xs
xsm
sm
md
lg

ผู้รอดชีวิตเหตุกราดยิงมัสยิดปะนาเระเผยนาทีปลิดชีพเพื่อนบ้าน

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


สงขลา - เผยนาทีเหตุการณ์สะเทือนขวัญที่ชาวมุสลิมบ้านนาพร้าวถูกกราดยิงเสียชีวิตหน้ามัสยิดเล็กๆ ในหมู่บ้าน เมื่อคืนวันพุธที่ 11 เมษายนที่ผ่านมา ในรอบ 7 วันเกิดเหตุการณ์รุนแรง 4 เหตุ ซึ่งทำให้มีผู้เสียชีวิตไปแล้ว 4 ราย คำอธิบายซึ่งเหตุผลและแรงจูงใจของการก่อเหตุยังคงคลุมเครือเหมือนหลายเหตุการณ์ที่ผ่านมา แต่ความถี่ของเหตุและความรุนแรงที่เพิ่มมากขึ้นได้สร้างความหวาดกลัวแก่ชาวบ้านในพื้นที่

ชาวบ้านมารวมตัวกันที่มูศ็อลลา (มัสยิดขนาดเล็ก) ซาบีลุลคอยร์ที่บ้านนาพร้าว หมู่ที่ 2 ในอำเภอปะนาเระ จังหวัดปัตตานี ในเช้าวันพฤหัสบดีนี้เพื่อฝังศพ นายรอมลี หะยีดาเล็ง และนายยาลี ตาเห ชาวมุสลิมวัย 50 ปี ซึ่งถูกยิงเสียชีวิตที่มูศ็อลลาแห่งเดียวกันนี้ในคืนที่ผ่านมา

เหตุการณ์เกิดขึ้นในเวลาประมาณ 20.00 น.หลังละหมาดอิซา (ละหมาดตอนค่ำ) ที่มูศ็อลลาแห่งนี้ซึ่งค่อนข้างเปลี่ยวมีบ้านเรือนตั้งอยู่รอบๆ เพียงไม่กี่หลังคาเรือน นางเจ๊ะสะปีเยาะ โว๊ะ ภรรยาของนายรอมลีเป็นอีกคนที่บาดเจ็บสาหัสจากเหตุการณ์ดังกล่าว เธอยังคงนอนรักษาตัวอยู่ในโรงพยาบาล

นายยาแม เปาะมะ ชาวบ้านที่รอดชีวิตจากเหตุการณ์คนหนึ่งย้อนเล่าเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นว่า มีผู้ร่วมละหมาดอิซาในคืนนั้นประมาณ 20 คน หลังจากประกอบศาสนกิจเสร็จ ชาวบ้านต่างพากันแยกย้ายกลับบ้านเกือบหมด จนเหลือตนเองและชาวบ้านอีก 5 คนซึ่งกำลังรอเพื่อนบ้านคนหนึ่งกำลังปิดไฟในมัสยิดให้เรียบร้อย

หลังจากปิดไฟ มีผู้อยู่ในเหตุการณ์คนหนึ่งกำลังเข้าห้องน้ำซึ่งอยู่ด้างข้างของบริเวณมูศ็อลลา อีก 5 คนที่เหลือกำลังทยอยเดินออกมา โดยนายยาลี ตาเห เป็นคนแรกที่เดินออกจากบริเวณลานละหมาดเพื่อกลับบ้านที่อยู่ห่างจากที่เกิดเหตุเพียง 10 เมตร และเมื่อนายยาลีเดินพ้นกำแพงรั้วออกมา คนร้ายที่คาดว่าอยู่ห่างจากกำแพงไปไม่กี่เมตร หลังรถกระบะสีบรอนซ์ของรอมลีที่จอดขนานกับกำแพงมูศ็อลลาได้กราดยิงกระสุนชุดแรกด้วยปืนอาก้า ถูกนายยาลีหลายนัด นายยาลีวิ่งกลับมาด้านหลังกำแพงเพื่อหลบคนร้ายที่กำลังกราดยิง

นายอิสมาแอ เวาะเด็ง ชาวบ้านวัย 31 ปี ที่อยู่ในเหตุการณ์เล่าว่า ตนกำลังนั่งคร่อมบนรถจักรยานยนต์ที่จอดอยู่ด้านในของกำแพงเตรียมจะขับกลับบ้าน แต่ได้หยุดคุยกับนายรอมลี เมื่อได้ยินเสียงปืนชุดแรกทำให้ตนรีบหลบอยู่ข้างรถจักรยานยนต์โดยหมอบลงต่ำกับพื้น เห็นนายยาลีวิ่งมาหลบตรงต้นไม้ที่ปลูกติดกับกำแพง ตนรู้สึกว่าผู้ร้ายขยับเข้าใกล้กำแพงดังกล่าวมากขึ้นและเริ่มกราดกระสุนชุดที่สองไปยังทิศเดิม คือยิงมายังจุดที่ยาลีวิ่งเข้ามา ซึ่งในบริเวณดังกล่าวนายรอมลียืนอยู่กับภรรยาของเขา นายรอมลีถูกยิงเข้าที่บริเวณศีรษะเสียชีวิตทันที ส่วนนางเจ๊ะสะปีเยาะ ถูกยิงบริเวณลำตัว ถูกนำส่งโรงพยาบาลหลังเหตุการณ์สงบลง

