ศูนย์ข่าวภูเก็ต - อดีตสาวใช้พม่าแสบ มาทำงานไม่ถึงเดือนขอลาออก ย้อนรอยลักทรัพย์นายจ้างมูลค่ากว่า 2 ล้านบาท ตร.ตามรวบตัวได้ทันควัน ยึดทรัพย์สินกลับมาได้เกือบหมด
เมื่อเวลา 14.20 น.วันนี้ ( 23 พ.ค.) ที่ห้องประชุมชั้น 2 กองกำกับการสืบสวนสอบสวนตำรวจภูธรจังหวัดภูเก็ต พ.ต.ท.เสริม ขวัญนิมิตร รอง.ผกก.สส.ภ.จ.ภูเก็ต พ.ต.ต.วีระพงศ์ รักขิโต สว.สส.ภ.จ.ภูเก็ต พร้อมด้วยเจ้าหน้าที่ตำรวจชุดจับกุม ร่วมกันแถลงข่าวการจับกุม น.ส.วันดี สัญชาติพม่า อายุ 32 ปี ผู้ต้องหา คดีลักทรัพย์ โดยยึดของกลาง ประกอบด้วย สร้อยข้อมือเพชร 1 เส้น สร้อยคอเพชร 1 เส้น ต่างหูเพชร 3 คู่ แหวนเพชร 2 วง ต่างหูพลอย 2 คู่ สร้อยคอทองคำหนัก 5 บาท 1 เส้น สร้อยข้อมือทองคำหนัก 5 บาท 1 เส้น สร้อยข้อมือทองคำหนัก 3 บาท 1 เส้น สร้อยคอทองคำหนัก 2 บาท 1 เส้น สร้อยข้อมือทองคำหนัก 1 บาท 1 เส้น และเงินสดอีก 392,800 บาท รวมมูลค่าทรัพย์สินทั้งหมดกว่า 2 ล้านบาท ซึ่งเป็นทรัพย์สินของนางยุภา ไวยสิทธิ์ อายุ 52 ปี ผู้เสียหาย
พ.ต.ท.เสริม กล่าวว่า สำหรับการจับกุมผู้ต้องหาในครั้งนี้สืบเนื่องจาก เมื่อเวลาประมาณ 16.00 น.วันที่ 21 พ.ค. ที่ผ่านมา เจ้าหน้าที่ตำรวจชุดสืบสวนภูธรจังหวัดภูเก็ตได้รับแจ้งจาก นางยุภา ไวยสิทธิ์ อายุ 52 ปี ผู้เสียหาย อยู่บ้านเลขที่ 8 ถนนนาใน ซอย 1 ต.ป่าตอง อ.กะทู้ จ.ภูเก็ต เจ้าของร้านอาหารตามสั่ง บริเวณถนนนาใน ว่า ถูกคนร้ายเข้าไปขโมยทรัพย์สินภายในบ้านพัก ขอให้ตรวจสอบด้วย หลังรับแจ้งได้มีการแจ้งประสานไปยังตำรวจภูธรกะทู้ และลงพื้นตรวจสอบติดตามจับกุมคนร้าย ซึ่งจากการสอบสวนในเบื้องต้นคาดว่าคนร้ายที่ก่อเหตุในครั้งนี้น่าจะเป็น น.ส.วันดี อดีตสาวใช้ชาวพม่าที่เคยทำงานอยู่กับผู้เสียหาย แต่ได้ลาออกไปประมาณ 5-6 เดือนแล้ว
หลังจากนั้นเจ้าหน้าที่ตำรวจจึงออกติดตามจับกุมคนร้าย โดยสามารถจับกุมได้ที่บริเวณหน้าเกตเฮ้าส์ไม่มีชื่อ แห่งหนึ่งในซอยป่าตองวิสกี้ ถ.ราษฏร์อุทิศ 200 ปี ต.ป่าตอง อ.กะทู้ จากนั้นขยายผลตรวจค้นห้องพักหมายเลข 666 ของเกตเฮ้าส์ดังกล่าว พบของกลางที่เป็นทรัพย์สินของนางยุภาบางส่วนถูกซุกซ่อนอยู่ภายในกระเป๋าสะพายสีน้ำตาลในห้องพักดังกล่าว จึงนำตัวผู้ต้องหาพร้อมด้วยของกลางมาสอบสวนขยายผลซึ่งพบว่ามีทองคำรูปพรรณบางส่วนที่ น.ส.วันดีนำไปขายที่ร้านทองในพื้นที่ ต.ป่าตอง อ.กะทู้ และ อ.เมืองภูเก็ต ซึ่งขณะนี้ได้นำทองคำดังกล่าวกลับมาคืนเจ้าของแล้ว
พ.ต.ท.เสริม กล่าวต่อไปว่า คนร้ายฉวยโอกาสในช่วงที่ผู้เสียหายไม่อยู่บ้าน ปีนกำแพงเข้ามาทางหลังบ้าน เพื่อขโมยทรัพย์สิน โดยคนร้ายรู้ว่าผู้เสียหายเก็บทรัพย์สินไว้ที่ไหน และจากการสอบปากคำคนร้ายอ้างว่าจะนำเงินเดินทางกลับประเทศในวันที่ 24 พ.ค. นี้ อย่างไรก็ตามอยากเตือนไปยังนายจ้างทั้งหลาย ในกรณีที่จะรับคนเข้าทำงานไม่ว่าจะเป็นคนไทย หรือชาวต่างชาติจะต้องทำประวัติให้และเก็บหลักฐานเกี่ยวกับบุคคลไว้ให้มากที่สุด เพราะเวลาเกิดเหตุร้ายขึ้นจะสามารถติดตามตัวผู้กระทำความผิดมาดำเนินคดีได้อย่างรวดเร็ว
ขณะที่นางยุภา ผู้เสียหาย กล่าวว่า คนร้ายที่ก่อเหตุในครั้งนี้เคยมาสมัครทำงานเป็นแม่บ้านที่บ้านพักของตนเมื่อหลายเดือนมาแล้ว โดยตนรับไว้ทำงาน แต่ทำงานได้ไม่ถึงเดือนก็ขอลาออก ซึ่งลาออกไปประมาณ 5-6 เดือนมาแล้ว ตนก็ให้ออกโดยอ้างว่าจะกลับบ้าน และหลังจากเกิดเหตุคนร้ายเข้ามาขโมยทรัพย์สินในบ้านก็คิดว่าน่าจะเป็นอดีตแม่บ้านชาวพม่าที่ลาออกไป เพราะรู้ช่องทางในการเข้ามาขโมยทรัพย์สิน และรู้ที่เก็บทรัพย์สินเป็นอย่างดี
อย่างไรก็ตามสำหรับน.ส.วันดี ชาวพม่า ผู้ต้องหาที่ก่อเหตุลักทรัพย์ในครั้งนี้ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจนำตัวส่งสถานีตำรวจภูธรกะทู้ ดำเนินคดีข้อ ลักทรัพย์ ของผู้อื่นในเคหะสถานโดยทำอันตรายสิ่งกีดกั้นสำหรับคุ้มครองบุคคลหรือทรัพย์สินโดยผ่านสิ่งที่ว่านั้นเข้ไปด้วยประการใดๆหรือรับของโจร