ยวของจังหวัดภูเก็ต
สำหรับผู้ต้องหาทั้ง 2 ราย ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจสามารถจับกุมตัวนายสุรินทร์ ทัศทอง ได้ที่ อ.บ้านแพ้ว จ.สมุทรสาคร และนายสุรศักดิ์ สุวรรณโชติ ได้ที่บ้านน้ำพุ อ.ท่าแซะ จ.ชุมพร เมื่อวันที่ 25 มิ.ย.ที่ผ่านมา จากการแจ้งเบาะแสของพลเมืองดี จนกระทั่งทราบว่า ผู้ร่วมก่อเหตุจำนวน 2 คน โดยนายสุรินทร์ ทำหน้าที่ขับรถจักรยานยนต์ ส่วนผู้นั่งซ้อนท้ายและใช้อาวุธมีดทำร้ายผู้ตาย และผู้บาดเจ็บ คือ นายสุรศักดิ์ หรือบอย หรือเอ็ม สุวรรณโชติ จากนั้น เจ้าหน้าที่ตำรวจได้ยื่นคำร้องขอออกหมายจับบุคคลทั้งสองต่อศาลจังหวัดภูเก็ต ซึ่งศาลได้พิจารณาแล้วอนุมัติให้จับกุมตัวได้ ตามหมายจับศาลจังหวัดภูเก็ตที่ 333/2555 และ 334/2555 ลงวันที่ 25 มิ.ย.2555 ในข้อหาร่วมกันพยายามชิงทรัพย์ของผู้อื่นในเวลากลางคืน โดยมีอาวุธ โดยใช้ยานพาหนะเพื่อสะดวกแก่การกระทำความผิด หรือเพื่อการพาทรัพย์นั้นไป หรือเพื่อให้พ้นจากการจับกุม เป็นเหตุให้ผู้อื่นได้รับอันตรายแก่กายและจิตใจ และเป็นเหตุให้ผู้อื่นถึงแก่ความตาย
ต่อมา ในวันที่ 25 มิ.ย. เจ้าหน้าที่ตำรวจชุดสืบสวนจังหวัดภูเก็ต ได้เดินทางไปประสานกับชุดสืบภาค 7 ทำการจับกุมนายสุรินทร์ หรือรินทร์ ทัศทอง ได้ที่อ.บ้านแพ้ว จ.สมุทรสาคร และในวันเดียวกัน ตำรวจชุดสืบสวนภูธรภาค 8 ร่วมกับชุดสืบสวนตำรวจภูธรชุมพร ได้ร่วมกันจับกุมตัวนายสุรศักดิ์ ได้ที่บ้านน้ำพุ อ.ท่าแซะ จ.ชุมพร โดยผู้ต้องหาทั้งสองให้การรับสารภาพว่า สุรินทร์เป็นผู้ขับขี่ ส่วนนายสุรศักดิ์นั่งซ้อนท้าย และเป็นผู้ใช้อาวุธมีดทำร้ายผู้ตาย และผู้บาดเจ็บ
จากการสอบถามนายสุรินทร์ให้การว่า เสื้อที่นายสุรศักดิ์ สวมใส่ได้ทิ้งไว้ที่หลังบ้านพักคนงานภูเก็ตบายพาส ถนนบายพาส ต.รัษฎา อ.เมือง จ.ภูเก็ต เจ้าหน้าที่จึงได้ตรวจยึดพร้อมปลอกมีดที่ใช้ก่อเหตุ ส่วนรถจักรยานยนต์ฮอนด้า ดรีม สีม่วง ทะเบียน กบษ 257 ภูเก็ต ซึ่งผู้ต้องหาใช้ในการก่อเหตุ เจ้าหน้าที่สามารถตรวจยึดได้ที่บ้านพักคนงานดังกล่าวข้างต้น และนายสุรศักดิ์รับว่า ตนเป็นผู้ใช้อาวุธมีดทำร้ายผู้ตาย และผู้บาดเจ็บจริง
โดยตั้งข้อกล่าวหาร่วมกันพยายามชิงทรัพย์ของผู้อื่นในเวลากลางคืน โดยมีอาวุธ โดยใช้ยานพาหนะเพื่อความสะดวกแก่การกระทำผิด หรือเพื่อการพาทรัพย์นั้นไป หรือเพื่อให้พ้นจากการจับกุม เป็นเหตุให้ผู้อื่นได้รับอันตรายแก่ร่างกายหรือจิตใจ และเป็นเหตุให้ผู้ถึงแก่ความตาย
