นราธิวาส - เจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.ตากใบจัดชุดเข้าตรวจสอบตามเป้าหมายต้องสงสัยจำนวน 3 จุดในพื้นที่ อ.ตากใบ ที่ติดริมแม่น้ำสุไหงโก-ลก ตะเข็บชายแดนไทย-มาเลย์ เพื่อปิดกั้นการลักลอบขนน้ำมันเถื่อนข้ามพรมแดน
จากสถานการณ์ความไม่สงบที่เกิดขึ้นในพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้อย่างต่อเนื่องเป็นเวลากว่า 8 ปี ทำให้ พล.ท.อุดมชัย ธรรมสาโรรัชต์ แม่ทัพภาคที่ 4 ได้สั่งการให้เจ้าหน้าที่กองกำลังทุกหน่วยบูรณาการการปฏิบัติอย่างเข้มข้นและต่อเนื่อง ไม่ว่าจะเป็นการกดดันไล่ล่ากลุ่มก่อความไม่สงบ รวมถึงการขจัดปัญหาภัยแทรกซ้อน ทั้งยาเสพติด การค้ามนุษย์ และน้ำมันเถื่อนอย่างจริงจัง เพื่อให้เห็นเป็นรูปธรรมที่ชัดเจน
ล่าสุดเพื่อเป็นการสนองนโยบายของแม่ทัพภาคที่ 4 พ.ต.ท.พูนศักดิ์ เซ็งแซ่ รอง ผกก.ป.สภ.ตากใบ จ.นราธิวาส จึงได้นำกำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจชุดปฏิบัติการพิเศษ จำนวน 1 ชป. เดินทางเข้าตรวจสอบตามเป้าหมายต้องสงสัยจำนวน 3 จุดในพื้นที่ อ.ตากใบ ได้แก่ บ้านหัวคลอง ม.6 ต.เจ๊ะเห และบ้านตะปอเยาะ ม.7 ต.เจ๊ะเห ซึ่งตั้งอยู่ริมคลองที่เชื่อมต่อกับแม่น้ำสุไหงโก-ลก แนวพรมแดนกับประเทศมาเลเซีย ที่เป็นช่องทางเล็ดลอดในการขนน้ำมันเถื่อนจำนวนมหาศาลลำเลียงลงเรือขนาดใหญ่ก่อนทำการขนถ่ายลงเรือเล็กอีกทอดหนึ่ง เพื่อส่งให้พ่อค้าคนกลางในพื้นที่นำไปจำหน่ายแก่ลูกค้ารายย่อยต่อๆ กันไป โดยทำรายได้เป็นกอบเป็นกำ
ขณะเดียวกัน หลายรายมีการนำเงินไปสนับสนุนการก่อเหตุความไม่สงบในพื้นที่อีกด้วย เพื่อเบี่ยงเบนความสนใจของเจ้าหน้าที่กองกำลังไปยังสถานการณ์ความไม่สงบแทนเน้นการจับกุมน้ำมันเถื่อน
ซึ่งจากการเข้าตรวจค้น และตรวจสอบอย่างละเอียด เจ้าหน้าที่พบว่าตามท่าเทียบเรือขนาดเล็กที่มีจำนวนกว่า 10 ท่า ได้มีการสร้างเป็นโกดังขนาดใหญ่และเล็กเพื่อไว้เก็บแกลลอนน้ำมันเถื่อน และจะมีการเคลื่อนย้ายหนีหากรู้ว่าเจ้าหน้าที่จะเข้าทำการตรวจค้น
อย่างไรก็ตาม ปฏิบัติการเชิงรุกของเจ้าหน้าที่กองกำลัง อ.ตากใบ ยังคงกดดันในพื้นที่ 3 ตำบล คือ ต.เจ๊ะเห ต.ไพรวัลย์ และ ต.เกาะสะท้อน ที่ตรวจสอบพบว่ายังมีพ่อค้านายทุนที่หลบซ่อนตัวเพื่อหนีการจับกุมหลงเหลืออยู่กว่า 10 ราย โดยจากสถิติของปีที่ผ่านๆ มาเจ้าหน้าที่สามารถจับกุมผู้ลักลอบค้าน้ำมันเถื่อนได้เป็นจำนวนมาก และปัจจุบันผู้ค้าลดลงกว่า 60% ซึ่งเป็นผลพวงของการทำงานเชิงรุกของเจ้าหน้าที่ฝ่ายไทย ร่วมไปกับประเทศมาเลเซียที่ได้จัดชุดตำรวจตระเวนชายแดนเฝ้าระวังตามแนวตะเข็บชายแดน เพื่อไม่ให้มีการเล็ดลอดขนน้ำมันเถื่อนจำนวนมหาศาลข้ามพรมแดนมาสู่ไทยได้อีก
