สุราษฎร์ธานี - โฆษกพรรคเพื่อไทยลงพื้นที่จังหวัดสุราษฎร์ธานี หลังชาวประมงพื้นบ้านในพื้นที่ถูกผู้ทรงอิทธิพลข่มขู่ใช้อาวุธสงครามไล่ยิงไม่ให้ออกทะเลจับสัตว์น้ำในพื้นที่อ่าวบ้านดอน บริเวณพื้นที่ตำบลลีเล็ด อ.พุนพิน จ.สุราษฎร์ธานี
นายพร้อมพงศ์ นพฤทธิ์ โฆษกพรรคเพื่อไทย พร้อมคณะเดินทางลงพื้นที่ จ.สุราษฎร์ธานี รับฟังปัญหาการทำกินของชาวประมง จนถึงขั้นมีการปิดอ่าวบ้านดอน ปิดเส้นทางการเดินเรือทำให้ได้รับความเสียหายเป็นลูกโซ่ เมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา โดยมีชาวประมงมาให้การต้อนรับกว่า 500 คน ที่วัดนทีคมเขต (วัดสะบ้าย้อย) อ.เมือง จ.สุราษฎร์ธานี ส่วนใหญ่เป็นชาวประมงพื้นบ้านชายฝั่งของ 4 อำเภอหลักที่ได้รับผลกระทบคือ อ.เมือง อ.กาญจนดิษฐ์ อ.พุนพิน และ อ.ท่าฉาง โดยมีหัวหน้าส่วนราชการที่เกี่ยวข้องร่วมรับฟังด้วย เช่น นายเชิดศักดิ์ ชูศรี ผวจ.สุราษฎร์ธานี พล.ต.ท.สันติ เพ็ญสูตร ผบช.ภาค 8 พล.ต.กิจจา ศรีทองกุล ผู้บังคับการจังหวัดทหารบกสุราษฎร์ธานี
โดยนายพร้อมพงศ์ กล่าวว่า ปัญหาที่เกิดขึ้น ทางพรรคเพื่อไทยและรัฐบาล โดยเฉพาะ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ได้รับเรื่องร้องเรียนจากกลุ่มชาวประมง พร้อมทั้งติดตามข่าวสารมาโดยตลอด และได้มอบหมายให้ตนมาดูแลเรื่องนี้ เห็นว่าต้องมีการแก้ไขปัญหาอย่างเร่งด่วน เพราะเป็นเรื่องที่ชาวบ้านทำมาหากินดั้งเดิม ต่อมามีนายทุนปักแนวเขตจับจองเพิ่ม มีการใช้เรือขนาดใหญ่คราดลูกหอยขนาดเล็ก จนถึงขั้นใช้อำนาจอิทธิพลข่มขู่ มีทั้งข้าราชการพลเรือน ตำรวจ ทหาร ที่นอกแถวเข้ามามีส่วนเกี่ยวข้อง โดยต้องมีการตรวจสอบตามกระบวนการด้วย ทั้งนี้ ทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้องต้องสนธิกำลังร่วมกันช่วยกันแก้ไขปัญหา ทำให้อย่างไรให้อยู่ได้ทุกฝ่าย ทั้งชาวบ้านที่ทำกินอยู่ก่อน และผู้ที่ได้รับสัมปทานจากภาครัฐ
ในขณะที่ชาวบ้านได้สะท้อนปัญหาที่ได้รับการข่มขู่จากผู้มีอิทธิพล และการบุกรุกพื้นที่ต่อนายพร้อมพงศ์ นพฤทธิ์ และรับหนังสือร้องเรียนจากตัวแทนชาวบ้านอีกหลายเรื่อง
พล.ต.ท.สันติ เพ็ญสูตร ผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 8 กล่าวว่า หากมีเจ้าหน้าที่ตำรวจนอกแถวเกี่ยวข้องขอให้ชาวบ้านร้องเรียนมาได้ทันที มีมาตรการดำเนินการขั้นเด็ดขาด ยอมรับว่าในสังคมนี้ตำรวจนอกแถวมีบ้าง เป็นธรรมดาของสังคมต้องช่วยกันกำจัดออกไป
ทางด้าน พล.ต.กิจจา ศรีทองกุล ผู้บังคับการจังหวัดทหารบกสุราษฎร์ธานี กล่าวว่า กรณีที่มีการใช้อาวุธสงครามยิงข่มขู่ชาวบ้านนั้น หากเกี่ยวข้องกับทหาร ถ้ามีพยานหลักฐานชัดเจนขอให้บอกมาได้เลย ทางทหารมีมาตรการดำเนินการขั้นเด็ดขาด โดยตัวเองในฐานะคนสุราษฎร์ธานีเหมือนกัน ขอเอาตัวเองเป็นประกันต้องช่วยกันกำจัด ซึ่งทหารมีนโยบายหลักอีกอย่างคือ ต้องดูแลชาวบ้านให้ดี ให้สังคมอยู่อย่างมีความสุข
จากนั้น คณะของนายพร้อมพงศ์ ได้ลงสำรวจพื้นที่จริงกรณีพิพาทที่เกิดขึ้น โดยลงเรือหางยาวของกลุ่มประมงพื้นบ้าน ทั้งนี้ ไม่ได้ไปลงเรือเร็วของกลุ่มนายทุนที่ทางหน่วยงานในพื้นที่ได้จัดไว้ในพื้นที่ปากอ่าวตำบลลีเล็ด อ.พุนพิน การตรวจพบว่า ท้องทะเลดังกล่าวเป็นพื้นที่สาธารณประโยชน์ ที่มีลูกหอยแครงเกิดมาจำนวนมากห่างจากชายฝั่งตั้งแต่ 2,000-4,000 เมตร มูลค่ากว่า 100 ล้านบาท จึงเป็นที่ต้องการของกลุ่มผู้มีอิทธิพลในพื้นที่
