ตำรวจภาค 1 จับมือหน่วยงานปราบยาใช้กฎหมายฟอกเงินเร่งขยายผลตามจับขบวนการค้ายา “หนูเฉิน” หลังรวบ “นิพนธ์ กันชาติ” พร้อมยาบ้ากว่า 3 ล้านเม็ด เผยออกหมายจับผู้เกี่ยวโยงไปแล้ว 54 ราย จับกุมได้ 10 ราย ออกหมายเรียกทั้งผู้ค้า-เปิดบัญชีให้เป็นทางผ่านเครือข่าย 128 ราย เพื่อมารับข้อกล่าวหา อายัดทรัพย์แล้วกว่า 104 ล้าน ชี้เป็นองค์กรค้ายาข้ามชาติ เดิมเป็นเครือข่ายขุนส่า พบมี 22 เครือข่ายมีเงินทุนหมุนเวียน 1 ล้านต่อวัน
วันนี้ (8 มี.ค.) เวลา 10.30 น. ที่กองบัญชาการตำรวจภูธรภาค 1 พล.ต.ต.คำรณวิทย์ ธูปกระจ่าง รรท.ผบช.ภ.1 พล.ต.ต.ชยุต ธนทวีรัชต์ รอง ผบช.ภ.1 พล.ต.ต.คเชนทร์ คชพลายุกต์ รอง จตร. (สบ 7) ปฏิบัติราชการ ภ.1 กองบัญชาการตำรวจปราบปรามยาเสพติด (บช.ปส.) สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามยาเสพติด (ป.ป.ส.) สำนักงานป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน (ปปง.) ตำรวจภูธภาค 1 ร่วมกับพนักงานสอบสวนที่เกี่ยวข้องประชุมหารือมาตรการในการขยายผลการจับกุมและอายัดทรัพย์แก๊งหนูเฉิน หรือเครือข่ายยาเสพติดรายใหญ่ โดยสามารถจับกุมนายนิพนธ์ กันชาติ หนึ่งในผู้ต้องหาในเครือข่ายยาเสพติดกลุ่ม “หนูเฉิน” ซึ่งได้ของกลางยาบ้ากว่า 3 ล้านเม็ด และยาไอซ์อีก 71 กิโลกรัม ที่หมู่บ้านสัมมากร จ.ปทุมธานี พร้อมจับกุมเครือข่ายยาเสพติดได้พร้อมของกลางสมุดบัญชีธนาคารต่างๆ บัตรเอทีเอ็มจำนวนหลายรายการ เมื่อวันที่ 7 ม.ค.ที่ผ่านมา ตามที่เสนอข่าวไปแล้วนั้น
พล.ต.ต.คำรณวิทย์เปิดเผยว่า จากการประชุมร่วมกันวันนี้จะเป็นการขยายผลการจับกุมผู้ต้องหาค้ายาเสพติดให้ถึงที่สุด โดยจะมีการใช้กฎหมายการฟอกเงิน ซึ่งขณะนี้ได้มีการขยายผลออกหมายจับผู้ที่เกี่ยวข้องทั้งสิ้น 54 ราย จับกุมได้แล้ว จำนวน 10 ราย อายัดทรัพย์กว่า 104 ล้านบาท ซึ่งขณะนี้ได้ออกหมายเรียกให้ผู้ที่เกี่ยวข้องเข้ามารับทราบข้อกล่าวหารวมทั้งสิ้น 128 ราย ซึ่งผู้ที่เกี่ยวข้องในขบวนการเครือข่ายค้ายาเสพติดทั้งเป็นผู้ค้าเอง หรือเป็นผู้เปิดบัญชี เพื่อให้เป็นทางผ่านของขบวนการค้ายาเสพติด โดยการยึดทรัพย์นั้นต้องดำเนินคดีตามกฎหมายฟอกเงินรวมถึงตาม พ.ร.บ.มาตรการในการปราบปรามผู้กระทำผิดเกี่ยวกับยาเสพติด พ.ศ. 2534 นอกจากจะทำการอายัดเงินในบัญชีแล้วยังจะอายัดทรัพย์สินที่เกี่ยวข้อง เช่น บ้าน, ที่ดิน, รถยนต์-ยานพาหนะ และทรัพย์สินอื่นอีก
พล.ต.ต.คำรณวิทย์กล่าวอีกว่า คดีนี้เป็นองค์กรยาเสพติดรายใหญ่ระหว่างประเทศ ซึ่งเดิมทีเป็นเครือข่ายขุนส่า ซึ่งหลานชายขุนส่าเคยถูกจับกุมที่สหรัฐอเมริกา แล้วมาถูกจับกุมในประเทศไทยอีก นอกจากมาตรการการยึดทรัพย์แล้วยังมีกฎหมายเกี่ยวกับมาตรการปราบปรามสารตั้งต้นยาเสพติด (สารซูโดเอฟรีดีน) ซึ่งส่วนใหญ่จะมีการลักลอบขนส่งตามแนวตะเข็บชายแดนภาคเหนือ
