xs
xsm
sm
md
lg

“ไข่ไม่แข็ง”!?! ที่บ่อน้ำแร่ร้อนพรรั้ง ระนอง /ปิ่น บุตรี

เผยแพร่:   โดย: ปิ่น บุตรี

โดย : ปิ่น บุตรี (pinn109@hotmail.com)
รักษะวาริน บ่อน้ำแร่ชื่อดังระดับรับแขกในตัวเมืองระนอง
จังหวัดระนอง” เมือง “ฝนแปด แดดสี่” เมืองนี้มี“น้ำแร่”เป็นไฮไลท์ขึ้นชื่อกระฉ่อน

น้ำแร่ระนองเป็นน้ำแร่อันดับหนึ่งของเมืองไทย มีคุณภาพดีที่สุดติด 1 ใน 3 ของโลก เนื่องจากปราศจากกลิ่นกำมะถันหรือมีกลิ่นน้อยมาก อีกทั้งยังมีสรรพคุณทางการเสริมสร้างสุขภาพอีกหลายอย่าง ซึ่งมีผู้วิจัยออกมาว่าน้ำแร่ระนอง ช่วยผ่อนคลายความเครียด อาการปวดหัว ปวดเมื่อยกล้ามเนื้อ และช่วยในด้านอื่นอีกหลากหลาย

การอาบหรือแช่น้ำแร่(ในเวลาและอุณหภูมิที่เหมาะสม)จะมีผลดีต่อสุขภาพ ทำให้โลหิตไหลเวียนดี มีผิวพรรณสดใสเปล่งปลั่ง นอกจากนี้น้ำแร่ยังสามารถรักษาโรคบางชนิดได้อีกด้วย ซึ่งก็ทำให้ทางจังหวัดระนองหยิบจุดเด่นของน้ำแร่มาชูเป็นจุดขายหลักทางการท่องเที่ยว คือมุ่งเน้นไปที่การเป็นเมืองท่องเที่ยวเชิงสุขภาพและสปา

นอกจากนี้ทางจังหวัดยังเลือกที่จะหยิบเอาจุดเด่นของน้ำแร่มาเป็นจุดขายในงานสงกรานต์ใหญ่ด้วยแนวคิด “สงกรานต์น้ำแร่”อันเป็นเอกลักษณ์ที่ทางจังหวัดบอกว่ามีเพียงหนึ่งเดียวในโลก(ปีนี้สงกรานต์น้ำแร่ระนองจัดขึ้นในชื่อ“มหาสงกรานต์น้ำแร่ศักดิ์สิทธิ์” ระหว่างวันที่ 13-15 เม.ย.55)

สำหรับใครที่ไปเที่ยวระนองถ้าไม่ได้สัมผัสกับน้ำแร่ คนที่นี่บอกว่ายังมาไม่ถึง เพราะในระนองมีแหล่งน้ำแร่ตามธรรมชาติให้ไปสัมผัสอยู่มากถึง 7 แห่งด้วยกัน โดยบ่อน้ำแร่ที่ดังที่สุด ทอดตาทั้งจังหวัดจนตาสุกไหม้เกรียมก็คงจะหนีไม่พ้น “บ่อน้ำแร่ร้อนรักษะวาริน” บ่อน้ำแร่ในระดับรับแขกบ้านแขกเมืองที่ตั้งอยู่ในตัวเมืองระนอง
ควันน้ำแร่โชยคลุ้งที่บ่อแม่ รักษะวาริน
บ่อน้ำแร่รักษะวาริน เป็นบ่อน้ำแร่เก่าแก่คลาสสิคที่รัชกาลที่ 5 ได้พระราชทานชื่อถนนสู่บ่อน้ำร้อนว่า “ถนนชลระอุ” ให้เมื่อครั้งที่เสด็จประพาสเมืองระนองในปี พ.ศ. 2433

บ่อน้ำแร่รักษะวาริน ประกอบด้วยสามบ่อหลัก คือ บ่อพ่อ บ่อแม่ และบ่อลูกสาว แต่ละบ่อมีความร้อนถึง 65 องศาเซลเซียส ชนิดที่ผมเพียงแค่เอาหลังมือไปแตะที่ผิวน้ำยังถึงกลับสะดุ้งโหยงในความร้อน ซึ่งความร้อนของบ่อน้ำแร่ที่นี่ทำให้มีคนนิยมนำไข่ไปแช่ไปต้ม เกิดเป็นไข่ต้มน้ำแร่อันชวนลิ้มลองขึ้นมา ไม่เพียงเท่านั้นคนที่นี่ยังมีการนำน้ำแร่ไปชงกาแฟกลายเป็นกาแฟน้ำแร่หนึ่งเดียวในไทยขึ้นมา