“ผมนอนหมอบลงกับพื้น เห็นยาลีที่วิ่งเข้ามาหลบตรงต้นฝรั่งข้างกำแพง พอกระสุนชุดสองยิงมา รอมลีซึ่งจะวิ่งมาหลบที่กำแพงถูกยิงที่หัว ล้มลง เจ๊ะสะปีเยาะก็ถูกยิง ค่อยๆ ล้มลงเช่นกัน” นายมะแอ กาเจ ชาวบ้านวัย 65 ปี ซึ่งหลบอยู่ที่ข้างเก้าอี้หินอ่อนห่างจากจุดที่รอมลีถูกยิงประมาณ 3 เมตร เล่าด้วยท่าทีที่ยังหวาดผวาว่า

เมื่อเสียงปืนสงบลง ชาวบ้านที่อาศัยอยู่ใกล้มูศอลลาพยายามรีบนำคนเจ็บส่งโรงพยาบาล รถกระบะของรอมลีไม่อาจใช้เป็นพาหนะในการเคลื่อนย้ายคนเจ็บได้ เพราะล้อถูกกระสุนยิงจนยางแบน ยาลีเสียชีวิตระหว่างทาง

เหตุการณ์กราดยิงมัสยิดนี้เป็นความรุนแรงครั้งที่ 4 ที่เกิดขึ้นในบ้านนาพร้าวในรอบ 7 วันที่ผ่านมา วันพฤหัสที่แล้ว (5 เมษายน) คนร้ายลอบยิงสองพ่อลูกเจ้าของร้านคาร์แคร์ ทำให้นายฮะ สาเระ ซึ่งเป็นบิดา ซึ่งอายุ 63 ปีเสียชีวิต ส่วนลูกชายอายุ 26 ปีได้รับบาดเจ็บถูกยิงที่แขน

หลังเหตุมุสลิมสองพ่อลูกถูกยิง 2 วันถัดมา (7 เมษายน) นายเอกชัย ทองใหญ่ อายุ 35 ปี ชาวพุทธซึ่งเป็นลูกจ้างแขวงการทาง อ.ปะนาเระ ก็ถูกยิงเสียชีวิตขณะขี่จักรยานบนถนนซึ่งไม่ไกลจากสถานที่ที่เกิดเหตุการณ์กราดยิงมูศ็อลลามากนัก ร.ต.ท.กัมปนาท แคยิหวา ซึ่งเป็นร้อยเวรที่ดูแลคดีนี้กล่าวว่านายเอกชัยถูกยิงจากทางด้านหลัง จนรถจักรยานยนต์เสียหลักล้มลงที่พงหญ้าข้างถนน คนร้ายตามมายิงซ้ำที่ขมับขวาจนเสียชีวิต

เหตุการณ์ที่ 3 เกิดขึ้นในวันจันทร์ (9 เมษายน) คนร้ายได้ยิงช่างซ่อมรถจักรยานชาวไทยพุทธ เหตุการณ์นี้เป็นเหตุเล็กๆ ที่ไม่ได้เป็นข่าวเพราะเหยื่อบาดเจ็บเพียงเล็กน้อย ความรุนแรงได้ยกระดับขึ้นเมื่อเกิดเหตุสุดท้ายขึ้นที่มูศ็อลลา ชาวบ้านที่รอดชีวิตหลายคนยังคงงุนงงสงสัยว่าทำไมจึงเกิดเหตุการณ์เช่นนี้ขึ้นในหมู่บ้านได้ ตำรวจยังคงไม่ได้สรุปแน่ชัดว่าเหตุที่เกิดขึ้นในช่วงไม่กี่วันนี้เกี่ยวข้องกันหรือไม่ เป็นเรื่องของสถานการณ์ความไม่สงบทั้งหมดหรือไม่ และใครเป็นคนทำ

ญาติของผู้ที่เสียชีวิตคนหนึ่งกล่าวในวงอาหารหลังการทำพิธีศพเสร็จว่า “ผมคิดว่าทหารพรานทำ ...คนมุสลิมไม่ทำหรอก เขาจะไม่มีทางยิงเข้าไปในบ้านของพระเจ้า” แม้ว่านี่จะเป็นเพียงความเชื่อของชาวบ้าน แต่ก็อาจบ่งบอกได้ถึงความรู้สึกของพวกเขาที่มีต่อเจ้าหน้าที่ของรัฐที่อยู่ในพื้นที่ก็เป็นได้

อารีด้า สาเม๊าะ
โรงเรียนนักข่าวชายแดนใต้ ศูนย์เฝ้าระวังสถานการณ์ภาคใต้ (DSJ)
กำลังโหลดความคิดเห็น