ศูนย์ข่าวหาดใหญ่ - ทหารยะลาเปิดยุทธการหลักเมือง 55 ปิดล้อมเป้าหมาย พร้อมเชิญ 3 วัยรุ่นเข้ากระบวนการซักถาม ระบุ ให้ปฏิบัติศาสนกิจ และอนุญาตให้ครอบครัวเยี่ยมได้ พร้อมรับประกันความปลอดภัยหากไม่พบความผิดจะส่งตัวกลับบ้าน
วันนี้ (1 มิ.ย.) เมื่อเวลา 13.30 น. ที่หน่วยเฉพาะกิจยะลา 11 อ.เมือง จ.ยะลา พ.ท.ชลัช ศรีวิเชียร รองผู้บังคับหน่วยเฉพาะกิจยะลาที่ 11 ได้เชิญตัว นายอาลียัช สะมะแอ อายุ 23 ปี ชาวตำบลเกาะจัน อ.มายอ จ.ปัตตานี นายนูรมาน ดอเล๊าะ อายุ 26 ปี ชาวตำบลลิดล อ.เมือง จ.ยะลา และนายสือกรี เต๊ะ อายุ 23 ปี ชาวตำบลพิเทน อ.ทุ่งยางแดง จ.ปัตตานี มาซักถาม
หลังจากเจ้าหน้าที่ทหารหน่วยเฉพาะกิจยะลาที่ 11 ได้เปิดแผนยุทธการหลักเมือง 55 เข้าตรวจค้นพื้นที่เป้าหมายในย่านตลาดเก่า เขตเทศบาลนครยะลา ในการป้องกัน และกดดันกลุ่มผู้ก่อเหตุรุนแรง พร้อมยึดสิ่งของรวม 4 รายการไว้ตรวจสอบ ประกอบด้วย โทรศัพท์มือถือ 4 เครื่อง กล้องวีดีโอยี่ห้อ โซนี่ รุ่น N5 จำนวน 1 เครื่อง ฮาร์ดดิสก์ 1 ลูก และเอกสาร 1 ชุด
พ.ท.ชลัช ศรีวิเชียร รองผู้บังคับหน่วยเฉพาะกิจยะลาที่ 11 เปิดเผยว่า หลังจากเจ้าหน้าที่เข้าปิดล้อมตรวจค้นพื้นที่เป้าหมายในซอยศรีปุตรา ย่านตลาดเก่า เขตเทศบาลนครยะลา เมื่อช่วงค่ำของคืนที่ผ่านมา (31 พ.ค.) โดยที่บ้านเลขที่ 89/11 ซ.ศรีปุตรา เจ้าหน้าที่พบบุคคลทั้ง 3 จึงได้เชิญตัวมาซักถาม
ซึ่งหากซักถามแล้วไม่พบความเกี่ยวข้อง หรือเกี่ยวพันกับกลุ่มก่อเหตุรุนแรง ก็จะดำเนินการส่งตัวกลับบ้านต่อไป แต่อย่างไรก็ตาม ในระหว่างที่ทั้ง 3 คนอยู่ในความดูแลของเจ้าหน้าที่นั้น ก็จะให้ทุกคนสามารถปฏิบัติศาสนกิจได้ตามปกติ โดยจะอำนวยความสะดวกให้ รวมทั้งหากทางญาติ หรือเพื่อนที่ต้องการเข้าเยี่ยมก็สามารถเข้าเยี่ยมได้ตามเวลาที่กำหนดไว้
รองผู้บังคับหน่วยเฉพาะกิจยะลาที่ 11 ระบุว่า สำหรับนายนูรมาน ดอเล๊าะ จากการตรวจสอบประวัติ พบว่าเคยมีหมายจับ พ.ร.ก.ฉุกเฉิน เมื่อปี 2551 แต่ปัจจุบัน ได้ยกเลิกหมายจับฉบับนี้ไปแล้ว ส่วนอีก 2 ราย ตรวจสอบไม่พบประวัติแต่อย่างใด
สำหรับซอยศรีปุตรา ที่เจ้าหน้าที่เข้าตรวจค้นในครั้งนี้ สืบเนื่องจากเมื่อวันที่ 25 ตุลาคม 2554 กลุ่มก่อเหตุรุนแรงใช้บ้านเช่าในซอยนี้หลังหนึ่งเป็นที่ประชุม และรวมตัวก่อเหตุลอบวางระเบิด 37 จุดรอบเขตเทศบาลนครยะลา ซึ่งในครั้งนั้นเกิดเหตุระเบิดในซอยดังกล่าวด้วย ทำให้คนร้ายที่กำลังนำระเบิดเพื่อจะไปวางที่เป้าหมายเสียชีวิต 2 ราย