ส่วนใครที่อยากแช่น้ำแร่ร้อน ที่ใกล้ๆกับบ่อพ่อมีบ่อบำบัดอุณหภูมิประมาณ 45 องศาเซลเซียส เอาไว้ให้นั่งแช่แบบร้อนๆแต่ผ่อนคลาย

แม้จะร้อนควันโชยกรุ่น แต่น้ำแร่ที่นี่เป็นน้ำแร่บริสุทธิ์ที่ช่วยบำบัดและรักษาสุขภาพร่างกายได้เป็นอย่างดี นั่นจึงทำให้มีคนระนองจำนวนหนึ่งนิยมนำถังนำแกลลอนมาตักน้ำแร่ที่นี่ไปอาบที่บ้าน ในขณะที่วิถีของคนระนองจำนวนมากก็นิยมเข้าไปแช่น้ำแร่ตามสปาหรือสถานที่บริการอาบน้ำแร่ต่างๆ
ลำธารในพื้นที่บ่อน้ำแร่ร้อนพรรั้ง
สำหรับผมการไประนองหนนี้นอกจากจะไปเที่ยวและแช่น้ำแร่ที่บ่อรักษะวารินแล้ว ยังมีโอกาสได้ไปแช่และสัมผัสกับ“บ่อน้ำแร่ร้อนพรรั้ง” บ่อน้ำแร่ในบรรยากาศป่าเขา สายน้ำ ท่ามกลางธรรมชาติ ป่าไม้อันร่มรื่น เป็น “ออนเซ็น”แบบไทยๆ ที่ไม่ต้องแก้ผ้าตัวล้อนจ้อนลงไปแช่น้ำเหมือนที่ญี่ปุ่นหรือที่เกาหลี

บ่อน้ำแร่ร้อนพรรั้ง ตั้งอยู่ที่หมู่ 3 ต.บางริ้น อ.เมือง เป็นส่วนหนึ่งของอุทยานแห่งชาติน้ำตกหงาว แหล่งน้ำพุ(น้ำแร่)ร้อนที่นี่มาจากหุบเขาริมคลองพรรั้ง เป็นแร่ที่ไหลซึมขึ้นมาตามรอยแตกของหิน ทั้งจากหินแกรนิต หินภูเขาไฟจำพวกแอนดิไซด์ หินทัฟฟ์ สายแร่ควอตซ์

น้ำแร่ที่นี่ไม่มีกลิ่นกำมะถัน มีก๊าซคาร์บอนไดอ๊อกไซต์เพียงเล็กน้อย มีความใสสะอาด สามารถดื่มกินได้ โดยมีอุณหภูมิเฉลี่ยอยู่ที่ 45-55 องศาเซลเซียส
ต้นหม้อข้าวหม้อแกงลิง
จากน้ำแร่ร้อนที่ไหลมาตามลำธารรวมถึงที่ผุดขึ้นมา ปัจจุบันทางอุทยานฯน้ำตกหงาวได้สร้างบ่อเก็บกักน้ำแร่ร้อนเอาไว้ และจัดสร้างเป็นพื้นที่พักผ่อน โดยมีบ่อน้ำแร่ทั้งหมด 6 บ่อ เป็นบ่อแช่ตัว 5 บ่อ แช่เท้า 1 บ่อ โดยมีการจัดตกแต่งภูมิทัศน์ยอย่างเป็นระเบียบเรียบง่าย มีสะพาน มีเขื่อนหรือฝายน้ำล้น มีบ้านพักไว้บริการ และมีจุดเดินให้ศึกษาธรรมชาติ ซึ่งที่นี่เป็นพื้นที่ที่มีความหลากหลายทางชีวภาพ มีพันธุ์ไม้แปลกหายากหลากหลาย โดยมีหม้อข้าวหม้อแกงลิงเป็นตัวชูโรงเพราะสามารถพบเจอได้ไม่ยาก

