ปัตตานี - ครอบครัวผู้ได้รับผลกระทบจากเหตุการณ์ไม่สงบร้องมีกลุ่มบุคคลแอบอ้างขอแบ่งเงินเยียวยาพร้อมขอเอกสารเกี่ยวกับการตายอ้างจะเดินเรื่องให้ บ้างขอครึ่ง-ครึ่ง บ้างขอ 30% ด้านรอง ผวจ.กำชับประชาชนอย่าหลงเชื่อกลุ่มดังกล่าว
ผู้สื่อข่าวประจำ จ.ปัตตานี รายงานว่า ได้รับการร้องเรียนจากครอบรัวผู้ที่ได้รับผลกระทบจากสถานการณ์ความไม่สงบว่า มีกลุ่มบุคคลซึ่งเป็นผู้นำท้องถิ่นในพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ มาหาถึงบ้าน บอกว่าจะให้เงินช่วยเหลือเยียวยา 7.5 ล้านบาท และได้ขอเอกสารหลักฐาน เช่น สำเนาบัตรประชาชน ทะเบียนบ้าน ใบมรณะบัตร และเอกสารอื่นๆ เพื่อประกอบการเดินเรื่องขอเงินช่วยเหลือเยียวยา และถ้าได้เงินมาจะขอแบ่งคนละครึ่ง บางครอบครัวเล่าว่ากลุ่มดังกล่าวขอส่วนแบ่ง 30 เปอร์เซ็นต์
นายเลิศเกียรติ วงษ์โพธิ์พันธ์ รองผู้ว่าราชการจังหวัดปัตตานี กล่าวถึงเรื่องนี้ว่า ขอให้ประชาชนอย่าหลงเชื่อกลุ่มคนเหล่านี้ เพราะการที่จะได้รับการช่วยเหลือเยียวยาในกรณีนี้ รัฐบาลมีกฎเกณฑ์ที่ชัดเจน มีคณะกรรมการตรวจสอบติดตาม โดยในแต่ละจังหวัดเสนอไปที่ ศอ.บต. เสนอคณะรัฐมนตรี จึงจะสามารถจ่ายเงินได้ ไม่ใช่เรื่องง่าย
และที่สำคัญคนที่จะได้จะต้องเป็นกรณีที่ถูกกระทำโดยเจ้าหน้าที่รัฐเท่านั้น ซึ่งผู้เสียหายมีสิทธิที่จะได้รับการช่วยเหลืออยู่แล้ว ไม่ต้องเสียค่านายหน้า หรือติดต่อใครเป็นพิเศษแต่อย่างใด จึงขอฝากให้ประชาชนที่รู้เบาะแสกลุ่มคนที่แอบอ้างเรียกค่านายหน้า แจ้งแก่เจ้าหน้าที่หรือทางผู้ว่าราชการจังหวัด จะได้ดำเนินคดีกับคนกลุ่มนี้ ถ้าพบว่าเป็นเจ้าหน้าที่ก็จะไม่ละเว้น
นางคอลีเยาะ หะหลี ชาวบ้านส้ม ต.ควนโนรี อ.โคกโพธิ์ จ.ปัตตานี ซึ่งบิดาเสียชีวิตในเหตุการณ์มัสยิดกรือเซะ กล่าวแสดงความเห็นกรณีเงินช่วยเหลือเยียวยา 7.5 ล้านบาท ว่า ตนกำลังติดตามอยู่ว่ารัฐบาลจะให้ตามที่พูดหรือเปล่า เงินจำนวนมากขนาดนั้นรัฐจะเอาที่ไหนมาจ่าย แต่ถ้าได้จริงถือเป็นข่าวดีสำหรับครอบครัวผู้ที่ได้รับผลกระทบ ทั้งนี้ สำหรับตนเองรู้สึกเฉยๆ ไม่อยากคาดหวังอะไรมาก
“และหลังจากที่ออกเป็นข่าวก็เกิดความสับสน ขัดแย้งกันในชุมชน บางกลุ่มไม่พอใจว่าไม่สมควรได้รับเพราะเป็นฝ่ายโจมตีรัฐก่อน ทั้งๆ ที่ก่อนหน้านี้ไม่ชี้แจงก่อน จึงอยากฝากว่ารัฐบาลไม่ควรเอาเรื่องนี้มาเป็นเกมการเมือง เนื่องจาก วันที่ 28 เมษายน พรุ่งนี้เป็นวันครบรอบ 8 ปีเหตุการณ์กรือเซะ”
ด้าน พล.ต.ต.พิเชษฐ ปิติเศรษฐพันธ์ ผบก.ภจว.ปัตตานี ได้สั่งการให้กำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจทุกหน่วยสถานียุทธศาสตร์ ในพื้นที่ 12 อำเภอเพิ่มกำลังดูแลความปลอดภัยอย่างเข้มงวด มีการตั้งจุดตรวจ ตรวจค้นรถต้องสงสัยอย่างละเอียด โดยเฉพาะรถที่จะวิ่งเข้าในตัวเมืองปัตตานี หลังจากมีการรายงานว่าจะมีการก่อเหตุคาร์บอมบ์ในช่วงนี้
