นครศรีธรรมราช - คนร้ายประกบใช้เอ็ม 16 ยิงถล่มอดีตกรรมการวัดดับคาถนน ตำรวจพุ่งปมสาเหตุพยายามปกป้องที่ดินวัด เนื่องจากถูกชาวบ้านใช้พื้นที่ติดต่อกันหลายปีโดยไม่เสียค่าเช่า แล้วยังมีสิ่งปลูกสร้าง แม้จะมีการพิพากษาไปแล้ว แต่ก็เป็นแกนนำอุทธรณ์ต่อศาลขับไล่ชาวบ้านอีก
วันนี้ (14 พ.ค.) เมื่อเวลา 00.15 น. พ.ต.ท.วรดิษฐ์ ลีวังสี พนักงานสอบสวนเวร สภ.นาบอน จ.นครศรีธรรมราช รับรับแจ้งเหตุฆ่ากันตายบนถนนทุ่งสง-นาบอน ม.13 ต.นาบอน อ.นาบอน หลังจากนั้นจึงพร้อมด้วย พ.ต.อ.เกษมสุข วิชัยธนพัฒน์ ผกก. เจ้าหน้าที่ฝ่ายสืบสวน สายตรวจ และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเข้าทำการสอบสวนในที่เกิดเหตุทันที
ในที่เกิดเหตุ พบศพทราบชื่อต่อมาคือ นายคล่อง บ่มเกลี้ยง อายุ 72 ปี อยู่บ้านเลขที่ 179 ม.13 ต.นาบอน อ.นาบอน จ.นครศรีธรรมราช นอนเสียชีวิตอยู่ในชุดกางเกงวอร์มขายาวสีดำ เสื้อแขนยาวสีเขียว มีบาดแผลถูกยิงด้วยอาวุธปืนยามชนิดเอ็ม16 เข้าลำคอ 1 นัด ท้อง 1 นัด และราวนมซ้าย 1 นัด ใกล้กันพบรถจักรยานยนต์ฮอนด้าสีเขียวทะเบียน ขกก 360 นครศรีธรรมราช ล้มคว่ำอยู่กลางถนน และพบปลอกกระสุนปืนเอ็ม 16 ตกอยู่ 2 ปลอก จึงเก็บไว้เป็นหลักฐาน
เจ้าหน้าที่สอบสวนได้ความว่า นายคล่องอดีตเคยเป็นครูสอนที่โรงเรียนชุมชนวัดอัมพวัน ต.นาบอน อ.นาบอน กระทั่งเกษียณราชการ ต่อมาได้รับการแต่งตั้งเป็นหนึ่งในคณะกรรมการวัดอัมพวัน ก่อนเกิดเหตุ นายคล่องขับจักรยานยนต์มาจากสวนปาล์มแล้วแวะไปนั่งคุยกับเพื่อนบ้านที่ร้านค้าในหมู่บ้าน ซึ่งเป็นปกติของทุกวันจะแวะเข้ามาทักทายเพื่อนฝูง และมีการดื่มเหล้าพูดจากันก่อนกลับบ้านในช่วงกลางคืนเป็นประจำ
ขณะที่ขับรถมาถึงที่เกิดเหตุก่อนถึงบ้านเพียง 50 เมตร มีคนร้ายไม่ทราบจำนวนใช้รถยนต์กระบะตอนครึ่ง ยี่ห้ออีซูซุ สีบรอนซ์ทอง ไม่ทราบทะเบียน เป็นพาหนะจอดซุ่มรออยู่ก่อนแล้ว เมื่อเห็นผู้ตายขับรถจักรยานยนต์ผ่านมาคนร้ายจึงออกรถตามประกบ ก่อนคนร้ายที่นั่งอยู่กระบะท้ายรถใช้อาวุธปืนเอ็ม 16 ยิงถล่มใส่ร่างนายคล่อง จำนวน 1 ชุด 5 นัดซ้อนจนเสียชีวิตในที่เกิดเหตุทันที แล้วจึงหลบหนีไปอย่างรวดเร็ว
สำหรับสาเหตุเจ้าหน้าที่พบปมประเด็นเรื่องที่ดินวัดอัมพวัน ซึ่งทางวัดได้ฟ้องร้องขับไล่ชาวบ้านที่มาปลูกบ้านเรือนอาศัย และค้าขายในบริเวณที่ดินวัดมานานโดยไม่ยอมเสียค่าเช่าที่ดินให้วัด และยังมีสิ่งปลูกสร้างถาวรอย่างเช่น ห้องแถว และตึกแถวประมาณ 30 ห้องอยู่ในเขตวัดด้วย ทางคณะกรรมการวัดซึ่งมีนายคล่องเป็นหนึ่งในคณะกรรมการและเป็นแกนนำในการยื่นฟ้องต่อศาลเพื่อให้ชาวบ้านออกจากพื้นที่
อย่างไรก็ตาม หลังมีการฟ้องร้องกัน ทางชาวบ้านก็ได้ต่อสู้คดีทางศาล ซึ่งศาลชั้นต้นได้พิพากษาตัดสินให้ชาวบ้านชนะคดี และต่อมานายคล่องได้ลาออกจากการเป็นกรรมการวัด แต่ยังคงเป็นแกนนำที่จะยื่นอุทธรณ์ต่อศาลในการขับไล่ชาวบ้าน โดยพยายามวิ่งเต้นในเรื่องนี้ อาจทำให้ฝ่ายตรงข้ามโกรธแค้นจึงวางแผนฆ่านายคล่องดังกล่าว ซึ่งจะสอบสวนติดตามมือปืนและผู้บงการมาดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป
