ASTVผู้จัดการรายวัน-"ยุทธศักดิ์" เผยการข่าวระบุยังมีคาร์บอมบ์อีก 5 คัน แต่ยังหาร่องรอยไม่เจอ คุยรู้ตัว 37 หัวโจกแล้ว หลักฐานชัด เตรียมขยายผลควบคุม หวั่นสร้างสถานการณ์ 28 เม.ย. วันครบรอบกรือเซะ
พล.อ.ยุทธศักดิ์ ศศิประภา รองนายกรัฐมนตรี กล่าวถึงสถานการณ์ความไม่สงบในพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ว่า วันที่ 19 เม.ย. นี้ ตนกับผู้บัญชาการทหารบก จะเดินทางลงพื้นที่ เพื่อดูสถานการณ์เพิ่มเติม เพราะหลังจากเกิดเหตุการณ์คาร์บอมบ์เมื่อวันที่ 31 มี.ค.แล้ว ตอนนี้สถานการณ์ต่างๆ ลดน้อยลดลงไป เหตุการณ์ในการที่จะสร้างความรุนแรงใน 3 จังหวัดก็ลดน้อยลงไป โดยเฉพาะช่วงสงกรานต์ก็ไม่มีการก่อเหตุเลย แต่มีการซุ่มอยู่เป็นบางราย ซึ่ง กอ.รมน. ภาค 4 ก็มีการกดดันทุกจุดที่เราได้ทราบ ทั้งตัวบุคคลที่เป็นแกนนำ ทั้งคาร์บอมบ์ 5 คันที่เรายังหาไม่เจอ เพราะเท่าที่ทราบมี ทั้งหมด 8 คัน ระเบิดแล้ว 3 คัน เหลืออีก 5 คันที่ยังไม่พบ โดยได้แจ้งสีรถ ยี่ห้อรถ และให้ประชาชนเป็นหูเป็นตาให้ด้วย และในการลงพื้นที่จะมีการคุยกันว่าจะลดความเข้มข้นไม่ได้ จะต้องตามหารถทั้ง 5 คันให้ได้ ถ้าเราอ่อน หรือเราผ่อนลงไปเมื่อไร เกรงว่าจะเกิดขึ้นอีก
ส่วนแกนนำต่างๆ ทหารก็ได้ติดตาม และกดดันตามจุดต่างๆ แล้ว เท่าที่ทราบมีประมาณ 36-37 คน มีรายชื่อ มีภาพ เป็นกลุ่มที่มีหัวรุนแรงอยู่ เราถือว่าทั้ง 30 กว่าคน เป็นแกนนำที่เราได้หลักฐานเรียบร้อยแล้ว จากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น เราได้ตัวแกนนำบางคนแล้ว ทำให้การปฏิบัติงานเขาลดน้อยลง
เมื่อถามว่า เป็นเพราะอยู่ในช่วงสงกรานต์หรือไม่ จึงไม่มีการก่อเหตุ พล.อ.ยุทธศักดิ์ กล่าวว่า เป็นช่วงที่เราตรวจอย่างเข้มงวด จัดทหารลาดตระเวน กดดันตามจุดที่เราทราบว่า เขาวางตัวอยู่ เขาก็ขยับตัวไม่ได้ ซึ่งจะกดดันอย่างนี้เป็นระยะยาว เพราะวันที่ 28 เม.ย.นี้ จะครบรอบเหตุการณ์ กรือเซะ นอกจากนี้เดือนหน้า จะมีการประชุมโอไอซี ฉะนั้นต้องระวังอย่างมากในสถานการณ์ที่เขาต้องสร้าง เพื่อระลึกถึงวันสำคัญๆ
อย่างไรก็ตาม เท่าที่ทราบกลุ่มที่ก่อความไม่สงบจะได้รับค่าก่อเหตุ 5 แสนบาท ต่อ 1 สถานการณ์
เมื่อถามว่ามีความเป็นห่วงเวลาสับเปลี่ยนกำลัง จะทำให้มีการก่อเหตุ พล.อ.ยุทธศักดิ์ กล่าวว่า ขณะนี้เราทำโอเวอร์แล็ปกัน หรือการสับเปลี่ยนที่มีกำลังเหลืออยู่
พล.อ.ยุทธศักดิ์ กล่าวต่อว่า ขณะนี้เรากำลังดำเนินการตามยุทธศาสตร์ ตนรอให้นายกฯ ได้สั่งการเพิ่มเติมบางอย่างในการแต่งตั้งในการขับเคลื่อน เมื่อเขียนยุทธศาสตร์แล้ว ให้หน่วยปฏิบัติ แต่ยังไม่ได้ตั้งคณะกรรมการติดตามขับเคลื่อนยุทธศาสตร์ให้เป็นตามนโนยาย จะต้องตั้งคณะกรรมการนี้ให้เสร็จ ตนลงพื้นที่ครั้งนี้ ถือว่าทำไปก่อนคำสั่ง เพื่อไม่ให้งานมันชะงัก
