เจ้าของร้านโทรศัพท์โอด ชุด ฉก.บุกตรวจสินค้าหนีภาษี ตัดพ้อบางที่ขายโจ๋งครึ่มไม่จับ

ปัตตานี - ชุดเฉพาะกิจอ้างจากส่วนกลางบุกตรวจร้านจำหน่ายโทรศัพท์หาของหนีภาษี ด้านผู้ประกอบการตัดพ้อ สถานการณ์ความไม่สงบรุมเร้าแล้ว ยังต้องคอยระวังชุดเฉพาะกิจอีก บางที่ขายโจ๋งครึ่ม จนท.ไม่จับ เผยที่ผู้ประกอบการต่างไม่ยอมย้ายไปไหนเพราะอยากอยู่บ้านเกิด



กลุ่มผู้ประกอบการร้านขายอุปกรณ์และโทรศัพท์มือถือในเขตพื้นที่ อ.เมือง จ.ปัตตานี ต่างผวา และพากันปิดร้านหลังมีกำลังเจ้าหน้าที่กว่า 10 นาย นำโดย พ.ต.ท.สมิทธิ สารอด หน.ชุด อ้างว่ามาจากศูนย์ปราบปรามการโจรกรรมสินค้าทางน้ำ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ศปสน.ตร.) รับผิดชอบ ภาค 8 ภาค 9 และ ศชต. ทำการบุกตรวจค้นสินค้าผิดกฎหมายและหลบหลีกภาษี ประเภทโทรศัพท์และอุปกรณ์มือถือต่างๆ

โดยผู้ประกอบการตัดพ้อว่า ตลาดกิมหยง อ.หาดใหญ่ จ.สงขลา ขายสินค้าหนีภาษีโจ๋งครึ่ม แต่เจ้าหน้าที่ไม่กล้าดำเนินการ แต่กลับมากลั่นแกล้งทำเกินกว่าเหตุกับผู้ประกอบการในพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนใต้ และบางชุดก็มักอ้างว่ามาจากส่วนกลาง มีการตรวจจับในแต่ละเดือนท่ามกลางสถานการณ์ความไม่สงบที่เกิดขึ้นรายวัน จนส่งผลกระทบกับลูกค้า และผู้ประกอบการเองก็ท้อใจอยากย้ายถิ่นฐานออกไปอยู่ภูมิภาคอื่นๆ

นายสมพร สุวรรณรัตน์ ผู้ประกอบการ กล่าวว่า อยากให้ผู้หลักผู้ใหญ่มีการตรวจสอบและดูว่าเหตุการณ์แต่ละวันนั้นมันรุมเร้าการค้าขาย และมาทำอย่างนี้ผู้ค้าจะอยู่กันอย่างไร หรืออยากให้พวกตนปิดกิจการแล้วหนีไปอยู่ กทม. ทั้งนี้ อยากให้มีการลดหย่อน เช่น ตลาดกิมหยง อ.หาดใหญ่ จ.สงขลา ที่เขายังขาย ซึ่งที่ผ่านมา ตนต้องเปิดร้านแบบบางวันไม่มีเงินจ่ายค่าแรงพนักงาน ทั้งแบบวันต่อวัน เดือนต่อเดือน

“จริงๆ แล้วการผ่อนผันเรื่องสินค้าลิขสิทธิ์หลบหลีกภาษีในพื้นที่จังหวัดชายแดนใต้แทบจะไม่มี เพราะทุกคนกลัวตรงนี้ และจากการเรียกร้องรับเงินจากกลุ่มคนที่ผ่านมาก็คิดว่ายังอยู่ได้ จึงอยากให้มองข้ามจุดเล็กๆ พวกตนเป็นเพียงผู้ประกอบการรายเล็กๆ ที่ต้องพึ่งพาอาศัยกัน แล้วเอาเวลาไปทำยังจุดอื่นที่มีประโยชน์มากกว่าการมาจับร้านเล็กๆ ที่ต่างตั้งหน้าทำมาหากิน เจ้าหน้าที่เหมือนกับว่าพวกตนเป็นฆาตกร หรือมีหมายจับเสียอีก นอกจากนี้ ก็อยากให้ผู้เกี่ยวข้องถามทุกร้านว่า ผู้ประกอบการอยู่กันอย่างไรบ้าง ซึ่งแท้จริงแล้วทุกร้านอยู่กันแทบไม่ได้ แต่เพียงทุกคนอยากอยู่บ้านเกิดเท่านั้นเอง” นายสมพร กล่าว

ผู้สื่อข่าวรายงานเพิ่มเติมว่า ขณะที่ชุดตำรวจดังกล่าวที่นำโดย พ.ต.ท.สมิทธิ สารอด ตรวจสอบร้านโทรศัพท์แห่งหนึ่งนั้น และเป็นช่วงที่มีผู้สื่อข่าวเข้าไปทำข่าวพอดี ปรากฏว่า พ.ต.ท.สมิทธิ มีท่าทีไม่พอใจที่มีนักข่าวเข้าไปทำข่าว และพยายามที่จะให้นักข่าวออกไปจากร้าน โดยบอกกับนักข่าวว่า “ผมลงพื้นที่เพื่อมาตรวจสอบสินค้าหลีกเลี่ยงภาษีตามร้านโทรศัพท์ แต่เมื่อมีสินค้าที่หลีกเลี่ยงภาษีไม่กี่ชิ้น ผมก็ไม่อยากจะยุ่ง” จากนั้นก็เดินออกไปจากร้าน

ในระหว่างนั้น ลูกน้องของ พ.ต.ท.สมิทธิ อีก 3 คน ที่รออยู่ที่ร้านโทรศัพท์อีกแห่งหนึ่งซึ่งเป็นสาขา 1 ของนายสมพร สุวรรณรัตน์ ได้รับคำสั่งจาก พ.ต.ท.สมิทธิ ให้ยึดของหลีกเลี่ยงภาษีทันที ทำให้นายสมพร เจ้าของร้านถึงกับงง จึงได้ถามตำรวจที่เป็นลูกน้องของ พ.ต.ท.สมิทธิ ว่าทำไมต้องทำแบบนี้ ปรากฏว่าได้รับคำตอบว่า “คุณเอานักข่าวมาทำข่าว นายผมมั่นไส้” ก่อนที่จะอาวาทตามร้านโทรศัพท์ใน จ.ปัตตานี จนต้องปิดร้านลงหลายร้าน