xs
xsm
sm
md
lg

เรื่องฉาวใน “ญ.ว.” ที่สังคมกำลังรอความกระจ่าง

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

ดร.พิมพ์มาส รังสรรค์สฤษดิ์ ผู้อำนวยการโรงเรียนหาดใหญ่วิทยาลัย ในวันที่แถลงข่าวเกี่ยวกับปัญหาความผิดพลาดการประกาศรายชื่อนักเรียนชั้น ม.4 เมื่อวันที่ 13 พ.ค.ที่ผ่านมา แต่วันนี้สังคมยังคงไม่หายสงสัยและต้องการความกระจ่างในอีกหลายๆ ด้าน
เรื่องอื้อฉาวที่เกิดขึ้นในรั้วโรงเรียนชื่อดัง “หาดใหญ่วิทยาลัย (ญ.ว.)” อ.หาดใหญ่ จ.สงขลา นับเป็นปรากฏการณ์ใหม่ที่ไม่เคยเกิดขึ้นมานานหลายสิบปี โดยเฉพาะในยุคของผู้บริหารที่เป็นสุภาพบุรุษในแวดวงการศึกษา ไม่ว่าจะเป็นในยุคของอดีต ผอ.ญ.ว. “ธรรมนูญ วิสัยจร” จนต่อเนื่องมาถึง “สงบ มณีพรหม”
 
แต่เมื่อมาถึงยุคของของ ผอ.สุภาพสตรีอย่าง “พิมพ์มาส รังสรรค์สฤษดิ์” ที่ย้ายจากโรงเรียนหาดใหญ่วิทยาลัย 2 (ญ.ว.2) หรือที่รู้จักกันในนามโรงเรียนพรุค้างคาว เรื่องอื้อฉาวที่เป็นปรากฏการณ์ในการ “ฝากเด็ก” ที่ไม่เคยเกิดขึ้น ก็เกิดขึ้น จนกลายเป็นข่าวฉาวในวงการศึกษา โดยเฉพาะในสังคมของ จ.สงขลา
 
ปัญหาที่เด็กนักเรียนสอบเข้าเรียนต่อชั้น ม.4 จำนวน 49 คน ที่โรงเรียน ญ.ว.ประกาศให้เป็น “ผู้สอบได้” แต่เพียงชั่วค่ำคืนเดียวก็กลายเป็น “ผู้สอบตก” จนขณะนี้นำไปสู่การที่ผู้ปกครองจำนวนหนึ่งต้องไปร้องศาลปกครองสงขลาให้ระงับการประกาศรายชื่อ โดยให้สาแหตุว่าน่าจะเกิดความไม่โปร่งใสขึ้นในรั้ว ญ.ว.นั่นเอง
 
แม้ว่าการประกาศรายชื่อผู้สอบได้แล้วกลายเป็นสอบตกในชั่วค่ำคืนเดียวจะมีผู้ยอมเป็น “แพะ” รับผิดว่าเกิดจากการประมวลผล หรือเกิดจากเรื่องของเทคนิคอะไรก็แล้วแต่ รวมทั้งได้มีความพยายามที่จะเยียวยาให้เหยื่อทั้ง 49 รายได้มีที่เรียน และ ญ.ว.เองก็ได้วิ่งเต้นขอเปิดที่นั่งเพิ่ม เพื่อเป็นการรับผิดกับปัญหาที่เกิดขึ้น
 
แต่โดยข้อเท็จจริงเรื่องการเยียวยาเป็นปลายเหตุเท่านั้น เพราะสิ่งที่เป็นปัญหาใหญ่และเป็นต้นเหตุของเรื่องนี้อยู่ที่สาธารณชนมีความเชื่อกันไปแล้วว่า การที่ประกาศชื่อเด็กนักเรียนที่สอบได้ให้เป็นผู้สอบตก เป็นผลจากความไม่โปร่งใสของผู้บริหาร และมีผู้ที่มีส่วนเกี่ยวข้องกับ “แปะเจี๊ยะ” หรือที่เรียกให้สวยหรูใหม่ว่า “เด็กเงื่อนไขพิเศษ” นั่นเอง
 
