สุราษฎร์ธานี - ม็อบชาวประมงพื้นบ้านที่รวมตัวปิดอ่าวบ้านดอน จังหวัดสุราษฎร์ธานี ยอมสลายตัวแล้วหลังทางจังหวัดรับข้อเสนอดำเนินการรื้อถอนหลักเขตของกลุ่มผู้มีอิทธิพล
ความคืบหน้ากรณีม็อบชาวประมงพื้นบ้านในจังหวัดสุราษฎร์ธานี กว่า 100 ลำ รวมตัวกันปิดร่องน้ำอ่าวบ้านดอน เพื่อเรียกร้องให้ทางจังหวัด เร่งดำเนินการรื้อถอนแนวเขตไม้ไผ่และเสาไฟฟ้าที่กลุ่มอิทธิพลในพื้นที่ได้ดำเนินการลักลอบปักทำแนวเขตในพื้นที่ทำการประมง 3000 เมตร เพื่อครอบครองลูกพันธุ์หอยแครง จนทำให้กลุ่มชาวประมงพื้นบ้าน กว่า 3,000 ลำ ไม่สามารถออกทำการจับสัตว์น้ำได้ และเรียกร้องให้ปลดอาวุธของกลุ่มผู้มีอิทธิพล รวมทั้งอนุญาตให้ชาวประมงพื้นบ้านสามารถเข้าไปทำกินได้ตามปกติ โดยชาวประมงเริ่มปิดอ่าวมาตั้งแต่วันที่ 11 พ.ค.ที่ผ่านมา ส่งผลให้การเดินเรือเป็นอัมพาต เรือทุกชนิดไม่สามารถเข้าออกได้
สถานการณ์ล่าสุดเมื่อเวลา 15.30 น.หลังจากมีการเจรจากันอีกรอบ กลุ่มชาวประมงต่างพอใจที่ทางจังหวัดรับข้อเสนอเร่งดำเนินการรื้อถอนหลักแนวเขตของกลุ่มผู้มีอิทธิพล โดยทางเจ้าหน้าที่จะสนธิกำลังตำรวจ 4 โรงพัก อส.และชาวประมง เข้าทำการรื้อถอนในเวลา 08.00 น.ของวันพรุ่งนี้ พร้อม ห้ามทำประมงหอยแครงในพื้นที่ตำบลลีเล็ด อำเภอพุนพิน เป็นเวลา 7 วัน และส่งกำลัง ตำรวจน้ำ ตำรวจภูธร เจ้าหน้าที่ประมงออกลาดตระเวนจับกุมผู้ฝ่าฝืนมาดำเนินคดี
รวมทั้งส่งตัวแทนแต่ละกลุ่มเข้ามานั่งโต๊ะเจรจาหาทางออกร่วมกันในการใช้พื้นที่ทำกินและพื้นที่อนุรักษ์ โดยมี พ.ต.อ.อภิชาติ บุญศรีโรจน์ รองผู้บังคับตำรวจภูธรจังหวัดสุราษฎร์ธานีเข้าเจรจาพร้อมเอาตัวเองและตำแหน่งเป็นประกันกลุ่มผู้ชุมนุมจึงยินยอมเชื่อถือ
สำหรับการปิดอ่าวบ้านดอนของกลุ่มชาวประมงพื้นบ้านเพื่อเรียกร้องต่อทางจังหวัดให้ดำเนินการแก้ไขปัญหาพื้นที่ทำกินของกลุ่มชาวประมงพื้นบ้าน ใช้เวลากว่า 25 ชั่วโมง และมีผลกระทบต่อการธุระกิจการท่องเที่ยวและเศรษฐกิจของจังหวัดสุราษฎร์ธานีเสียหายไปเป็นจำนวนมาก เนื่องจากเรือสินค้าบรรทุกตู้คอนเทนเนอร์ เรือบรรทุกน้ำมัน เรือบรรทุกก๊าซ LPG โดยเฉพาะ เรือนอนโดยสารข้ามเกาะสมุย เกาะพะงัน และเกาะเต่า ที่บรรทุกนักท่องเที่ยว สินค้าเครื่องอุปโภคบริโภคและพืชผักสด ผลไม้ ไม่สามารถเข้าออกจากท่าได้
