นราธิวาส - องคมนตรีติดตามโครงการพัฒนาพื้นที่บ้านเนินธัมมังอันเนื่องมาจากพระราชดำริ แจ้งชาวบ้านว่า ราชินีทรงห่วงใยความเป็นอยู่ พร้อมบอกข่าวดีในหลวงพระพลานามัยดีขึ้น เตรียมออกจาก รพ.เร็วๆ นี้
วันนี้ (24 พ.ค.) นายพลากร สุวรรณรัฐ องคมนตรี และคณะ ได้เดินทางมาตรวจเยี่ยมโครงการพัฒนาพื้นที่บ้านเนินธัมมัง อันเนื่องมาจากพระราชดำริ ต.แม่เจ้าอยู่หัว อ.เชียรใหญ่ จ.นครศรีนครศรีธรรมราช ซึ่ง สมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ ได้พระราชทานพระราชดำริให้ช่วยเหลือราษฎรให้สามารถประกอบอาชีพได้ และได้พระราชทานพระราชทรัพย์ส่วนพระองค์สร้างศาลาศิลปาชีพ พร้อมทรงส่งเสริมงานด้านศิลปาชีพแก่ราษฎรในพื้นที่ และหมู่บ้านใกล้เคียง
เนื่องจากในอดีต บ้านเนินธัมมังมีปัญหาน้ำท่วมขังในฤดูนาปี รวมทั้งสภาพดินเปรี้ยวและวัชพืชหนาแน่น จนได้มีการศึกษาการผลิตข้าวในปี 2540-2547 โดยศูนย์วิจัยข้าวพัทลุงและสถานีทดลองข้าวนครศรีธรรมราช ทำให้สามารถปลูกข้าวได้ในเดือนมิถุนายน เก็บเกี่ยวเดือนกันยายน ซึ่งพันธุ์ข้าวที่ปลูกได้ช่วงดังกล่าวคือ พันธุ์สุพรรณบุรี 1, 2 ชัยนาท 1 ปทุมธานี 1 และพันธุ์พัทลุง นอกจากนี้ ชาวบ้านยังได้รับความรู้เรื่องวิธีการผลิตเมล็ดพันธุ์ข้าวไว้ใช้เอง และมีข้าวไว้เพียงพอสำหรับการบริโภคด้วย
จากนั้น นายพลากร ได้เยี่ยมชมกิจกรรมด้านศิลปาชีพ ซึ่งปัจจุบัน บ้านเนินธัมมังเป็นที่ตั้งของศูนย์ศิลปาชีพในพระบรมราชินูปถัมป์ และธนาคารข้าว รวมถึงเยี่ยมชมกิจการการดำเนินงานขยายผลการผลิตข้าวตามแนวพระราชดำริ
ต่อมา นายพลากร สุวรรณรัตน์ องคมนตรี ได้กล่าวกับประชาชนที่มาต้อนรับว่า สมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ ทรงมีรับสั่งให้ตนเดินทางมาติดตามโครงการบ้านเนินธัมมัง ให้ตนมาดูว่า ชาวบ้านในพื้นที่มีความเป็นอยู่ที่ดีขึ้นหรือไม่ ยังทำอาชีพที่พระองค์ทรงส่งเสริมหรือไม่ เนื่องจากพระองค์ท่านไม่ได้เสด็จเยี่ยมชาวเนินธัมมังมาถึง 9 ปีแล้ว ครั้งสุดท้ายที่เสด็จฯ ก็คือ ปี 2546
“พื้นที่ตรงนี้ทรงเป็นความหวังของพระองค์ในการปลูกข้าว เพราะพระองค์ทรงมีพระราชดำริมาตลอด ว่า คนไทยต้องกินข้าว ดังนั้น เราต้องปลูกข้าวกินเอง อย่าไปปลูกสิ่งอื่นจนต้องซื้อข้าวจากต่างชาติมากิน และตนมีข่าวดีที่จะบอกกับชาวเนินธัมมัง ว่า เร็วๆ นี้ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว จะสามารถเสด็จฯ ออกจากโรงพยาบาล และกลับมาประทับที่วังได้ตามปกติแล้ว เพราะสุขภาพของพระองค์ดีขึ้นมาก ทรงหายประชวรแล้ว โดยพรุ่งนี้จะเสด็จฯ ออกจากโรงพยาบาลไปตรวจเยี่ยมทุ่งมะขามหย่อง เพื่อช่วยเหลือราษฎรเกี่ยวกับอุทกภัย ซึ่งนับว่าเป็นข่าวดีสำหรับคนไทย” นายพลากร กล่าว
