ศูนย์ข่าวหาดใหญ่ - เกษตรกรในพื้นที่บ้านนาแสน และบ้านโฮ๊ะ อ.หาดใหญ่ อนุรักษ์ส้มหัวจุกซึ่งเป็นส้มไทยโบราณที่หายากและใกล้สูญพันธุ์ ปัจจุบันกิโลกรัมละ 80-120 บาท เนื่องจากผลผลิตมีน้อย ขณะที่เกษตรจังหวัดลงพื้นที่วิจัยเพื่อส่งเสริมให้เกษตรกรปลูกเป็นผลไม้เศรษฐกิจ
วันนี้ (23 เม.ย.) เกษตรกรในพื้นที่บ้านโฮ๊ะ หมู่ 5 และบ้านนาแสน หมู่ 6 ต.ทุ่งตำเสา อ.หาดใหญ่ จ.สงขลา ร่วมกันอนุรักษ์ส้มหัวจุกซึ่งเป็นส้มไทยโบราณ ที่ปัจจุบันเริ่มเหลือน้อย และใกล้สูญพันธุ์ โดยในพื้นที่ จ.สงขลา พื้นที่ ต.ทุ่งตำเสา เป็นหนึ่งในไม่กี่แห่งที่ยังมีส้มหัวจุกเหลืออยู่ และสามารถส่งขายได้ เนื่องจากส่วนใหญ่เกษตรกรจะเปลี่ยนไปปลูกพืชเศรษฐกิจชนิดอื่นๆ โดยเฉพาะยางพารา
สำหรับส้มหัวจุกจะมีลักษณะเด่นที่แตกต่างจากส้มอื่นๆ คือ ผลจะกลมรี และมีจุกที่โคนผลขนาดของผลประมาณเท่ากำมือ หรือใหญ่กว่านั้น เปลือกหนากลีบผลใหญ่ และมีรสชาติหวานกลมกล่อมอมเปรี้ยวเล็กน้อย เป็นส้มที่ได้รับความนิยมของตลาด โดยขณะนี้ ราคาอยู่ที่กิโลกรัมละ 80-120 บาท เนื่องจากผลผลิตของส้มหัวจุกที่ออกสู่ตลาดมีน้อยจากปริมาณพื้นที่การปลูกที่น้อยลง
นายหมัดยูโสบ หลงอะหลี หนึ่งในเกษตรกรบ้านนาแสน ที่ปลูกส้มหัวจุก เปิดเผยว่า ขณะนี้ มีส้มหัวจุกเหลืออยู่ประมาณ 200 ต้น ซึ่งปลูกมานานกว่า 12 ปี แต่ผลผลิตเริ่มน้อยลง และบางส่วนเริ่มทยอยตาย เนื่องจากเป็นโรคหนอนไชต้น สำหรับในพื้นที่บ้านนาแสน และบ้านโฮ๊ะนั้น มีส้มหัวจุกของเกษตรกรเหลืออยู่ประมาณ 5 รายเท่านั้น และส่วนใหญ่จะขาดการดูแล ปล่อยให้ออกผลผลิตตามฤดูกาลตามธรรมชาติ และทยอยตาย ปัจจุบัน ผลผลิตส้มหัวจุกที่ออกสู่ตลาดจึงมีน้อย และเริ่มลดลงทุกปี
นายหมัดยูโสบ กล่าวว่า อย่างไรก็ตาม ขณะนี้ทางเกษตรจังหวัดสงขลาได้ลงพื้นที่มาวิจัยการปลูกส้มหัวจุก ทั้งการขยายพันธุ์ สภาพดิน และการปรับปรุงคุณภาพของผลผลิต เพื่อเตรียมส่งเสริม และขยายพันธุ์ส้มหัวจุกให้เกษตรกรนำไปปลูกเป็นผลไม้เศรษฐกิจอีกตัวหนึ่งของ จ.สงขลา ซึ่งเป็นเรื่องที่ดี เพราะส้มหัวจุกของเกษตรกรที่เหลืออยู่ทยอยตายอย่างต่อเนื่อง และไม่มีการปลูกเพิ่มเสี่ยงที่จะสูญพันธุ์