นครศรีธรรมราช - ผบก.-ผบ.เรือนจำ-ผวจ.นครศรีฯ ประชุมครั้งแรกประกาศเปิดเรือนจำให้ทุกฝ่ายร่วมแก้ปัญหา ผบก.นครศรีฯ ลั่นประเมิน ผกก.ตร.พื้นที่ตั้งเรือนจำผลงานไม่เข้าตาเตรียมเด้ง เตรียมชงกฤษฎีกาตีความขบวนการส่งมือถือเข้าเรือนจำเข้าข่ายสมคบค้ายาส่งผลโทษสูง ยึดทรัพย์ได้
เวลา 15.00 น.วันนี้ (1 พ.ค.) นายวิโรจน์ จิวะรังสรรค์ ผู้ว่าราชการจังหวัดนครศรีธรรมราช พล.ต.ต.รณพงศ์ ทรายแก้ว ผบก.ภ.นครศรีธรรมราช นายสุรพล แก้วภราดัย ผบ.เรือนจำกลางนครศรีธรรมราช นายธีระพล ช่วยเรียง นายอำเภอพระพรหม ได้ร่วมประชุมกันเป็นครั้งแรกหลังจากที่ นายสุรพล แก้วภราดัย ผบ.เรือนจำกลางนครศรีธรรมราช ปฏิบัติหน้าที่อย่างเป็นทางการตั้งแต่วานนี้ (30 เม.ย.) โดยการประชุมได้มีการหารือกันกว่า 1 ชม.ในห้องปฏิบัติงานผู้ว่าราชการจังหวัดนครศรีธรรมราช
หลังจากเสร็จการประชุม นายวิโรจน์ จิวะรังสรรค์ ผู้ว่าราชการจังหวัดนครศรีธรรมราช เปิดเผยว่า หลังจากการประชุมแล้วว่า เรือนจำกลางนครศรีธรรมราชไม่ได้เป็นเรือนจำปิดอีกต่อไป ทุกฝ่ายมีส่วนร่วมกันในการเข้าไปแก้ปัญหา ผบ.เรือนจำเปิดกว้างให้ทุกส่วนเข้ามาร่วมกันแก้ปัญหาที่หมักหมมกันมานาน โดยภาคประชาชน และกำนันผู้ใหญ่บ้านดูรอบนอก ผบ.เรือนจำดูข้างใน อีกส่วนนั้น จะขออำนาจจากกรมราชทัณฑ์เพื่อให้จังหวัดมีข้อมูลในการให้คุณให้โทษแก่เจ้าหน้าที่เรือนจำ อีกส่วนนั้นจะของบประมาณทำในเรื่องของลวดหนาม และเพิ่มความสูงของรั้ว รวมทั้งการพัฒนาบุคลากรของเรือนจำ
“การแก้ไขปัญหายังคงทำอย่างต่อเนื่อง ไม่ใช่ค้นแล้วจบในขณะนี้ยังไม่จบ เพื่อจะได้เป็นรูปแบบในการแก้ไขปัญหาให้สมกับการยกย่องการปฏิบัติการให้เป็นนครศรีธรรมราชโมเดล แต่ก่อนเรือนจำนครศรีธรรมราช เป็นเรือนจำปิดไม่ให้ส่วนอื่นๆ เข้าไปมีส่วนร่วมหลังจากนี้ทุกฝ่ายจะเข้าไปมีส่วนร่วมเป็นแนวร่วมในการแก้ปัญหา” ผวจ.นครศรีธรรมราชกล่าว
ขณะที่ พล.ต.ต.รณพงศ์ ทรายแก้ว ผบก.ภ.นครศรีธรรมราช เปิดเผยว่า การทำงานทุกส่วนกว่าจะเข้าทำการตรวจค้นเรือนจำนครศรีธรรมราชนั้นไม่ง่ายเลย ต้องใช้เวลายาวนานและการทำต่อไปนั้นก็ไม่ใช่เรื่องง่าย โดยเฉพาะสิ่งของต้องห้าม และสิ่งที่เอื้อต่อการค้ายาเสพติดที่ผ่านเข้ามา ตำรวจจะต้องตรวจสอบเส้นทางต่างๆ กันด้วย ในส่วนของเจ้าหน้าที่ตำรวจโดยเฉพาะ ผกก.หัวหน้าตำรวจในพื้นที่ตั้งเรือนจำภายในสิ้นเดือนนี้ หากยังไม่มีผลงานที่ดีขึ้นจะต้องปรับเปลี่ยนคนโยกย้ายช่วยราชการกัน ในส่วนของราชทัณฑ์ไม่ต้องเกรงใจเรื่องกำลังคนขอมาเลยเราจะมาช่วยในการตรวจตั้งแต่ด้านหน้า ข้อมูลในเรือนจำนครศรีธรรมราชส่วนหนึ่งได้มอบให้แก่ ผบ.เรือนจำไปแล้ว