ความคืบหน้ากรณีม็อบชาวประมงพื้นบ้านในจังหวัดสุราษฎร์ธานี กว่า 100 ลำ รวมตัวกันปิดร่องน้ำอ่าวบ้านดอน เพื่อเรียกร้องให้ทางจังหวัด เร่งดำเนินการรื้อถอนแนวเขตไม้ไผ่และเสาไฟฟ้าที่กลุ่มอิทธิพลในพื้นที่ได้ดำเนินการลักลอบปักทำแนวเขตในพื้นที่ทำการประมง 3000 เมตร เพื่อครอบครองลูกพันธุ์หอยแครง จนทำให้กลุ่มชาวประมงพื้นบ้าน กว่า 3,000 ลำ ไม่สามารถออกทำการจับสัตว์น้ำได้ และเรียกร้องให้ปลดอาวุธของกลุ่มผู้มีอิทธิพล รวมทั้งอนุญาตให้ชาวประมงพื้นบ้านสามารถเข้าไปทำกินได้ตามปกติ โดยชาวประมงเริ่มปิดอ่าวมาตั้งแต่วันที่ 11 พ.ค.ที่ผ่านมา ส่งผลให้การเดินเรือเป็นอัมพาต เรือทุกชนิดไม่สามารถเข้าออกได้
สถานการณ์ล่าสุดเมื่อเวลา 15.30 น.หลังจากมีการเจรจากันอีกรอบ กลุ่มชาวประมงต่างพอใจที่ทางจังหวัดรับข้อเสนอเร่งดำเนินการรื้อถอนหลักแนวเขตของกลุ่มผู้มีอิทธิพล โดยทางเจ้าหน้าที่จะสนธิกำลังตำรวจ 4 โรงพัก อส.และชาวประมง เข้าทำการรื้อถอนในเวลา 08.00 น.ของวันพรุ่งนี้ พร้อม ห้ามทำประมงหอยแครงในพื้นที่ตำบลลีเล็ด อำเภอพุนพิน เป็นเวลา 7 วัน และส่งกำลัง ตำรวจน้ำ ตำรวจภูธร เจ้าหน้าที่ประมงออกลาดตระเวนจับกุมผู้ฝ่าฝืนมาดำเนินคดี
รวมทั้งส่งตัวแทนแต่ละกลุ่มเข้ามานั่งโต๊ะเจรจาหาทางออกร่วมกันในการใช้พื้นที่ทำกินและพื้นที่อนุรักษ์ โดยมี พ.ต.อ.อภิชาติ บุญศรีโรจน์ รองผู้บังคับตำรวจภูธรจังหวัดสุราษฎร์ธานีเข้าเจรจาพร้อมเอาตัวเองและตำแหน่งเป็นประกันกลุ่มผู้ชุมนุมจึงยินยอมเชื่อถือ
สำหรับการปิดอ่าวบ้านดอนของกลุ่มชาวประมงพื้นบ้านเพื่อเรียกร้องต่อทางจังหวัดให้ดำเนินการแก้ไขปัญหาพื้นที่ทำกินของกลุ่มชาวประมงพื้นบ้าน ใช้เวลากว่า 25 ชั่วโมง และมีผลกระทบต่อการธุระกิจการท่องเที่ยวและเศรษฐกิจของจังหวัดสุราษฎร์ธานีเสียหายไปเป็นจำนวนมาก เนื่องจากเรือสินค้าบรรทุกตู้คอนเทนเนอร์ เรือบรรทุกน้ำมัน เรือบรรทุกก๊าซ LPG โดยเฉพาะ เรือนอนโดยสารข้ามเกาะสมุย เกาะพะงัน และเกาะเต่า ที่บรรทุกนักท่องเที่ยว สินค้าเครื่องอุปโภคบริโภคและพืชผักสด ผลไม้ ไม่สามารถเข้าออกจากท่าได้