แต่อย่างไรก็ตาม สำหรับทั้ง 3 รายที่เจ้าหน้าที่เชิญตัวมานั้น หากซักถามแล้วไม่พบความเกี่ยวข้องกับกลุ่มก่อเหตุรุนแรง ก็จะทำการส่งตัวกลับบ้านต่อไป และจะให้ความมั่นใจในความปลอดภัย รวมทั้งความเป็นธรรมด้วย
วันนี้ (1 มิ.ย.) เมื่อเวลา 13.30 น. ที่หน่วยเฉพาะกิจยะลา 11 อ.เมือง จ.ยะลา พ.ท.ชลัช ศรีวิเชียร รองผู้บังคับหน่วยเฉพาะกิจยะลาที่ 11 ได้เชิญตัว นายอาลียัช สะมะแอ อายุ 23 ปี ชาวตำบลเกาะจัน อ.มายอ จ.ปัตตานี นายนูรมาน ดอเล๊าะ อายุ 26 ปี ชาวตำบลลิดล อ.เมือง จ.ยะลา และนายสือกรี เต๊ะ อายุ 23 ปี ชาวตำบลพิเทน อ.ทุ่งยางแดง จ.ปัตตานี มาซักถาม
หลังจากเจ้าหน้าที่ทหารหน่วยเฉพาะกิจยะลาที่ 11 ได้เปิดแผนยุทธการหลักเมือง 55 เข้าตรวจค้นพื้นที่เป้าหมายในย่านตลาดเก่า เขตเทศบาลนครยะลา ในการป้องกัน และกดดันกลุ่มผู้ก่อเหตุรุนแรง พร้อมยึดสิ่งของรวม 4 รายการไว้ตรวจสอบ ประกอบด้วย โทรศัพท์มือถือ 4 เครื่อง กล้องวีดีโอยี่ห้อ โซนี่ รุ่น N5 จำนวน 1 เครื่อง ฮาร์ดดิสก์ 1 ลูก และเอกสาร 1 ชุด
พ.ท.ชลัช ศรีวิเชียร รองผู้บังคับหน่วยเฉพาะกิจยะลาที่ 11 เปิดเผยว่า หลังจากเจ้าหน้าที่เข้าปิดล้อมตรวจค้นพื้นที่เป้าหมายในซอยศรีปุตรา ย่านตลาดเก่า เขตเทศบาลนครยะลา เมื่อช่วงค่ำของคืนที่ผ่านมา (31 พ.ค.) โดยที่บ้านเลขที่ 89/11 ซ.ศรีปุตรา เจ้าหน้าที่พบบุคคลทั้ง 3 จึงได้เชิญตัวมาซักถาม
ซึ่งหากซักถามแล้วไม่พบความเกี่ยวข้อง หรือเกี่ยวพันกับกลุ่มก่อเหตุรุนแรง ก็จะดำเนินการส่งตัวกลับบ้านต่อไป แต่อย่างไรก็ตาม ในระหว่างที่ทั้ง 3 คนอยู่ในความดูแลของเจ้าหน้าที่นั้น ก็จะให้ทุกคนสามารถปฏิบัติศาสนกิจได้ตามปกติ โดยจะอำนวยความสะดวกให้ รวมทั้งหากทางญาติ หรือเพื่อนที่ต้องการเข้าเยี่ยมก็สามารถเข้าเยี่ยมได้ตามเวลาที่กำหนดไว้
รองผู้บังคับหน่วยเฉพาะกิจยะลาที่ 11 ระบุว่า สำหรับนายนูรมาน ดอเล๊าะ จากการตรวจสอบประวัติ พบว่าเคยมีหมายจับ พ.ร.ก.ฉุกเฉิน เมื่อปี 2551 แต่ปัจจุบัน ได้ยกเลิกหมายจับฉบับนี้ไปแล้ว ส่วนอีก 2 ราย ตรวจสอบไม่พบประวัติแต่อย่างใด
สำหรับซอยศรีปุตรา ที่เจ้าหน้าที่เข้าตรวจค้นในครั้งนี้ สืบเนื่องจากเมื่อวันที่ 25 ตุลาคม 2554 กลุ่มก่อเหตุรุนแรงใช้บ้านเช่าในซอยนี้หลังหนึ่งเป็นที่ประชุม และรวมตัวก่อเหตุลอบวางระเบิด 37 จุดรอบเขตเทศบาลนครยะลา ซึ่งในครั้งนั้นเกิดเหตุระเบิดในซอยดังกล่าวด้วย ทำให้คนร้ายที่กำลังนำระเบิดเพื่อจะไปวางที่เป้าหมายเสียชีวิต 2 ราย
แต่อย่างไรก็ตาม สำหรับทั้ง 3 รายที่เจ้าหน้าที่เชิญตัวมานั้น หากซักถามแล้วไม่พบความเกี่ยวข้องกับกลุ่มก่อเหตุรุนแรง ก็จะทำการส่งตัวกลับบ้านต่อไป และจะให้ความมั่นใจในความปลอดภัย รวมทั้งความเป็นธรรมด้วย