โดยผู้ต้องหาทั้ง 2 ราย กล่าวภายหลังการทำแผน ว่า หลังก่อเหตุได้แยกกันหลบหนี จนกระทั่งถูกเจ้าหน้าที่ตำรวจจับกุมตัวได้ในที่สุด โดยนายสุรินทร์เป็นลูกจ้างทำงานอยู่ร้านจำหน่ายยางรถยนต์แห่งหนึ่งบนถนนบายพาส ขณะที่นายสุรศักดิ์ ทำงานอยู่ตามบ่อนไก่ในภูเก็ต ก่อนก่อเหตุ ทั้งคู่ได้ชวนไปดื่มเบียร์กันที่ร้านอาหารแห่งหนึ่ง และขับรถออกมาเรื่อยๆ ไม่ได้ตั้งใจจะก่อเหตุชิงทรัพย์ เมื่อเห็นนักท่องเที่ยวทั้งสองเดินมาจึงตัดสินใจลงมือก่อเหตุเพื่อความสนุกไม่ได้หวังว่าจะได้ทรัพย์สิน ถ้าได้ก็เอา ไม่ได้ก็ไป และที่ใช้มีดแทงนักท่องเที่ยว เพราะผู้ตายขัดขืนจึงเอามัดตัดสายกระเป๋า แต่มีดกลับไปโดนนักท่องเที่ยวจนเสียชีวิต และขอโทษที่ทำให้เกิดเหตุการณ์ในครั้งนี้
ด้าน พล.ต.อ.ปานศิริ ประภาวัต รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ กล่าวว่า การทำแผนประกอบรับคำสารภาพของผู้ต้องหาในวันนี้ มีพยานหลักฐานที่ชัดเจน ทั้งเสื้อผ้าที่ใช้ในวันเกิดเหตุ แม้จะไม่มีมีดของกลางที่คนร้ายใช้ก่อเหตุ แต่ก็ได้ให้ผู้ต้องหาวาดภาพมีดดังกล่าวแล้ว และมีพยานหลักฐานอื่นพร้อม รวมทั้งภาพจากกล้องวงจรปิดที่สามารถจับภาพผู้ต้องหาได้ถึง 6 จุด และในส่วนของกองพิสูจน์หลักฐาน ได้สั่งเครื่องมือตรวจหาวัตถุมาใช้เพื่อไปหามีดของกลางที่คนร้ายนำไปทิ้งไว้ที่บริเวณหน้าโรงพยาบาลกรุงเทพภูเก็ต
พล.ต.อ.ปานศิริ กล่าวเพิ่มว่า ผู้ต้องหาทั้งสองคน จากการตรวจสอบประวัติพบว่า เคยกระทำความผิดมาแล้ว โดยในส่วนของนายสุรินทร์เคยต้องโทษมาแล้ว 4 ครั้ง ส่วนใหญ่เป็นคดีลักทรัพย์ ลักทรัพย์นายจ้าง ลักทรัพย์ในเวลากลางคืน และคดียาเสพติดในพื้นที่ภูเก็ต และเคยติดคุกมา 3 ปี ส่วนนายสุรศักดิ์ เคยมีคดีความผิดเกี่ยวกับยาเสพติด
ส่วนมาตรการดูแลความปลอดภัย ทางผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติได้สั่งการให้มีการตรวจเข้มในแหล่งท่องเที่ยวต่างๆ รวมทั้งถนนทางเดิน โดยจะมีการเพิ่มกล้องวงจรปิดจากหน่วยงานของรัฐ ซึ่งความปลอดภัยของนักท่องเที่ยวนั้น ทางรัฐบาลได้ให้ความสำคัญ และมอบหมายให้สำนักงานตำรวจแห่งชาติแก้ไขปัญหาแท็กซี่ป้ายดำ เจ็ตสกี การเอาเปรียบนักท่องเที่ยวโดยด่วน