ผู้สื่อข่าวประจำ จ.ปัตตานี รายงานว่า ได้รับการร้องเรียนจากครอบรัวผู้ที่ได้รับผลกระทบจากสถานการณ์ความไม่สงบว่า มีกลุ่มบุคคลซึ่งเป็นผู้นำท้องถิ่นในพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ มาหาถึงบ้าน บอกว่าจะให้เงินช่วยเหลือเยียวยา 7.5 ล้านบาท และได้ขอเอกสารหลักฐาน เช่น สำเนาบัตรประชาชน ทะเบียนบ้าน ใบมรณะบัตร และเอกสารอื่นๆ เพื่อประกอบการเดินเรื่องขอเงินช่วยเหลือเยียวยา และถ้าได้เงินมาจะขอแบ่งคนละครึ่ง บางครอบครัวเล่าว่ากลุ่มดังกล่าวขอส่วนแบ่ง 30 เปอร์เซ็นต์
นายเลิศเกียรติ วงษ์โพธิ์พันธ์ รองผู้ว่าราชการจังหวัดปัตตานี กล่าวถึงเรื่องนี้ว่า ขอให้ประชาชนอย่าหลงเชื่อกลุ่มคนเหล่านี้ เพราะการที่จะได้รับการช่วยเหลือเยียวยาในกรณีนี้ รัฐบาลมีกฎเกณฑ์ที่ชัดเจน มีคณะกรรมการตรวจสอบติดตาม โดยในแต่ละจังหวัดเสนอไปที่ ศอ.บต. เสนอคณะรัฐมนตรี จึงจะสามารถจ่ายเงินได้ ไม่ใช่เรื่องง่าย
และที่สำคัญคนที่จะได้จะต้องเป็นกรณีที่ถูกกระทำโดยเจ้าหน้าที่รัฐเท่านั้น ซึ่งผู้เสียหายมีสิทธิที่จะได้รับการช่วยเหลืออยู่แล้ว ไม่ต้องเสียค่านายหน้า หรือติดต่อใครเป็นพิเศษแต่อย่างใด จึงขอฝากให้ประชาชนที่รู้เบาะแสกลุ่มคนที่แอบอ้างเรียกค่านายหน้า แจ้งแก่เจ้าหน้าที่หรือทางผู้ว่าราชการจังหวัด จะได้ดำเนินคดีกับคนกลุ่มนี้ ถ้าพบว่าเป็นเจ้าหน้าที่ก็จะไม่ละเว้น
นางคอลีเยาะ หะหลี ชาวบ้านส้ม ต.ควนโนรี อ.โคกโพธิ์ จ.ปัตตานี ซึ่งบิดาเสียชีวิตในเหตุการณ์มัสยิดกรือเซะ กล่าวแสดงความเห็นกรณีเงินช่วยเหลือเยียวยา 7.5 ล้านบาท ว่า ตนกำลังติดตามอยู่ว่ารัฐบาลจะให้ตามที่พูดหรือเปล่า เงินจำนวนมากขนาดนั้นรัฐจะเอาที่ไหนมาจ่าย แต่ถ้าได้จริงถือเป็นข่าวดีสำหรับครอบครัวผู้ที่ได้รับผลกระทบ ทั้งนี้ สำหรับตนเองรู้สึกเฉยๆ ไม่อยากคาดหวังอะไรมาก
“และหลังจากที่ออกเป็นข่าวก็เกิดความสับสน ขัดแย้งกันในชุมชน บางกลุ่มไม่พอใจว่าไม่สมควรได้รับเพราะเป็นฝ่ายโจมตีรัฐก่อน ทั้งๆ ที่ก่อนหน้านี้ไม่ชี้แจงก่อน จึงอยากฝากว่ารัฐบาลไม่ควรเอาเรื่องนี้มาเป็นเกมการเมือง เนื่องจาก วันที่ 28 เมษายน พรุ่งนี้เป็นวันครบรอบ 8 ปีเหตุการณ์กรือเซะ”
ด้าน พล.ต.ต.พิเชษฐ ปิติเศรษฐพันธ์ ผบก.ภจว.ปัตตานี ได้สั่งการให้กำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจทุกหน่วยสถานียุทธศาสตร์ ในพื้นที่ 12 อำเภอเพิ่มกำลังดูแลความปลอดภัยอย่างเข้มงวด มีการตั้งจุดตรวจ ตรวจค้นรถต้องสงสัยอย่างละเอียด โดยเฉพาะรถที่จะวิ่งเข้าในตัวเมืองปัตตานี หลังจากมีการรายงานว่าจะมีการก่อเหตุคาร์บอมบ์ในช่วงนี้