สุราษฎร์ธานี - จับแล้วโจรบุกเดี่ยวชิงทองร้านทองธเนศ 2 ที่จังหวัดภูเก็ต รับทำมา 4 ครั้งในพื้นที่กรุงเทพฯ สุราษฎร์ธานี ได้เงินไปจำนวน 11 ล้านบาท นำไปซื้อทรัพย์สินทั้งคอนโดฯ และรถยนต์
เมื่อเวลา 11.00 น. วันนี้ (4 พ.ค.) ที่กองบังคับการสืบสวนสอบสวน ตำรวจภูธรภาค 8 อ.พุนพิน จ.สุราษฎร์ธานี พล.ต.ท.สันติ เพ็ญสูตร ผบช.ภ.8 พร้อมด้วย พล.ต.ต.วีระศักดิ์ มีนะวาณิชย์ ผบก.สส.ภ.8 ได้นำตัว นายกฤตศักดิ์ หรือเด่น หีตแก้ว อายุ 25 ปี อยู่บ้านเลขที่ 57/1 หมู่ 4 ตำบลบ้านนา อำเภอบ้านนาเดิม จังหวัดสุราษฏร์ธานี ผู้ต้องหาคดีบุกเดี่ยวชิงทรัพย์ร้านทองธเนศ 2 ถนนเจ้าฟ้าตะวันออก อ.เมือง จ.ภูเก็ต เมื่อวันที่ 4 มิถุนายน 2554 ที่ผ่านมา ได้ทองคำรูปพรรณไปจำนวน 261 บาท มูลค่า 5,755,050 บาท
โดยหลังก่อเหตุ ได้หลบหนีไปพักอาศัยอยู่ที่อพาร์ตเมนต์แห่งหนึ่งในซอยจรัญสนิทวงศ์ 40 แขวงบางกอกน้อย เขตบางพลัด กรุงเทพมหานคร ซึ่งเจ้าหน้าที่ชุดสืบสวนกองบังคับการสืบสวนสอบสวน ตำรวจภูธรภาค 8 ที่นำโดย พ.ต.อ.ณรงค์ยศ อุณหบัณฑิต ผกก.สส.3 ได้นำกำลังเข้าจับกุมได้ที่อพาร์ตเมนต์หลังดังกล่าว เมื่อเวลา 01.30 น. ของวันที่ 3 พฤษภาคม 2555 พร้อมของกลางเป็นทองคำรูปพรรณน้ำหนักจำนวน 15 บาท ที่ชิงมาได้จากร้านทองธเนศ 2 และอุปกรณ์ที่ใช้ก่อเหตุประกอบด้วย กางเกงขาสั้นสีดำ รองเท้า หมวกแก๊ป แว่นตากันแดด อาวุธปืนสั้นขนาด .38 พร้อมกระสุนปืนจำนวน 6 นัด
จากการสอบสวนผู้ต้องหาให้การรับสารภาพว่า ได้ก่อเหตุบุกเดี่ยวชิงทรัพย์ร้านทองจำนวน 4 ครั้ง โดยก่อเหตุครั้งแรกเมื่อ วันที่ 3 ธันวาคม 2551 เวลา 14.30 น. ได้ชิงทรัพย์ที่ร้านทองเพชรสุวรรณ เลขที่ 140 ถนนชนเกษม ตำบลตลาด อำเภอเมือง จังหวัดสุราษฎร์ธานี ได้ทองรูปพรรณ 220 บาท มูลค่า 2,860,000 บาท
ครั้งที่ 2 เมื่อวันที่ 25 มีนาคม 2553 เวลา 10.30 น. ได้ชิงทรัพย์ที่ร้านทองเจริญมณี เลขที่ 9/78 ปากซอยลาดปลาเค้า 80 แขวงอนุสาวรีย์ เขตบางเขน กรุงเทพมหานคร ได้ทองรูปพรรณ 100 บาท มูลค่า 1,700,000 บาท
ครั้งที่3 เมื่อวันที่ 18 กันยายน 2553 เวลา 09.30 น. ได้ชิงทรัพย์ที่ ห้างทองวังทอง เลขที่ 189/47-48 ปากซอยลาดพร้าว 1 ถนนลาดพร้าว แขวงจอมพล เขตจตุจักร กรุงเทพมหานคร ได้ทองรูปพรรณ 50 บาทมูลค่า 1,000,000 บาท คิดเป็นเงินสดจำนวน 11 ล้านบาท และได้ชิงปืนสั้น .38 จากคนดูแลร้าน และใช้ปืนกระบอกดังกล่าวยิงคนดูแลร้านจนได้รับบาดเจ็บ
และล่าสุด ได้มาก่อเหตุที่จังหวัดภูเก็ต รวมเป็นมูลค่าเงินสดจำนวน 11 ล้านบาท ซึ่งผู้ต้องหาระบุว่าได้นำเงินทั้งหมดมาใช้จ่ายในการซื้อสิ่งอำนวยความสะดวกแก่ตนเอง เช่น คอนโดมิเนียม รถยนต์ นาฬิกายี่ห้อปาเต็ก ฟิลลิปป์ ราคา 200,000 บาท และเครื่องใช้ไฟฟ้า ซึ่งทรัพย์ทั้งหมดที่นำมาแถลงข่าวมาจากการก่อเหตุชิงทรัพย์ร้านทองที่จังหวัดภูเก็ต
นายกฤติศักดิ์ ยังระบุว่า ตนเองไม่ดื่มเหล้า ไม่สูบบุหรี่ และไม่ยุ่งเกี่ยวกับยาเสพติด ทรัพย์สินที่ได้มาได้นำไปขายที่ร้านทองย่านรังสิต และนำไปท่องเที่ยวยังที่ต่างๆ ภายในประเทศ พร้อมได้กล่าวขอโทษเจ้าทรัพย์ว่าตนเองไม่มีเจตนาที่จะทำร้ายเจ้าทรัพย์แต่อย่างใด ที่มีผู้ได้รับบาดเจ็บเป็นเหตุปืนลั่น ซึ่งตนเองคิดแล้วว่าจะต้องมีวันที่ถูกเจ้าหน้าที่จับกุม
พร้อมกันนี้ นายกฤติศักดิ์ได้ยกมือไหว้กล่าวขอโทษเจ้าของร้านทองเพชรสุวรรณ และเจ้าของร้านทองธเนศ 2 ที่เดินทางมาชี้ตัวผู้ต้องหา พร้อมระบุว่า หากพ้นโทษออกมาจะกลับตัวเป็นคนดีของสังคม และหากมีโอกาสได้บวชจะบวชไม่สึก
ด้าน พล.ต.ท.สันติ เพ็ญสูตร ผบช.ภ.8 ระบุถึงพฤติกรรมของผู้ต้องหาว่า การก่อเหตุทุกครั้งจะมีการศึกษาเส้นทางหลบหนี และเลือกร้านทองที่มีการป้องกันน้อย และตั้งอยู่บนถนนที่มีหลายแยก เพื่อใช้เป็นเส้นทางหลบหนีการจับกุม พร้อมทั้งมีการปลอมแปลงโฉมหน้าเพื่อปิดบังอำพรางใบหน้าที่แท้จริง
ในขณะเดียวกัน ตัวแทนจากร้านทองธเนศ 2 ได้มอบเงินจำนวน 100,000 บาทให้เป็นขวัญกำลังใจแก่เจ้าหน้าที่ชุดจับกุมด้วย