จากสถานการณ์ความไม่สงบที่เกิดขึ้นในพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้อย่างต่อเนื่องเป็นเวลากว่า 8 ปี ทำให้ พล.ท.อุดมชัย ธรรมสาโรรัชต์ แม่ทัพภาคที่ 4 ได้สั่งการให้เจ้าหน้าที่กองกำลังทุกหน่วยบูรณาการการปฏิบัติอย่างเข้มข้นและต่อเนื่อง ไม่ว่าจะเป็นการกดดันไล่ล่ากลุ่มก่อความไม่สงบ รวมถึงการขจัดปัญหาภัยแทรกซ้อน ทั้งยาเสพติด การค้ามนุษย์ และน้ำมันเถื่อนอย่างจริงจัง เพื่อให้เห็นเป็นรูปธรรมที่ชัดเจน
ล่าสุดเพื่อเป็นการสนองนโยบายของแม่ทัพภาคที่ 4 พ.ต.ท.พูนศักดิ์ เซ็งแซ่ รอง ผกก.ป.สภ.ตากใบ จ.นราธิวาส จึงได้นำกำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจชุดปฏิบัติการพิเศษ จำนวน 1 ชป. เดินทางเข้าตรวจสอบตามเป้าหมายต้องสงสัยจำนวน 3 จุดในพื้นที่ อ.ตากใบ ได้แก่ บ้านหัวคลอง ม.6 ต.เจ๊ะเห และบ้านตะปอเยาะ ม.7 ต.เจ๊ะเห ซึ่งตั้งอยู่ริมคลองที่เชื่อมต่อกับแม่น้ำสุไหงโก-ลก แนวพรมแดนกับประเทศมาเลเซีย ที่เป็นช่องทางเล็ดลอดในการขนน้ำมันเถื่อนจำนวนมหาศาลลำเลียงลงเรือขนาดใหญ่ก่อนทำการขนถ่ายลงเรือเล็กอีกทอดหนึ่ง เพื่อส่งให้พ่อค้าคนกลางในพื้นที่นำไปจำหน่ายแก่ลูกค้ารายย่อยต่อๆ กันไป โดยทำรายได้เป็นกอบเป็นกำ
ขณะเดียวกัน หลายรายมีการนำเงินไปสนับสนุนการก่อเหตุความไม่สงบในพื้นที่อีกด้วย เพื่อเบี่ยงเบนความสนใจของเจ้าหน้าที่กองกำลังไปยังสถานการณ์ความไม่สงบแทนเน้นการจับกุมน้ำมันเถื่อน
ซึ่งจากการเข้าตรวจค้น และตรวจสอบอย่างละเอียด เจ้าหน้าที่พบว่าตามท่าเทียบเรือขนาดเล็กที่มีจำนวนกว่า 10 ท่า ได้มีการสร้างเป็นโกดังขนาดใหญ่และเล็กเพื่อไว้เก็บแกลลอนน้ำมันเถื่อน และจะมีการเคลื่อนย้ายหนีหากรู้ว่าเจ้าหน้าที่จะเข้าทำการตรวจค้น
อย่างไรก็ตาม ปฏิบัติการเชิงรุกของเจ้าหน้าที่กองกำลัง อ.ตากใบ ยังคงกดดันในพื้นที่ 3 ตำบล คือ ต.เจ๊ะเห ต.ไพรวัลย์ และ ต.เกาะสะท้อน ที่ตรวจสอบพบว่ายังมีพ่อค้านายทุนที่หลบซ่อนตัวเพื่อหนีการจับกุมหลงเหลืออยู่กว่า 10 ราย โดยจากสถิติของปีที่ผ่านๆ มาเจ้าหน้าที่สามารถจับกุมผู้ลักลอบค้าน้ำมันเถื่อนได้เป็นจำนวนมาก และปัจจุบันผู้ค้าลดลงกว่า 60% ซึ่งเป็นผลพวงของการทำงานเชิงรุกของเจ้าหน้าที่ฝ่ายไทย ร่วมไปกับประเทศมาเลเซียที่ได้จัดชุดตำรวจตระเวนชายแดนเฝ้าระวังตามแนวตะเข็บชายแดน เพื่อไม่ให้มีการเล็ดลอดขนน้ำมันเถื่อนจำนวนมหาศาลข้ามพรมแดนมาสู่ไทยได้อีก