เนื่องเพราะมีข่าวหนาหูแพร่สะพัดก่อนหน้านี้ ซึ่งจะจริงหรือไม่จริง ผู้ที่มีส่วนเกี่ยวข้องควรต้องออกมาปฏิเสธหรือทำความเข้าใจกับสังคม กล่าวคือ ว่ากันว่ามีการเคาะกันที่ 1 แสน และต่ำสุดที่ 6 หมื่น โดยที่เคยมีผู้ที่ควรเกี่ยวข้อง กลับไม่ได้เกี่ยวข้อง และผู้ที่ไม่น่าจะมีส่วนเกี่ยวข้อง กลับได้เข้าไปเกี่ยวข้อง ในกระบวนการพิจารณา “เด็กฝาก” ที่มีมากกว่า 120 คนตามหลักเกณฑ์
 
เมื่อเป็นเช่นนี้จึงมีการสงสัยว่า จำนวนเด็กฝากที่มากกว่า เป็นสาเหตุให้ต้องปรับเด็กที่สอบได้ ให้กลายเป็นเด็กสอบตก โดยการหา “แพะ” มารับบาป คือโทษให้เป็นความผิดของการประมวลผลคะแนน หรือโทษความรีบร้อนในการประกาศผลที่ทำให้เกิดความสะเพร่าขึ้น ซึ่งสุดท้ายความผิดตรงนี้ก็เป็นแค่ “ผิดทางวินัย” เท่านั้น
 
นี่คือประเด็นแรกที่สาธารณชนตั้งข้อสงสัย และต้องการคำตอบที่ชัดเจน ซึ่งผู้บริหาร ญ.ว.ต้องตอบให้กระจ่าง ไม่ใช่เพียงแค่ใช้แต่คำพูดแก้ปัญหาว่า การประกาศผลการสอบที่เป็นปัญหาในครั้งนี้มีความโปร่งใส ตรวจสอบได้ และมีหลักฐานที่จะใช้แสดงต่อสาธารณชนได้
 
ประเด็นที่สอง เด็กนำเรียนจำนวน 49 คนที่สอบได้ และถูกประกาศให้เป็นเด็กสอบตก และโรงเรียนกำลังหาทางออกง่ายๆ ด้วยการวิ่งเต้นขอเปิดที่นั่งเพิ่มให้เด็กได้มีที่เรียน การกระทำเช่นนี้สาธารณชนจึงตั้งคำถามว่า เด็กเหล่านี้ “ได้รับสิทธิ์” อะไร เพราะถ้าพวกเขาสอบตกจริง พวกเขาย่อมไม่มีสิทธิ์ที่จะเรียนที่โรงเรียน ญ.ว.อยู่แล้ว เช่นเดียวกับเด็กนักเรียนอีกจำนวนมากที่สอบตก
 
เพราะถ้าต้องให้สิทธิ์นักเรียนที่เกิดความผิดพลาดประกาศให้เป็นผู้สอบเข้าได้ แต่แท้ที่จริงเขาสอบตก แล้วนักเรียนที่สอบตกคนอื่นๆ ทั้งหมดก็ควรต้องได้รับสิทธิ์เหล่านี้ด้วย จึงจะเป็นมาตรฐานเดียวกัน
 
วันนี้เรื่อง “ฉาวโฉ่” และเรื่อง “ร้าวฉาน” ภายในรั้วโรงเรียน ญ.ว. ซึ่งเป็นสถานศึกษาที่มีชื่อของภาคใต้ กำลังถูกสังคมวิพากษ์วิจารณ์อย่างรุนแรง เริ่มตั้งแต่ข้อกล่าวหาว่ามีการแย่งชิงวิ่งเต้นในตำแหน่งบริหารที่มีการฟาดฟันกันทุกกระบวนยุทธ์
 
แม้ว่าสุดท้ายด้วยกำลังภายในจากส่วนกลางหรือไม่ก็ตามที่ทำให้ ดร.พิมพ์มาส รังสรรค์สฤษดิ์ ได้นั่งเก้าอี้ ผอ.ญ.ว.สมตามความตั้งใจ แต่ก็ได้ทำให้เกิดรอยร้าวใหญ่ขึ้นในวงการศึกษาตามมาแล้ว โดยเฉพาะมีคนจำนวนหนึ่งไม่พอใจที่ไม่สามารถวางคนของตนเองให้นั่ง ผอ.ญ.ว. ขณะเดียวกันก็มีมีอีกหลายคนที่อกหักที่ไม่ได้ตำแหน่ง ผอ.ญ.ว.
 