สำหรับในจุดพักผ่อนแช่เท้า แช่ตัวนั้น จุดที่ผมชอบที่สุดและเห็นว่ามีเสน่ห์เป็นอย่างยิ่งก็คือลำธารตามธรรมชาติที่มีการปรับแต่งพื้นที่เพื่อความเหมาะสม
สปาปลาบำบัดที่ลำธารพรรั้ง
ลำธารแห่งนี้เป็นลำธารตื้นๆ มีน้ำใสไหลเอื่อยๆ มีอุณหภูมิอุ่นๆ ใต้น้ำมีก้อนหินน้อยใหญ่ บางจุดเหมาะแก่การลงไปเดินนวดฝ่าเท้า ที่สำคัญคือเมื่อเดินลงไปยืนแช่น้ำนิ่งสักพัก จะมีปลาพลวงตัวเล็กตัวน้อยมาคอยตอดเท้าในลักษณะ “สปาปลาบำบัด” ที่นิยมกันมากแถวถนนข้าวสาร

แต่สปาปลาที่นี่เป็นสปาปลาธรรมชาติ ไม่มีการจับปลามาขังไว้ในตู้ ให้คอยมาทำงานรูทีนคอยตอดตีนของคนที่นำลงไปแช่

ปลาพวกนี้เป็นปลาพลวง พวกมันจะมาคอย ตอดตรงกินเซลล์ที่ตายให้หลุดไป เป็นการช่วยรักษาสุขภาพให้เรา นับเป็นสปาปลาธรรมชาติท่ามกลางสภาพแวดล้อมของป่าเขาอันร่มรื่นที่มีเสน่ห์เป็นอย่างยิ่ง และยิ่งถ้าเทียบกับค่าเข้าชมอุทยานฯเพียงแค่ 20 บาท ที่สามารถเที่ยวชมสิ่งน่าสนใจได้หลากหลายในราคานี้ การเข้ามาใช้บริการสปาปลาตามธรรมชาติที่นี่ถือว่าคุ้มเกินคุ้ม
ไข่ต้มน้ำแร่ พรรั้ง
นอกจากสปาปลาแล้วที่บ่อน้ำแร่ร้อนพรรั้งยังมีสิ่งชูโรงอีกอย่างหนึ่ง นั่นก็คือ “ไข่ต้มน้ำแร่

พี่ “กานแก้ว พิมพ์โคตร” เจ้าหน้าที่ของที่นี่เล่าให้ผมฟังว่า ไข่ต้มน้ำแร่ของที่นี่มีการค้นพบโดยบังเอิญ คือมีผู้อำนวยการโรงเรียนแห่งหนึ่งเห็นว่าน้ำแร่ที่นี่อุณหภูมิไม่สูงมาก(น้อยกว่าที่รักษะวาริน) เขาจึงลองนำไข่ไก่มาแช่ทิ้งไว้ตั้งแต่ 6 โมงเช้าถึง 6 โมงเย็น เสร็จแล้วจึงนำมากะเทาะ พบว่าไข่ที่นำลงไปต้มน้ำแร่ สุกทั้งไข่แดงไข่ขาว แต่ว่ามีลักษณะพิเศษ คือ ไข่ขาวจะไม่แข็งมีลักษณะเป็นวุ้น กินอร่อยคล้ายๆไข่ลวก แต่ไม่มีกลิ่นคาว
ไข่ต้มน้ำแร่พรรั้ง ไม่แข้งแต่กินอร่อย
จากนั้นจึงมีการจับเวลาเพื่อทำไข่ต้มน้ำแร่อย่างจริงจัง ซึ่งก็ได้สูตรว่า ถ้าต้มไข่ 12 ชั่วโมง ไข่แดงจะสุก ส่วนไข่ขาวจะเป็นน้ำใสๆ ส่วนถ้าต้มทิ้งไว้ถึง 18 ชั่วโมง ไข่แดงจะสุกและไข่ขาวจะเป็นวุ้น และมันก็ได้กลายมาเป็นเมนูไข่ต้มของที่นี่ในสนนราคาเพียงฟองละ 7 บาทเท่านั้นเอง โดยถ้าใครมาตอนเช้าๆที่นี่จะมีชากาแฟไว้บริการด้วย นอกจากนี้ก็ยังมีส้มตำไข่ต้มกับไข่ต้มยำเป็น 2 เมนูพิเศษอันชวนลิ้มลอง

และนี่ก็คือเสน่ห์ของบ่อน้ำแร่ร้อนพรรั้ง ที่นอกจากจะมีบ่อน้ำแร่ร้อน มีสปาปลาธรรมชาติให้ผ่อนคลายบำบัดแล้ว ยังมีไข่ต้มน้ำแร่ให้กินอีกด้วย

แม้ไข่ที่นี่จะไม่แข็ง แต่ว่าก็กินอร่อย
กำลังโหลดความคิดเห็น