คอลัมน์ : ฝ่าเกลียวคลื่น
โดย...บรรจง นะแส
นึกไม่ถึงจริงๆ ว่าคนระดับอดีตนายกรัฐมนตรี อย่างท่านอดีตนายกรัฐมนตรีทักษิณ ชินวัตร ที่กล่าวบนเวทีของคนเสื้อแดงที่แห่กันไปจัดงานสงกรานต์ และนัดพบกับท่านที่เขมรเมื่อวันที่ 14 เมษายน ที่ผ่านมา “let it be....ช่างแม่มันๆๆ” หลุดออกมาจากปากของท่านครั้งแล้วครั้งเล่า ท่านหลุดความในใจออกมาอีกหลายประโยค ไม่ว่าการคร่ำครวญที่ไม่ได้กลับบ้านมาแล้วกว่า 5 ปี เหมือนเป็นความรู้สึกของคนเก็บกด และท่านย้ำประโยคสุดท้ายทุกคำพูดว่า “ช่างแม่มันๆๆ”
เท่าที่สังเกตก็พบว่า มีแต่นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ คนเดียวที่รับรู้ว่านายของตัวเองชักจะพลาดที่หลุดคำหยาบ คำไม่สุภาพเช่นนั้นออกมา ณัฐวุฒิ พยายามหาคำพูดมากลบเกลื่อนเพื่อแก้เกี้ยวให้แก่นายของตัวเองว่า “ในสมัยโบราณน่าจะมีการชั่งน้ำหนักของแม่ ชั่งเป็นกิโลฯๆ คำว่า ช่างแม่มันไม่ได้เป็นคำหยาบอะไร” แต่ดูเหมือนท่านอดีตนายกรัฐมนตรีทักษิณจะไปไกลเสียแล้ว คำว่า “ช่างแม่มันๆๆ” จึงพรั่งพรูออกมาจากปากท่านมิได้ขาด สุดท้าย ลิ่วล้อทั้งหลายก็ใช้คำพูด “ช่างแม่มันๆๆ” สะท้อนความรู้สึกกร่าง และมั่นใจในอำนาจที่พวกตัวเองคิดว่ามีอยู่ล้นประเทศนี้ “ใครขวางการปรองดอง...ช่างแม่มัน” “พรรคไหนขัดขวางการแก้ไขรัฐธรรมนูญ...ช่างแม่มัน” จึงตามมาเป็นระลอกๆ
ปกติคำว่า “ช่างแม่งมัน” ... “ช่างแม่มัน” ก็มีการพูดกันบ้าง แต่ก็ถือว่าไม่ใช่คำที่ใช้กันทั่วๆ ไป ก็เป็นภาษาพูดกันในหมู่เพื่อนฝูงที่ค่อนข้างสนิทสนมกัน เป็นคำพูดสื่อความหมายเชิงประชดประชันในวงแคบๆ ไม่มีใครกล้าแหกปากโพนทะนาเหมือนคำทั่วๆ ไป เพราะถือว่าเป็นคำหยาบ ไม่สุภาพ ที่ไปหยิบยกเอาเพศแม่มาด่าทอกัน...ท่านอดีตนายกฯ ทักษิณคิดยังไงที่กล้าตะโกนออกสื่ออย่างเมามันเช่นนั้น สังคมคาดหวังว่าท่านควรจะมีวุฒิภาวะมากกว่านี้ มากกว่าบุคคลปกติธรรมดาสามัญทั่วไป
การเคลื่อนไหวของอดีตนายกรัฐมนตรีทักษิณ ชินวัตร ซึ่งมีองค์ประกอบที่สำคัญคือเม็ดเงินจำนวนมหาศาลที่มีอยู่ และพลพรรคที่สวามิภักดิ์ที่คาดหวังการใช้ประโยชน์จากอดีตนายกรัฐมนตรีที่แตกต่างกัน บ้างก็เพื่ออาชีพ เพื่อความร่ำรวย บ้างก็เพื่อสนองตอบความคิดทางการเมืองที่จะนำไปสู่การเปลี่ยนแปลงทางการเมือง ตามความคิดความเชื่อ แต่ถึงวันนี้ สังคมไทยโดยรวมก็ได้ตระหนักแล้วว่า พลพรรคของอดีตนายกฯ ทักษิณ ตั้งแต่เข้ามามีอำนาจในการบริหารบ้านเมือง ก็หาได้มุ่งเป้าสู่การแก้ไขปัญหาของสังคมไทยอย่างเป็นระบบที่แท้จริงไม่ ซึ่งก็รวมถึงปัญหาความยากจนข้นแค้นของพี่น้องเกษตรกร ซึ่งก็คือมวลชนคนส่วนใหญ่ของคนเสื้อแดง ตรงกันข้าม มีความพยายามที่จะแก้ปัญหาของตนเอง ของหมู่พวก ของโครงสร้างเพื่อรองรับฐานอำนาจของพวกเขาให้กระชับยิ่งขึ้น มีอำนาจแบบเบ็ดเสร็จมากขึ้น ซึ่งก็หาใช่อำนาจของประชาชนที่แท้จริงไม่
การกล่าวอ้างความไม่ชอบธรรม ความไม่ยุติธรรมที่ตัวเอง และพวกพ้องได้รับจากกรณีรัฐประหาร การกล่าวอ้างผลพวงของการรัฐประหาร ตลอดถึงการกล่าวอ้างความชอบธรรมในการได้มาซึ่งอำนาจของพรรคเพื่อไทยในปัจจุบัน และได้ใช้อำนาจทางการเมืองการปกครองมาแล้วระยะหนึ่ง ไม่ได้หมายความว่า สังคมไทยโดยรวมจะชื่นชม หรือเห็นด้วย และสยบยอมให้มวลชนคนเสื้อแดง และพลพรรคของพรรคเพื่อไทยทำอะไรก็ได้ตามใจชอบ
การเคลื่อนไหวที่มีอดีตนายกรัฐมนตรีทักษิณเป็นหัวหอก หรือมีความพยายามสร้างให้เป็นสัญลักษณ์แห่งการต่อสู้เพื่อการปลดปล่อยประเทศไทยให้ไปสู่สิ่งที่ดีกว่า เหมือนที่แกนนำคนเสื้อแดงพยายามโฆษณาชวนเชื่อกัน และใช้เม็ดเงินจำนวนมากเพื่อสร้างมหกรรมการเคลื่อนไหวที่ยิ่งใหญ่ตระการตาอยู่เสมอๆ หาได้ทำให้สังคมไทยยอมตกเป็นตัวประกันแบบงอมืองอเท้าให้พวกท่านข่มขู่คุกคามเช่นนี้ไปเรื่อยๆ ได้หรอก แค่เห็นสัญลักษณ์ของพวกท่าน คืออดีตนายกฯ ทักษิณที่ออกมาตะโกน “ช่างแม่มันๆๆๆ” ในครั้งนี้ด้วยแล้ว แรกๆ คงมีคนอยากให้ท่านกลับมารับโทษในคุก แต่ตอนนี้หลายๆ คนบอกว่าสงสารท่าน ให้ส่งท่านไปที่ Psychaitric Hospital ดีกว่า เพราะรู้สึกสงสารท่าน....เฮ้อเวรกรรม