สุดท้ายเมื่อมีเรื่องฉาวโฉ่เกิดขึ้นจากการบริหารที่ผิดพลาด หรืออาจจะเป็นผลพวงของความไม่โปร่งใสก็แล้วแต่ใครจะมอง แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นได้ทำให้เกิดปรากฎการณ์เดินหน้าถล่มคนในวงการเดียวกัน และมีการออกมาแฉถึงความไม่ชอบมาพากลที่เกิดขึ้นด้วย
 
คงจะมีไม่บ่อยนักที่ผู้นำศิษย์เก่าของโรงเรียนจะออกมาร่วมวงถล่มผู้บริหารอย่างถึงพริกถึงขิง อันแสดงให้เห็นถึงความร้าวฉานที่ “บาดลึก” ในรั้วของสถานศึกษาแห่งนี้ ซึ่งเหตุผลอาจจะไม่ได้มาจากเรื่องเด็กสอบได้และกลายเป็นสอบตกเท่านั้น แต่น่าจะมีมาก่อนตั้งแต่การแบ่งโควตา “เด็กฝาก” และ “เด็กเงื่อนไขพิเศษ” ที่มีผลประโยชน์เข้าไปเกี่ยวข้อง
 
ยิ่งเมื่อพิจารณารายชื่อของ “บุคคลที่เกี่ยวข้องกับการฝากเด็ก” ตามเงื่อนไขพิเศษในครั้งนี้แล้ว ยิ่งมองเห็นถึงความผิดปกติที่เกิดขึ้น ที่ล้วนแต่ชวนให้สังคมเกิดความเคลือบแคลงสงสัยถึงสาเหตุแห่งปรากฏการณ์ความฉาวโฉ่ในครั้งนี้
 
และยิ่งมีการนำเอาเรื่องราวปัญหาที่คาราคาซังมาจากในอดีตเกี่ยวกับเงิน 20 ล้าน ซึ่งอยู่ระหว่างการสอบสวนของ “ปปช.” มาวิพากษ์วิจารณ์แบบรุมยำผสมกลมกลืนให้เข้ากันไปด้วยแล้ว ยิ่งทำให้ภาพลักษณ์ของผู้บริหารอยู่ในสถานะที่ติดลบเข้าไปใหญ่ และชวนให้เกิดการตรวจสอบจากสังคมอย่างจริงจัง
 
เรื่องราวทั้งหมดทั้งปวงที่เกิดขึ้นเป็นเหตุผลมาจากโรงเรียน ญ.ว. เป็นสถานศึกษาเก่าแก่ที่มีชื่อเสียงระดับประเทศ ดังนั้นเมื่อเกิดเรื่องที่ชวนสงสัย สิ่งที่สำคัญที่สุดคือต้องมีขบวนการในการสร้างความโปร่งใสให้เกิดขึ้น เพื่อให้มีคำตอบที่กระจ่างชัดแก่สังคม
 
อย่าให้โรงเรียน ญ.ว.ของคนใต้ต้องมัวหมองเพราะคนเพียงไม่กี่คน ซึ่งอาจจะมีผลประโยชน์ทับซ้อนเกี่ยวพันกับเรื่อง “ฝากเด็ก” หรือ “เด็กฝาก” และท้ายที่สุดที่ต้องพิจารณากันคือ สาเหตุของเรื่องนี้มาจากเรื่อง “แปะเจี๊ยะ” หรือการ “ซื้อขายเก้าอี้” หรือไม่ ซึ่งหากใช่ กระทรวงศึกษาธิการต้องทบทวนเรื่องนี้กันครั้งใหญ่อีกครั้ง
กำลังโหลดความคิดเห็น