“สำหรับเครือข่ายยาเสพติดรายใหญ่ที่สืบสวนสอบสวนพบว่ามีอยู่ 22 เครือข่าย ทั้งในเขตกรุงเทพฯ และในเขตรับผิดชอบของกองบัญชาการตำรวจภูธรภาค 1 จะมีเงินหมุนเวียนอยู่เครือข่ายละ 1 ล้านบาทต่อวัน และผู้ที่เกี่ยวข้องรายใหญ่ขณะนี้อยู่ในคุก จำนวน 5 ราย ในเรือนจำคลองเปรม เรือนจำบางขวาง และเรือนจำเขาบิน ถ้าทราบว่ามีการเชื่อมโยงเกี่ยวข้องกับทั้ง 5 รายนี้ สามารถแจ้งข้อหาเพิ่มเติมได้ทันที” พล.ต.ต.คำรณวิทย์กล่าว
วันนี้ (8 มี.ค.) เวลา 10.30 น. ที่กองบัญชาการตำรวจภูธรภาค 1 พล.ต.ต.คำรณวิทย์ ธูปกระจ่าง รรท.ผบช.ภ.1 พล.ต.ต.ชยุต ธนทวีรัชต์ รอง ผบช.ภ.1 พล.ต.ต.คเชนทร์ คชพลายุกต์ รอง จตร. (สบ 7) ปฏิบัติราชการ ภ.1 กองบัญชาการตำรวจปราบปรามยาเสพติด (บช.ปส.) สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามยาเสพติด (ป.ป.ส.) สำนักงานป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน (ปปง.) ตำรวจภูธภาค 1 ร่วมกับพนักงานสอบสวนที่เกี่ยวข้องประชุมหารือมาตรการในการขยายผลการจับกุมและอายัดทรัพย์แก๊งหนูเฉิน หรือเครือข่ายยาเสพติดรายใหญ่ โดยสามารถจับกุมนายนิพนธ์ กันชาติ หนึ่งในผู้ต้องหาในเครือข่ายยาเสพติดกลุ่ม “หนูเฉิน” ซึ่งได้ของกลางยาบ้ากว่า 3 ล้านเม็ด และยาไอซ์อีก 71 กิโลกรัม ที่หมู่บ้านสัมมากร จ.ปทุมธานี พร้อมจับกุมเครือข่ายยาเสพติดได้พร้อมของกลางสมุดบัญชีธนาคารต่างๆ บัตรเอทีเอ็มจำนวนหลายรายการ เมื่อวันที่ 7 ม.ค.ที่ผ่านมา ตามที่เสนอข่าวไปแล้วนั้น
พล.ต.ต.คำรณวิทย์เปิดเผยว่า จากการประชุมร่วมกันวันนี้จะเป็นการขยายผลการจับกุมผู้ต้องหาค้ายาเสพติดให้ถึงที่สุด โดยจะมีการใช้กฎหมายการฟอกเงิน ซึ่งขณะนี้ได้มีการขยายผลออกหมายจับผู้ที่เกี่ยวข้องทั้งสิ้น 54 ราย จับกุมได้แล้ว จำนวน 10 ราย อายัดทรัพย์กว่า 104 ล้านบาท ซึ่งขณะนี้ได้ออกหมายเรียกให้ผู้ที่เกี่ยวข้องเข้ามารับทราบข้อกล่าวหารวมทั้งสิ้น 128 ราย ซึ่งผู้ที่เกี่ยวข้องในขบวนการเครือข่ายค้ายาเสพติดทั้งเป็นผู้ค้าเอง หรือเป็นผู้เปิดบัญชี เพื่อให้เป็นทางผ่านของขบวนการค้ายาเสพติด โดยการยึดทรัพย์นั้นต้องดำเนินคดีตามกฎหมายฟอกเงินรวมถึงตาม พ.ร.บ.มาตรการในการปราบปรามผู้กระทำผิดเกี่ยวกับยาเสพติด พ.ศ. 2534 นอกจากจะทำการอายัดเงินในบัญชีแล้วยังจะอายัดทรัพย์สินที่เกี่ยวข้อง เช่น บ้าน, ที่ดิน, รถยนต์-ยานพาหนะ และทรัพย์สินอื่นอีก
พล.ต.ต.คำรณวิทย์กล่าวอีกว่า คดีนี้เป็นองค์กรยาเสพติดรายใหญ่ระหว่างประเทศ ซึ่งเดิมทีเป็นเครือข่ายขุนส่า ซึ่งหลานชายขุนส่าเคยถูกจับกุมที่สหรัฐอเมริกา แล้วมาถูกจับกุมในประเทศไทยอีก นอกจากมาตรการการยึดทรัพย์แล้วยังมีกฎหมายเกี่ยวกับมาตรการปราบปรามสารตั้งต้นยาเสพติด (สารซูโดเอฟรีดีน) ซึ่งส่วนใหญ่จะมีการลักลอบขนส่งตามแนวตะเข็บชายแดนภาคเหนือ
“สำหรับเครือข่ายยาเสพติดรายใหญ่ที่สืบสวนสอบสวนพบว่ามีอยู่ 22 เครือข่าย ทั้งในเขตกรุงเทพฯ และในเขตรับผิดชอบของกองบัญชาการตำรวจภูธรภาค 1 จะมีเงินหมุนเวียนอยู่เครือข่ายละ 1 ล้านบาทต่อวัน และผู้ที่เกี่ยวข้องรายใหญ่ขณะนี้อยู่ในคุก จำนวน 5 ราย ในเรือนจำคลองเปรม เรือนจำบางขวาง และเรือนจำเขาบิน ถ้าทราบว่ามีการเชื่อมโยงเกี่ยวข้องกับทั้ง 5 รายนี้ สามารถแจ้งข้อหาเพิ่มเติมได้ทันที” พล.ต.ต.คำรณวิทย์กล่าว