วันนี้ (24 พ.ค.) นายพลากร สุวรรณรัฐ องคมนตรี และคณะ ได้เดินทางมาตรวจเยี่ยมโครงการพัฒนาพื้นที่บ้านเนินธัมมัง อันเนื่องมาจากพระราชดำริ ต.แม่เจ้าอยู่หัว อ.เชียรใหญ่ จ.นครศรีนครศรีธรรมราช ซึ่ง สมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ ได้พระราชทานพระราชดำริให้ช่วยเหลือราษฎรให้สามารถประกอบอาชีพได้ และได้พระราชทานพระราชทรัพย์ส่วนพระองค์สร้างศาลาศิลปาชีพ พร้อมทรงส่งเสริมงานด้านศิลปาชีพแก่ราษฎรในพื้นที่ และหมู่บ้านใกล้เคียง
เนื่องจากในอดีต บ้านเนินธัมมังมีปัญหาน้ำท่วมขังในฤดูนาปี รวมทั้งสภาพดินเปรี้ยวและวัชพืชหนาแน่น จนได้มีการศึกษาการผลิตข้าวในปี 2540-2547 โดยศูนย์วิจัยข้าวพัทลุงและสถานีทดลองข้าวนครศรีธรรมราช ทำให้สามารถปลูกข้าวได้ในเดือนมิถุนายน เก็บเกี่ยวเดือนกันยายน ซึ่งพันธุ์ข้าวที่ปลูกได้ช่วงดังกล่าวคือ พันธุ์สุพรรณบุรี 1, 2 ชัยนาท 1 ปทุมธานี 1 และพันธุ์พัทลุง นอกจากนี้ ชาวบ้านยังได้รับความรู้เรื่องวิธีการผลิตเมล็ดพันธุ์ข้าวไว้ใช้เอง และมีข้าวไว้เพียงพอสำหรับการบริโภคด้วย
จากนั้น นายพลากร ได้เยี่ยมชมกิจกรรมด้านศิลปาชีพ ซึ่งปัจจุบัน บ้านเนินธัมมังเป็นที่ตั้งของศูนย์ศิลปาชีพในพระบรมราชินูปถัมป์ และธนาคารข้าว รวมถึงเยี่ยมชมกิจการการดำเนินงานขยายผลการผลิตข้าวตามแนวพระราชดำริ
ต่อมา นายพลากร สุวรรณรัตน์ องคมนตรี ได้กล่าวกับประชาชนที่มาต้อนรับว่า สมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ ทรงมีรับสั่งให้ตนเดินทางมาติดตามโครงการบ้านเนินธัมมัง ให้ตนมาดูว่า ชาวบ้านในพื้นที่มีความเป็นอยู่ที่ดีขึ้นหรือไม่ ยังทำอาชีพที่พระองค์ทรงส่งเสริมหรือไม่ เนื่องจากพระองค์ท่านไม่ได้เสด็จเยี่ยมชาวเนินธัมมังมาถึง 9 ปีแล้ว ครั้งสุดท้ายที่เสด็จฯ ก็คือ ปี 2546
“พื้นที่ตรงนี้ทรงเป็นความหวังของพระองค์ในการปลูกข้าว เพราะพระองค์ทรงมีพระราชดำริมาตลอด ว่า คนไทยต้องกินข้าว ดังนั้น เราต้องปลูกข้าวกินเอง อย่าไปปลูกสิ่งอื่นจนต้องซื้อข้าวจากต่างชาติมากิน และตนมีข่าวดีที่จะบอกกับชาวเนินธัมมัง ว่า เร็วๆ นี้ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว จะสามารถเสด็จฯ ออกจากโรงพยาบาล และกลับมาประทับที่วังได้ตามปกติแล้ว เพราะสุขภาพของพระองค์ดีขึ้นมาก ทรงหายประชวรแล้ว โดยพรุ่งนี้จะเสด็จฯ ออกจากโรงพยาบาลไปตรวจเยี่ยมทุ่งมะขามหย่อง เพื่อช่วยเหลือราษฎรเกี่ยวกับอุทกภัย ซึ่งนับว่าเป็นข่าวดีสำหรับคนไทย” นายพลากร กล่าว