วันนี้ (14 พ.ค.) เมื่อเวลา 00.15 น. พ.ต.ท.วรดิษฐ์ ลีวังสี พนักงานสอบสวนเวร สภ.นาบอน จ.นครศรีธรรมราช รับรับแจ้งเหตุฆ่ากันตายบนถนนทุ่งสง-นาบอน ม.13 ต.นาบอน อ.นาบอน หลังจากนั้นจึงพร้อมด้วย พ.ต.อ.เกษมสุข วิชัยธนพัฒน์ ผกก. เจ้าหน้าที่ฝ่ายสืบสวน สายตรวจ และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเข้าทำการสอบสวนในที่เกิดเหตุทันที
ในที่เกิดเหตุ พบศพทราบชื่อต่อมาคือ นายคล่อง บ่มเกลี้ยง อายุ 72 ปี อยู่บ้านเลขที่ 179 ม.13 ต.นาบอน อ.นาบอน จ.นครศรีธรรมราช นอนเสียชีวิตอยู่ในชุดกางเกงวอร์มขายาวสีดำ เสื้อแขนยาวสีเขียว มีบาดแผลถูกยิงด้วยอาวุธปืนยามชนิดเอ็ม16 เข้าลำคอ 1 นัด ท้อง 1 นัด และราวนมซ้าย 1 นัด ใกล้กันพบรถจักรยานยนต์ฮอนด้าสีเขียวทะเบียน ขกก 360 นครศรีธรรมราช ล้มคว่ำอยู่กลางถนน และพบปลอกกระสุนปืนเอ็ม 16 ตกอยู่ 2 ปลอก จึงเก็บไว้เป็นหลักฐาน
เจ้าหน้าที่สอบสวนได้ความว่า นายคล่องอดีตเคยเป็นครูสอนที่โรงเรียนชุมชนวัดอัมพวัน ต.นาบอน อ.นาบอน กระทั่งเกษียณราชการ ต่อมาได้รับการแต่งตั้งเป็นหนึ่งในคณะกรรมการวัดอัมพวัน ก่อนเกิดเหตุ นายคล่องขับจักรยานยนต์มาจากสวนปาล์มแล้วแวะไปนั่งคุยกับเพื่อนบ้านที่ร้านค้าในหมู่บ้าน ซึ่งเป็นปกติของทุกวันจะแวะเข้ามาทักทายเพื่อนฝูง และมีการดื่มเหล้าพูดจากันก่อนกลับบ้านในช่วงกลางคืนเป็นประจำ
ขณะที่ขับรถมาถึงที่เกิดเหตุก่อนถึงบ้านเพียง 50 เมตร มีคนร้ายไม่ทราบจำนวนใช้รถยนต์กระบะตอนครึ่ง ยี่ห้ออีซูซุ สีบรอนซ์ทอง ไม่ทราบทะเบียน เป็นพาหนะจอดซุ่มรออยู่ก่อนแล้ว เมื่อเห็นผู้ตายขับรถจักรยานยนต์ผ่านมาคนร้ายจึงออกรถตามประกบ ก่อนคนร้ายที่นั่งอยู่กระบะท้ายรถใช้อาวุธปืนเอ็ม 16 ยิงถล่มใส่ร่างนายคล่อง จำนวน 1 ชุด 5 นัดซ้อนจนเสียชีวิตในที่เกิดเหตุทันที แล้วจึงหลบหนีไปอย่างรวดเร็ว
สำหรับสาเหตุเจ้าหน้าที่พบปมประเด็นเรื่องที่ดินวัดอัมพวัน ซึ่งทางวัดได้ฟ้องร้องขับไล่ชาวบ้านที่มาปลูกบ้านเรือนอาศัย และค้าขายในบริเวณที่ดินวัดมานานโดยไม่ยอมเสียค่าเช่าที่ดินให้วัด และยังมีสิ่งปลูกสร้างถาวรอย่างเช่น ห้องแถว และตึกแถวประมาณ 30 ห้องอยู่ในเขตวัดด้วย ทางคณะกรรมการวัดซึ่งมีนายคล่องเป็นหนึ่งในคณะกรรมการและเป็นแกนนำในการยื่นฟ้องต่อศาลเพื่อให้ชาวบ้านออกจากพื้นที่
อย่างไรก็ตาม หลังมีการฟ้องร้องกัน ทางชาวบ้านก็ได้ต่อสู้คดีทางศาล ซึ่งศาลชั้นต้นได้พิพากษาตัดสินให้ชาวบ้านชนะคดี และต่อมานายคล่องได้ลาออกจากการเป็นกรรมการวัด แต่ยังคงเป็นแกนนำที่จะยื่นอุทธรณ์ต่อศาลในการขับไล่ชาวบ้าน โดยพยายามวิ่งเต้นในเรื่องนี้ อาจทำให้ฝ่ายตรงข้ามโกรธแค้นจึงวางแผนฆ่านายคล่องดังกล่าว ซึ่งจะสอบสวนติดตามมือปืนและผู้บงการมาดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป
