ศูนย์ข่าวเชียงใหม่ - ป.ป.ส.ภาค 5 ประชุมคณะอนุกรรมการเดินหน้าพิจารณายึดทรัพย์พ่อค้ายา อธิบดีอัยการภาค 5 ระบุใช้แล้วได้ผลผู้ร้ายกลัวหัวหด ด้าน ผอ.ป.ป.ส.ภาค 5 เผยยึดทรัพย์ไปแล้ว 110 ล้าน พบนิยมซื้ออสังหาฯ-ทำธุรกิจฟอกเงิน มั่นใจได้ตามเป้า 800 คดีของ รบ.แน่ พร้อมนำชมของกลางในโกดังมีทั้งรถยนต์-มอเตอร์ไซค์-เครื่องใช้ไฟฟ้าเพียบ
วันนี้ (25 เม.ย.) ที่สำนักงานป้องกันและปราบปรามยาเสพติดภาค 5 นายวัฒนชัย คุ้มวงศ์ดี อธิบดีอัยการภาค 5 เป็นประธานในการประชุมคณะอนุกรรมการตรวจสอบทรัพย์สิน ป.ป.ส.ภาค 5 โดยมีเจ้าหน้าที่จากหน่วยงานต่างๆ ทีเกี่ยวข้องเข้าร่วม
การประชุมดังกล่าวเป็นการประชุมของตัวแทนจากหน่วยงานต่างๆ ที่เกี่ยวข้อง เพื่อพิจารณาการยึดทรัพย์จากผู้ต้องหาและเครือข่ายที่เกี่ยวข้องในคดียาเสพติด ตามนโยบายของรัฐบาลที่ต้องการให้มีการนำมาตรการยึดทรัพย์เข้ามาดำเนินการต่อกลุ่มผู้ค้ายาเสพติด ซึ่งในปีนี้รัฐบาลได้ตั้งเป้าไว้ที่ประมาณ 8,000 คดี โดยการประชุมของคณะอนุกรรมการตรวจสอบทรัพย์สิน ป.ป.ส.ภาค 5 จะจัดขึ้นทุกเดือน และจะมีคดีที่นำเข้าสู่การพิจารณาของที่ประชุมครั้งละประมาณ 20-30 คดี
นายวัฒนชัยกล่าวว่า การยึดทรัพย์ถือเป็นมาตรการที่มีประสิทธิภาพและส่งผลต่อผู้ต้องหามากที่สุด เนื่องจากแม้จะติดคุกแต่เมื่อพ้นโทษก็ยังสามารถใช้เงินที่ได้จากยาเสพติดได้ แต่การถูกยึดทรัพย์จะทำให้ไม่มีรายได้ใดๆ เหลืออีก ซึ่งในปัจจุบันข้อกฎหมายและการบังคับใช้ในเรื่องดังกล่าวถือว่ามีความรัดกุมและมีประสิทธิภาพแล้ว แต่สิ่งที่ต้องเพิ่มเติมคือการเสริมในส่วนของบุคลากรที่ยังมีไม่เพียงพอ เพื่อให้การดำเนินการตรวจสอบและติดตามที่มาของทรัพย์สินต่างๆ เป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น
พล.ต.ท.วุฒิ วิทิตานนท์ ตัวแทนจากสำนักงานตำรวจแห่งชาติและหนึ่งในคณะอนุกรรมการระบุว่า การยึดทรัพย์ถือเป็นมาตรการที่ได้ผล เนื่องจากสามารถพิจารณายึดทรัพย์ได้ในเกือบทุกฐานข้อหาที่เกี่ยวกับคดียาเสพติด โดยมีเพียงข้อหาเสพยาเสพติดเท่านั้นที่ไม่สามารถยึดทรัพย์ได้ ขณะเดียวกัน แม้จะมีความพยายามของผู้ค้ายาเสพติดที่จะทำการโยกย้ายเงิน ฝากเงินไว้กับผู้อื่น หรือเก็บไว้โดยไม่ใช้ก็ตาม แต่หากพิจารณาแล้วพบว่ามีความเกี่ยวข้องหรือมีที่มาจากการค้ายาเสพติดก็สามารถทำการยึดทรัพย์ได้ทั้งสิ้น ซึ่งในขณะนี้จะเห็นได้ว่าตำรวจภูธรภาค 5 ได้นำมาตรการดังกล่าวมาใช้กับกลุ่มผู้ค้ารายย่อยและขนาดกลางเพื่อกดดันคนกลุ่มนี้ให้มากยิ่งขึ้น
ด้านนายวิชัย ไชยมงคล ผอ.ป.ป.ส. ภาค 5 กล่าวในระหว่างการนำผู้สื่อข่าวเข้าชมโกดังเก็บสิ่งของที่ได้จากการยึดทรัพย์ของ ป.ป.ส.ภาค 5 ซึ่งประกอบไปด้วย รถยนต์ รถจักรยานยนต์ เครื่องใช้ไฟฟ้า และเฟอร์นิเจอร์จำนวนมากว่า จากเป้าหมายของภาค 5 ที่ต้องดำเนินการยึดทรัพย์ให้ได้ไม่ต่ำกว่า 800 คดีนั้น จนถึงขณะนี้มีการดำเนินการไปแล้วทั้งสิ้นประมาณ 300 คดี ยึดทรัพย์ได้ประมาณ 110 ล้านบาท และยังมีอีกส่วนหนึ่งที่อยู่ในระหว่างการพิจารณา และรอเสนอให้เลขาธิการ ป.ป.ส.ลงนามเพื่อดำเนินการยึดทรัพย์อีกไม่ต่ำกว่า 100 คดี มั่นใจว่าจะสามารถดำเนินการได้ตามเป้าหมายที่ตั้งไว้ในปีนี้อย่างแน่นอน
นายวิชัยกล่าวต่อไปว่า จากการยึดทรัพย์ที่ได้ดำเนินการไปแล้ว พบว่ากลุ่มผู้ค้ายาเสพติดมีวิธีการในการซุกซ่อนทรัพย์สินเพื่อหลีกเลี่ยงการตรวจสอบในหลายรูปแบบ ทั้งการนำไปซื้อหาที่ดิน อสังหาริมทรัพย์ ยานพาหนะหรือของมีค่าต่างๆ รวมทั้งการนำไปลงทุนเพื่อฟอกเงิน ซึ่งในปัจจุบันพบว่าที่ จ.เชียงรายจะมีคดีที่ใช้มาตรการยึดทรัพย์ร่วมกับมาตรการการจับกุมดำเนินคดีมากที่สุดในพื้นที่รับผิดชอบ
สำหรับสถิติการยึดทรัพย์ของตำรวจภูธรภาค 5 มีการดำเนินการไปแล้ว 262 ราย ยึดทรัพย์รวมทั้งสิ้นประมาณ 110.994 ล้านบาท โดยแบ่งออกเป็นรายจังหวัด คือ จ.เชียงราย 65 ราย 49.42 ล้านบาท จ.เชียงใหม่ 81 ราย 28.27 ล้านบาท จ.น่าน 10 ราย 1.55 ล้านบาท จ.พะเยา 16 ราย 4.61 ล้านบาท จ.แพร่ 33 ราย 10.25 ล้านบาท จ.ลำปาง 34 ราย 12.87 ล้านบาท จ.ลำพูน 21 ราย 3.32 ล้านบาท และ จ.แม่ฮ่องสอน 2 ราย 0.65 ล้านบาท