“หลังจากนี้จะมีการสืบทรัพย์ ยึดทรัพย์อีกมาก จะมีชุดในการสืบสวนทางราบซึ่งจะไปพบกับ ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง ในวันพฤหัสบดีนี้ จะมีข้อสรุปชัดเจนว่าจะมีกันกี่ชุดอย่างไรบ้าง และในส่วนของโทรศัพท์ที่ทราบว่ามีการยึดกันมาแล้วเป็นพันเครื่อง เจ้าหน้าที่ตำรวจจะคัดเลือกมาตรวจสอบข้อมูล และเจ้าหน้าที่ราชทัณฑ์ที่มีข่าวว่าถูกข่มขู่จะไปพูดคุยและให้ความมั่นใจ และจะไปแนะนำทักษะในการสืบค้นสืบจับให้เข้มข้นมากยิ่งขึ้น”
พล.ต.ต.รณพงศ์ ทรายแก้ว ผบก.ภ.นครศรีธรรมราช กล่าวต่อว่า ในส่วนของโทรศัพท์จำนวน 39 เครื่องที่พบในอิฐบล็อก ขณะนี้เราพบข้อมูลชัดเจนแล้วว่าคนที่สั่งเป็นใคร คนที่ส่งเป็นใครบอกได้ว่าเป็นนักค้ารายใหญ่ ซึ่งทุกส่วนนั้นเรามีข้อมูลอยู่แล้ว รวมทั้งข้อมูลการติดต่อในมือถือของนักโทษในเรือนจำพบว่า มีความเชื่อมโยงถึงกัน เป้าหมายของเราคือการยึดทรัพย์คนพวกนี้
“ในส่วนของมาตรการนั้น จะเสนอไปยังเลขาธิการ ป.ป.ส.ส่งให้กฤษฎีกาตีความมาตรา 6 มาตรา 8 พ.ร.บ.ปราบปรามยาเสพติด ในฐานสมคบ หรือร่วมกันค้า ในพฤติกรรมส่งโทรศัพท์เข้าเรือนจำทั้งที่รู้อยู่แล้วว่านักโทษนำเอาโทรศัพท์ไปใช้ในการซื้อขายยาเสพติด เข้าข่ายหรือไม่ ซึ่งหากเข้าข่ายจะสามารถนำไปสู่การจับกุมดำเนินคดี และนำไปสู่การยึดทรัพย์ได้เหมือนกับผู้ค้า” ผบก.นครศรีฯ ระบุ
ด้านนายสุรพล แก้วภราดัย ผบ.เรือนจำกลางนครศรีธรรมราช กล่าวว่า หลังจากนี้ความร่วมมือจากทุกส่วนจะเกิดขึ้นอย่างเป็นรูปธรรม เชื่อว่าจะสามารถแก้ปัญหาเรือนจำกลางนครศรีธรรมราช ได้เป็นอย่างดี ในส่วนของการสอบสวนทุกฝ่ายของเรือนจำนครศรีธรรมราช ทราบว่าคำสั่งออกแล้ว และจะดำเนินการภายใน 30 วัน และเมื่อมาสอบสวนข้าราชการที่เกี่ยวข้องคงจะต้องให้ออกจากราชการไว้ก่อน แล้วจะดำเนินการกันต่อไปรวมถึงการโยกย้ายสับเปลี่ยน
ผบ.เรือนจำกลางนครศรีธรรมราช ยังกล่าวเพิ่มเติมว่า ในส่วนของเจ้าหน้าที่เรือนจำนั้นเสียอัตรากำลังไปในส่วนที่มีคำสั่งให้ปฏิบัติราชการนอกเรือนจำ ทำให้มีภาระหนักขึ้นกับเจ้าหน้าที่ที่เหลืออยู่ ซึ่งในขณะนี้มีเจ้าหน้าที่บรรจุใหม่มาเสริมประมาณ 10 คน คนพวกนี้เป็นคนหนุ่มไฟแรงน้ำดีเข้าไปช่วยกันได้ และอีกส่วนหนึ่งต้องขออัตราเจ้าหน้าที่มาเพิ่มเติม
