สงกรานต์ที่ผ่านมา การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย สำนักงานภูเก็ต ร่วมกับ บริษัท ทาลิส มีเดีย จำกัด จัดการแข่งขันแรลลี่ “ครอบครัว อาสา เฮฮา สงกรานต์ 13-14 เม.ย. 2555 ” เส้นทางภูเก็ต - พังงา - ระนอง เพื่อส่งเสริมให้มีการเดินทางท่องเที่ยวแบบครอบครัว และประชาสัมพันธ์แหล่งท่องเที่ยวของภูเก็ต พังงา และระนอง ให้เป็นที่รู้จักกันมากขึ้น
ขบวนแรลลี่เริ่มปล่อยตัว ที่หน้าสำนักงานการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย สำนักงานภูเก็ต หลังจากนั้นได้แวะทำบุญตักบาตรที่ทะเลในเมือง (สะพานหิน) เพื่อความเป็นสิริมงคล ก่อนที่จะมุ่งหน้าไปจุดหมายปลายทาง เมืองระนอง เมืองน้ำแร่เพื่อสุขภาพ
โดยจุดแรกที่ขบวนแรลลี่แวะคือ “สะพานสารสิน” แหล่งท่องเที่ยวแห่งใหม่ของเกาะภูเก็ต ที่ปรับปรุงสะพานสารสินที่ไม่ได้ใช้เป็นสะพานเชื่อมระหว่างเกาะภูเก็ต กับ จังหวัดพังงาในขณะนี้ ให้เป็นจุดชมวิวที่สวยงามด้วยสถาปัตยกรรมชิโนโปรตุกีส
ขบวนแรลลี่ได้มุ่งหน้าสู่จังหวัดพังงา ไปตามถนนเพชรเกษม ผ่านชุมชนโคกกลอย ชุมชนท้ายเหมือง และก่อนที่จะขึ้นเขาหลัก แหล่งท่องเที่ยวมีชื่อ ได้แวะล่องแพไม้ไผ่ที่ “คลองวังเคียงคู่” อ.ท้ายเหมือง จ.พังงา ที่“โกมล คอนเนอร์” แพลำหนึ่งนั่งได้ 2-3 คน ใช้เวลาประมาณ 50 นาที ในบรรยากาศที่ร่มรื่นไปด้วยแมกไม้สองฝั่งคลอง น้ำใส่ๆ ไหลเย็นๆ มาจากน้ำตกวังเคียงคู่ สร้างความสดชื่นท่ามกลางอากาศที่ร้อนอบอ้าวได้เป็นอย่างดี
เป้าหมายต่อไปที่ขบวนแรลลี่แวะพักดื่มชากาแฟ คือ ร้านกาแฟ คุระบุรี รีสอร์ท ซึ่งตั้งอยู่หน้า คุระบุรี รีสอร์ท” ที่โอบล้อมได้ด้วยบรรยากาศที่เขียวขจีของแมกไม้ภายในรีสอร์ทและภูเขาด้านหลังรีสอร์ท
แต่ก่อนที่จะถึงชุดนี้ขบวนแรลลี่ได้แวะปลูกต้นไม้เพิ่มพื้นที่สีเขียวที่อุทยานแห่งชาติศรีพังงา อ.คุระบุรี จ.พังงา
"ภูเขาหญ้า" จังหวัดระนอง คือ เป้าหมายสุดท้ายที่ขบวนแรลลี่จะแวะเพื่อทำกิจกรรมหา RC แต่วันนั้นโชคไม่เข้าข้างเราเลย มีฝนตกลงมาอย่างหนัก ไม่สามารถที่จะเข้าไปทำกิจกรรมในภูเขาหญ้าได้
เมื่อมาถึงระนอง เมืองแห่งสุขภาพ เราสามารถแวะท่องเที่ยวได้ในหลายๆจุด ไม่ว่าจะเป็น "พระราชวังรัตนรังสรรค์" (จำลอง) ที่ตั้งอยู่บริเวณเชิงเขารัตนรังสรรค์ (ใกล้ศาลากลางจังหวัดระนอง) ตำบลเขานิเวศน์ อำเภอเมือง จ.ระนอง จัดสร้างขึ้นเพื่อเป็นการอนุสรณ์การเสด็จประทับแรมจังหวัดระนองของพระมหากษัตริย์ 3 พระองค์ ได้แก่ พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 5 (ปี พ.ศ.2433) พระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 6 (ปี พ.ศ.2452) และพระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 7 (ปี พ.ศ.2471)
สิ่งที่ขาดไม่ได้เมื่อมาเยือนเมืองระนอง ก็ต้องแวะไปแช่น้ำแร่ ที่“บ่อน้ำพุร้อนรักษะวาริน” เป็นบ่อน้ำพุร้อนซึ่งเกิดขึ้นเองตามธรรมชาติ มีอยู่ 3 บ่อ คือ บ่อพ่อ บ่อแม่ และบ่อลูก ทั้ง 3 บ่อ มีอุณหภูมิสูงประมาณ 65 องศาเซลเซียส เป็นน้ำพุร้อนแห่งเดียวในประเทศไทย ที่ไม่มีสารกำมะถันเจือปนอยู่เลย จึงทำให้ไม่มีกลิ่นของกำมะถันและมีความบริสุทธิ์สามารถรับทานได้จากแหล่งกำเนิด โดยไม่ต้องผ่านขบวนการใด ภายในบริเวณบ่อน้ำร้อน มีบริการอาบน้ำแร่บำบัดรักษาสุขภาพ ผ่อนคลายความเมื่อยล้า ด้วยการบำบัดจากน้ำแร่
เลยจากบ่อน้ำพุร้อน นักท่องเที่ยวสามารถเดินทางต่อไปยังหาดส้มแป้น หลายคนอาจจินตนาการไปว่า หาดส้มแป้นจะต้องเป็นหาดทรายขาวที่ตัดกับน้ำทะเลสีคราม แต่จริงๆแล้ว หาดสัมแป้นเป็นเพียงชื่อตำบลเล็กๆแห่งหนึ่งของจังหวัดระนอง ที่อยู่ห่างจากตัวเมืองประมาณ 8 กิโลเมตร อยู่ท่ามกลางหุบเขาล้อมรอบ ทำให้บรรยากาศร่มรื่นตลอดเส้นทาง เมื่อมาถึงหาดส้มแป้นเราสามารถแวะไปดื่มด่ำกับธรรมชาติที่สวยงามของ “ระนองแคนย่อน” ที่เป็นบึ่งน้ำขนาดใหญ่ ด้านหลังพิงกับกำแพงหน้าผา ดูแปลกตา
หรืออาจจะแวะไปไหว้พระ ให้อาหารปลาที่วัดหาดส้มแป้น ซึ่งจะผ่านชุมชนหาดส้มแป้นที่ยังคงรักษาวิถีชีวิตชนบทดั้งเดิมไว้
หากมีเวลาอยู่ที่ระนองต่อ เราสามารถที่จะเดินทางไปท่องเที่ยวยังเกาะพยาม ซึ่งเป็นเกาะที่สวยงาม พร้อมรับผู้มาเยื่อน หรือ แวะเล่นน้ำที่น้ำตกหงาว ซื้อของฝากมีชื่อของระนอง ทั้งมุก เม็ดมะม่วงหิมมะพานต์ ฯลฯ
ภาพ/เรื่อง...จันจิรา สิตบุศย์