พล.อ.ยุทธศักดิ์ ศศิประภา รองนายกรัฐมนตรี กล่าวถึงสถานการณ์ความไม่สงบในพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ว่า วันที่ 19 เม.ย. นี้ ตนกับผู้บัญชาการทหารบก จะเดินทางลงพื้นที่ เพื่อดูสถานการณ์เพิ่มเติม เพราะหลังจากเกิดเหตุการณ์คาร์บอมบ์เมื่อวันที่ 31 มี.ค.แล้ว ตอนนี้สถานการณ์ต่างๆ ลดน้อยลดลงไป เหตุการณ์ในการที่จะสร้างความรุนแรงใน 3 จังหวัดก็ลดน้อยลงไป โดยเฉพาะช่วงสงกรานต์ก็ไม่มีการก่อเหตุเลย แต่มีการซุ่มอยู่เป็นบางราย ซึ่ง กอ.รมน. ภาค 4 ก็มีการกดดันทุกจุดที่เราได้ทราบ ทั้งตัวบุคคลที่เป็นแกนนำ ทั้งคาร์บอมบ์ 5 คันที่เรายังหาไม่เจอ เพราะเท่าที่ทราบมี ทั้งหมด 8 คัน ระเบิดแล้ว 3 คัน เหลืออีก 5 คันที่ยังไม่พบ โดยได้แจ้งสีรถ ยี่ห้อรถ และให้ประชาชนเป็นหูเป็นตาให้ด้วย และในการลงพื้นที่จะมีการคุยกันว่าจะลดความเข้มข้นไม่ได้ จะต้องตามหารถทั้ง 5 คันให้ได้ ถ้าเราอ่อน หรือเราผ่อนลงไปเมื่อไร เกรงว่าจะเกิดขึ้นอีก
ส่วนแกนนำต่างๆ ทหารก็ได้ติดตาม และกดดันตามจุดต่างๆ แล้ว เท่าที่ทราบมีประมาณ 36-37 คน มีรายชื่อ มีภาพ เป็นกลุ่มที่มีหัวรุนแรงอยู่ เราถือว่าทั้ง 30 กว่าคน เป็นแกนนำที่เราได้หลักฐานเรียบร้อยแล้ว จากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น เราได้ตัวแกนนำบางคนแล้ว ทำให้การปฏิบัติงานเขาลดน้อยลง
เมื่อถามว่า เป็นเพราะอยู่ในช่วงสงกรานต์หรือไม่ จึงไม่มีการก่อเหตุ พล.อ.ยุทธศักดิ์ กล่าวว่า เป็นช่วงที่เราตรวจอย่างเข้มงวด จัดทหารลาดตระเวน กดดันตามจุดที่เราทราบว่า เขาวางตัวอยู่ เขาก็ขยับตัวไม่ได้ ซึ่งจะกดดันอย่างนี้เป็นระยะยาว เพราะวันที่ 28 เม.ย.นี้ จะครบรอบเหตุการณ์ กรือเซะ นอกจากนี้เดือนหน้า จะมีการประชุมโอไอซี ฉะนั้นต้องระวังอย่างมากในสถานการณ์ที่เขาต้องสร้าง เพื่อระลึกถึงวันสำคัญๆ
อย่างไรก็ตาม เท่าที่ทราบกลุ่มที่ก่อความไม่สงบจะได้รับค่าก่อเหตุ 5 แสนบาท ต่อ 1 สถานการณ์
เมื่อถามว่ามีความเป็นห่วงเวลาสับเปลี่ยนกำลัง จะทำให้มีการก่อเหตุ พล.อ.ยุทธศักดิ์ กล่าวว่า ขณะนี้เราทำโอเวอร์แล็ปกัน หรือการสับเปลี่ยนที่มีกำลังเหลืออยู่
พล.อ.ยุทธศักดิ์ กล่าวต่อว่า ขณะนี้เรากำลังดำเนินการตามยุทธศาสตร์ ตนรอให้นายกฯ ได้สั่งการเพิ่มเติมบางอย่างในการแต่งตั้งในการขับเคลื่อน เมื่อเขียนยุทธศาสตร์แล้ว ให้หน่วยปฏิบัติ แต่ยังไม่ได้ตั้งคณะกรรมการติดตามขับเคลื่อนยุทธศาสตร์ให้เป็นตามนโนยาย จะต้องตั้งคณะกรรมการนี้ให้เสร็จ ตนลงพื้นที่ครั้งนี้ ถือว่าทำไปก่อนคำสั่ง เพื่อไม่ให้งานมันชะงัก