เวลา 15.00 น.วันนี้ (1 พ.ค.) นายวิโรจน์ จิวะรังสรรค์ ผู้ว่าราชการจังหวัดนครศรีธรรมราช พล.ต.ต.รณพงศ์ ทรายแก้ว ผบก.ภ.นครศรีธรรมราช นายสุรพล แก้วภราดัย ผบ.เรือนจำกลางนครศรีธรรมราช นายธีระพล ช่วยเรียง นายอำเภอพระพรหม ได้ร่วมประชุมกันเป็นครั้งแรกหลังจากที่ นายสุรพล แก้วภราดัย ผบ.เรือนจำกลางนครศรีธรรมราช ปฏิบัติหน้าที่อย่างเป็นทางการตั้งแต่วานนี้ (30 เม.ย.) โดยการประชุมได้มีการหารือกันกว่า 1 ชม.ในห้องปฏิบัติงานผู้ว่าราชการจังหวัดนครศรีธรรมราช
หลังจากเสร็จการประชุม นายวิโรจน์ จิวะรังสรรค์ ผู้ว่าราชการจังหวัดนครศรีธรรมราช เปิดเผยว่า หลังจากการประชุมแล้วว่า เรือนจำกลางนครศรีธรรมราชไม่ได้เป็นเรือนจำปิดอีกต่อไป ทุกฝ่ายมีส่วนร่วมกันในการเข้าไปแก้ปัญหา ผบ.เรือนจำเปิดกว้างให้ทุกส่วนเข้ามาร่วมกันแก้ปัญหาที่หมักหมมกันมานาน โดยภาคประชาชน และกำนันผู้ใหญ่บ้านดูรอบนอก ผบ.เรือนจำดูข้างใน อีกส่วนนั้น จะขออำนาจจากกรมราชทัณฑ์เพื่อให้จังหวัดมีข้อมูลในการให้คุณให้โทษแก่เจ้าหน้าที่เรือนจำ อีกส่วนนั้นจะของบประมาณทำในเรื่องของลวดหนาม และเพิ่มความสูงของรั้ว รวมทั้งการพัฒนาบุคลากรของเรือนจำ
“การแก้ไขปัญหายังคงทำอย่างต่อเนื่อง ไม่ใช่ค้นแล้วจบในขณะนี้ยังไม่จบ เพื่อจะได้เป็นรูปแบบในการแก้ไขปัญหาให้สมกับการยกย่องการปฏิบัติการให้เป็นนครศรีธรรมราชโมเดล แต่ก่อนเรือนจำนครศรีธรรมราช เป็นเรือนจำปิดไม่ให้ส่วนอื่นๆ เข้าไปมีส่วนร่วมหลังจากนี้ทุกฝ่ายจะเข้าไปมีส่วนร่วมเป็นแนวร่วมในการแก้ปัญหา” ผวจ.นครศรีธรรมราชกล่าว
ขณะที่ พล.ต.ต.รณพงศ์ ทรายแก้ว ผบก.ภ.นครศรีธรรมราช เปิดเผยว่า การทำงานทุกส่วนกว่าจะเข้าทำการตรวจค้นเรือนจำนครศรีธรรมราชนั้นไม่ง่ายเลย ต้องใช้เวลายาวนานและการทำต่อไปนั้นก็ไม่ใช่เรื่องง่าย โดยเฉพาะสิ่งของต้องห้าม และสิ่งที่เอื้อต่อการค้ายาเสพติดที่ผ่านเข้ามา ตำรวจจะต้องตรวจสอบเส้นทางต่างๆ กันด้วย ในส่วนของเจ้าหน้าที่ตำรวจโดยเฉพาะ ผกก.หัวหน้าตำรวจในพื้นที่ตั้งเรือนจำภายในสิ้นเดือนนี้ หากยังไม่มีผลงานที่ดีขึ้นจะต้องปรับเปลี่ยนคนโยกย้ายช่วยราชการกัน ในส่วนของราชทัณฑ์ไม่ต้องเกรงใจเรื่องกำลังคนขอมาเลยเราจะมาช่วยในการตรวจตั้งแต่ด้านหน้า ข้อมูลในเรือนจำนครศรีธรรมราชส่วนหนึ่งได้มอบให้แก่ ผบ.เรือนจำไปแล้ว