นายพร้อมพงศ์ นพฤทธิ์ โฆษกพรรคเพื่อไทย พร้อมคณะเดินทางลงพื้นที่ จ.สุราษฎร์ธานี รับฟังปัญหาการทำกินของชาวประมง จนถึงขั้นมีการปิดอ่าวบ้านดอน ปิดเส้นทางการเดินเรือทำให้ได้รับความเสียหายเป็นลูกโซ่ เมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา โดยมีชาวประมงมาให้การต้อนรับกว่า 500 คน ที่วัดนทีคมเขต (วัดสะบ้าย้อย) อ.เมือง จ.สุราษฎร์ธานี ส่วนใหญ่เป็นชาวประมงพื้นบ้านชายฝั่งของ 4 อำเภอหลักที่ได้รับผลกระทบคือ อ.เมือง อ.กาญจนดิษฐ์ อ.พุนพิน และ อ.ท่าฉาง โดยมีหัวหน้าส่วนราชการที่เกี่ยวข้องร่วมรับฟังด้วย เช่น นายเชิดศักดิ์ ชูศรี ผวจ.สุราษฎร์ธานี พล.ต.ท.สันติ เพ็ญสูตร ผบช.ภาค 8 พล.ต.กิจจา ศรีทองกุล ผู้บังคับการจังหวัดทหารบกสุราษฎร์ธานี
โดยนายพร้อมพงศ์ กล่าวว่า ปัญหาที่เกิดขึ้น ทางพรรคเพื่อไทยและรัฐบาล โดยเฉพาะ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ได้รับเรื่องร้องเรียนจากกลุ่มชาวประมง พร้อมทั้งติดตามข่าวสารมาโดยตลอด และได้มอบหมายให้ตนมาดูแลเรื่องนี้ เห็นว่าต้องมีการแก้ไขปัญหาอย่างเร่งด่วน เพราะเป็นเรื่องที่ชาวบ้านทำมาหากินดั้งเดิม ต่อมามีนายทุนปักแนวเขตจับจองเพิ่ม มีการใช้เรือขนาดใหญ่คราดลูกหอยขนาดเล็ก จนถึงขั้นใช้อำนาจอิทธิพลข่มขู่ มีทั้งข้าราชการพลเรือน ตำรวจ ทหาร ที่นอกแถวเข้ามามีส่วนเกี่ยวข้อง โดยต้องมีการตรวจสอบตามกระบวนการด้วย ทั้งนี้ ทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้องต้องสนธิกำลังร่วมกันช่วยกันแก้ไขปัญหา ทำให้อย่างไรให้อยู่ได้ทุกฝ่าย ทั้งชาวบ้านที่ทำกินอยู่ก่อน และผู้ที่ได้รับสัมปทานจากภาครัฐ
ในขณะที่ชาวบ้านได้สะท้อนปัญหาที่ได้รับการข่มขู่จากผู้มีอิทธิพล และการบุกรุกพื้นที่ต่อนายพร้อมพงศ์ นพฤทธิ์ และรับหนังสือร้องเรียนจากตัวแทนชาวบ้านอีกหลายเรื่อง
พล.ต.ท.สันติ เพ็ญสูตร ผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 8 กล่าวว่า หากมีเจ้าหน้าที่ตำรวจนอกแถวเกี่ยวข้องขอให้ชาวบ้านร้องเรียนมาได้ทันที มีมาตรการดำเนินการขั้นเด็ดขาด ยอมรับว่าในสังคมนี้ตำรวจนอกแถวมีบ้าง เป็นธรรมดาของสังคมต้องช่วยกันกำจัดออกไป
ทางด้าน พล.ต.กิจจา ศรีทองกุล ผู้บังคับการจังหวัดทหารบกสุราษฎร์ธานี กล่าวว่า กรณีที่มีการใช้อาวุธสงครามยิงข่มขู่ชาวบ้านนั้น หากเกี่ยวข้องกับทหาร ถ้ามีพยานหลักฐานชัดเจนขอให้บอกมาได้เลย ทางทหารมีมาตรการดำเนินการขั้นเด็ดขาด โดยตัวเองในฐานะคนสุราษฎร์ธานีเหมือนกัน ขอเอาตัวเองเป็นประกันต้องช่วยกันกำจัด ซึ่งทหารมีนโยบายหลักอีกอย่างคือ ต้องดูแลชาวบ้านให้ดี ให้สังคมอยู่อย่างมีความสุข
จากนั้น คณะของนายพร้อมพงศ์ ได้ลงสำรวจพื้นที่จริงกรณีพิพาทที่เกิดขึ้น โดยลงเรือหางยาวของกลุ่มประมงพื้นบ้าน ทั้งนี้ ไม่ได้ไปลงเรือเร็วของกลุ่มนายทุนที่ทางหน่วยงานในพื้นที่ได้จัดไว้ในพื้นที่ปากอ่าวตำบลลีเล็ด อ.พุนพิน การตรวจพบว่า ท้องทะเลดังกล่าวเป็นพื้นที่สาธารณประโยชน์ ที่มีลูกหอยแครงเกิดมาจำนวนมากห่างจากชายฝั่งตั้งแต่ 2,000-4,000 เมตร มูลค่ากว่า 100 ล้านบาท จึงเป็นที่ต้องการของกลุ่มผู้มีอิทธิพลในพื้นที่