ปัตตานี - แม่ทัพภาคที่ 4 กล่าวขอโทษ ญาติผู้เสียชีวิตทั้ง 4 ศพ และบาดเจ็บ เหตุเจ้าหน้าที่ทหารพรานยิง พร้อมที่จะให้ความเป็นธรรมทั้ง 2 ฝ่าย ขณะที่ชาวบ้านยื่น 3 เสนอให้กับแม่ทัพ
เมื่อเวลา 14.30 น. วันนี้ (31 ม.ค.) ที่โรงแรมซีเอส ปัตตานี พลโทอุดมชัย ธรรมสาโรรัช แม่ทัพภาคที่ 4 ได้นำพนักงานสอบสวนที่ตั้งขึ้นมาเพื่อติดตามคดี กรณีพิเศษ ประกอบด้วย ตัวแทนตำรวจ ทหาร และฝ่ายปกครอง เพื่อรายงานความคืบหน้าการสืบสวนคดี ตลอดจนนำ เจ้าหน้าที่ทหารพรานกรมทหารพรานที่ 4302 จำนวน 5 นาย ซึ่งเป็นชุดที่ใช้อาวุธปืนยิงรถยนต์ชาวบ้านเสียชีวิต 4 ราย และบาดเจ็บ 5 ราย
มาเล่าเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นภายในคืนเกิดเหตุต่อหน้า นายยา ดือราแม ซึ่งเป็นคนขับรถที่ได้รับบาดเจ็บ และญาติของผู้เสียชีวิต และได้รับบาดเจ็บจากเหตุดังกล่าว ซึ่งเป็นการเผชิญหน้ากันครั้งแรกของคู่กรณี หลังรัฐบาลออกมายอมรับความผิดพลาด ซึ่งบรรยากาศภายในเป็นไปด้วยความตรึงเครียดและไม่อนุญาติให้ผู้สื่อข่าวเข้ารับฟัง
ในขณะที่ แม่ทัพภาคที่ 4 ได้กล่าวขอโทษ และยอมรับที่จะช่วยเหลือเยียวยาผู้ได้รับผลกระทบจากเหตุการณ์ดังกล่าวอย่างเต็มที่ ถึงแม้แนวทางการสอบสวนจะออกมาในรูปแบบใด และตนจะให้ความเป็นธรรมและยุติธรรมทั้งสองฝ่าย และในการมาเจอกันทั้งสองฝ่ายครั้งนี้ก็เพื่อต้องการที่จะให้เกิดความเข้าใจกันต่อกัน
นายเจ๊ะเลาะ เจ๊ะสะมะแอ อบต.ปุโล๊ะปุโย อ.หนองจิก จ.ปัตตานี 1 ในตัวแทนเจรจาหาข้อยุติกรณีเหตุทหารยิงชาวบ้านเสียชีวิต 4 ศพ กล่าวภายหลังการเจรจาว่า ครั้งนี้ทางกลุ่มตัวแทนและญาติผู้เสียชีวิตได้ยื่นข้อเสนอ 3 ข้อ คือ 1.ให้มีการสับเปลี่ยนทหารพรานชุดคู่กรณีออกนอกพื้นที่ 2.แต่งตั้งคณะกรรมการอิสระเพิ่มเข้ามาช่วยดูแนวทางการสอบสวน 3.ให้มีการแก้ไขกรณีนายทหารให้ข่าวว่า เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเป็นการปะทะกันของแนวร่วมซึ่งก่อให้เกิดความเข้าใจผิด ส่วนการเจรจาในวันนี้ทางชาวบ้านไม่ได้ติดค้าง แต่การเยียวยาหากเปรียบเทียบเงินกับชีวิตไม่อาจเทียบได้ ที่สำคัญที่สุดคือต้องการความเป็นธรรม
ด้าน พลโทอุดมชัย ธรรมสาโรรัช แม่ทัพภาคที่ 4 กล่าวว่า กรณีชาวบ้านเสนอมา 3 ข้อนั้นสามารถทำได้โดยเฉพาะในเรื่องของการสับเปลี่ยนกำลังออกไปก่อน เพื่อลดความหวาดระแวง ส่วนเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นตนมองว่าเจ้าหน้าที่ทำโดยแผนเผชิญเหตุ ซึ่งตนยังยึดมั่นที่จะให้ความเป็นธรรมกับทุกฝ่ายและไม่สามารถฟันธงได้ว่าใครผิดใครถูก ทุกอย่างก็ต้องรอผลการพิสูจน์หลักฐาน ซึ่งอาจจะไม่ถูกใจฝ่ายใดฝ่ายหนึ่ง ตนในฐานะที่อยู่ตรงนี้ก็ฟังเสียงประชาชน และจะให้ความเป็นธรรมของทั้ง 2 ฝ่าย
อย่างไรก็ตามผลการเจรจายังไม่ได้ข้อสรุป แต่จากเหตุการณ์ในเรื่องที่ได้ยินเสียงปืนนั้นตรงกัน แต่ในส่วนของการก่อเหตุไม่ตรงกัน ซึ่งชาวบ้านบอกว่า ได้ยินเสียงปืนมาจากนอกรถ แต่ทางเจ้าหน้าที่ทหารพรานบอกว่า ได้ยินเสียงปืนออกจากในรถยนต์ แต่เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเป็นช่วงกลางคืนจึงกลายเป็นประเด็นที่ต้องมีการพิสูจน์จากหลักฐาน โดยเฉพาะปืนทั้งสองกระบอกที่ยึดได้จากในรถยนต์