“หลังจากนี้จะมีการสืบทรัพย์ ยึดทรัพย์อีกมาก จะมีชุดในการสืบสวนทางราบซึ่งจะไปพบกับ ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง ในวันพฤหัสบดีนี้ จะมีข้อสรุปชัดเจนว่าจะมีกันกี่ชุดอย่างไรบ้าง และในส่วนของโทรศัพท์ที่ทราบว่ามีการยึดกันมาแล้วเป็นพันเครื่อง เจ้าหน้าที่ตำรวจจะคัดเลือกมาตรวจสอบข้อมูล และเจ้าหน้าที่ราชทัณฑ์ที่มีข่าวว่าถูกข่มขู่จะไปพูดคุยและให้ความมั่นใจ และจะไปแนะนำทักษะในการสืบค้นสืบจับให้เข้มข้นมากยิ่งขึ้น”
พล.ต.ต.รณพงศ์ ทรายแก้ว ผบก.ภ.นครศรีธรรมราช กล่าวต่อว่า ในส่วนของโทรศัพท์จำนวน 39 เครื่องที่พบในอิฐบล็อก ขณะนี้เราพบข้อมูลชัดเจนแล้วว่าคนที่สั่งเป็นใคร คนที่ส่งเป็นใครบอกได้ว่าเป็นนักค้ารายใหญ่ ซึ่งทุกส่วนนั้นเรามีข้อมูลอยู่แล้ว รวมทั้งข้อมูลการติดต่อในมือถือของนักโทษในเรือนจำพบว่า มีความเชื่อมโยงถึงกัน เป้าหมายของเราคือการยึดทรัพย์คนพวกนี้
“ในส่วนของมาตรการนั้น จะเสนอไปยังเลขาธิการ ป.ป.ส.ส่งให้กฤษฎีกาตีความมาตรา 6 มาตรา 8 พ.ร.บ.ปราบปรามยาเสพติด ในฐานสมคบ หรือร่วมกันค้า ในพฤติกรรมส่งโทรศัพท์เข้าเรือนจำทั้งที่รู้อยู่แล้วว่านักโทษนำเอาโทรศัพท์ไปใช้ในการซื้อขายยาเสพติด เข้าข่ายหรือไม่ ซึ่งหากเข้าข่ายจะสามารถนำไปสู่การจับกุมดำเนินคดี และนำไปสู่การยึดทรัพย์ได้เหมือนกับผู้ค้า” ผบก.นครศรีฯ ระบุ
ด้านนายสุรพล แก้วภราดัย ผบ.เรือนจำกลางนครศรีธรรมราช กล่าวว่า หลังจากนี้ความร่วมมือจากทุกส่วนจะเกิดขึ้นอย่างเป็นรูปธรรม เชื่อว่าจะสามารถแก้ปัญหาเรือนจำกลางนครศรีธรรมราช ได้เป็นอย่างดี ในส่วนของการสอบสวนทุกฝ่ายของเรือนจำนครศรีธรรมราช ทราบว่าคำสั่งออกแล้ว และจะดำเนินการภายใน 30 วัน และเมื่อมาสอบสวนข้าราชการที่เกี่ยวข้องคงจะต้องให้ออกจากราชการไว้ก่อน แล้วจะดำเนินการกันต่อไปรวมถึงการโยกย้ายสับเปลี่ยน
ผบ.เรือนจำกลางนครศรีธรรมราช ยังกล่าวเพิ่มเติมว่า ในส่วนของเจ้าหน้าที่เรือนจำนั้นเสียอัตรากำลังไปในส่วนที่มีคำสั่งให้ปฏิบัติราชการนอกเรือนจำ ทำให้มีภาระหนักขึ้นกับเจ้าหน้าที่ที่เหลืออยู่ ซึ่งในขณะนี้มีเจ้าหน้าที่บรรจุใหม่มาเสริมประมาณ 10 คน คนพวกนี้เป็นคนหนุ่มไฟแรงน้ำดีเข้าไปช่วยกันได้ และอีกส่วนหนึ่งต้องขออัตราเจ้าหน้าที่มาเพิ่มเติม