ประเพณีสงกรานต์เป็นประเพณีขึ้นปีใหม่แบบเก่าของไทย ซึ่งตรงกับเวลาที่ดวงอาทิตย์ย่างเข้าสู่ราศีเมษ กำหนดตามสุริยคติ ตกวันที่ 13-14-15 เมษายน ของทุกปี เป็นประเพณีที่ยิ่งใหญ่ ที่มีนัยสำคัญอันมีคุณค่าต่อสังคม ครอบครัว ศาสนา และวัฒนธรรมที่ควรค่าแก่การสานต่อเพื่อคงไว้ซึ่งประเพณีที่ดีงาม แต่สำหรับนครศรีธรรมราช มีความหมายที่ลึกซึ้งกว่านั้นมาก ซึ่งหมายถึงความงดงามที่แฝงไปด้วยคติความเชื่อ อารยธรรมโบราณที่สืบทอดมายาวนานหลายร้อยปี หรืออาจจะถึงพันปีด้วยซ้ำ
ในวันแรกคือวันที่ 13 ชาวนครศรีธรรมราช เรียกว่า “วันเจ้าเมืองเก่า” เป็นวันส่งเจ้าเมืองเก่า เจ้าที่เจ้าทาง ภูมิบ้านเรือนองค์เก่า ชาวนครศรีธรรมราชจึงทำความสะอาดบ้านเรือน หลังจากนั้น จะร่วมกันอัญเชิญพระพุทธสิหิงค์ อันเป็นพระพุทธรูปคู่บ้านคู่เมือง หนึ่งในสามองค์ของประเทศไทยนำมาประดิษฐานที่สนามหน้าเมืองให้ประชาชนได้สักการบูชา และสรงน้ำเพื่อความเป็นสิริมงคล
ถัดมาในวันที่ 14 เมษายน ชาวนครศรีธรรมราช เรียกว่า “วันว่าง” เชื่อกันว่า เจ้าเมืองยังสถิตอยู่บนสวรรค์ ในวันนี้ไม่มีเจ้าเมืองประจำเมืองคุ้มครองรักษา รวมทั้งเทพาอารักษ์ที่รักษาสิ่งต่างๆ ในบ้านในเมือง ประชาชนจะร่วมกันทำบุญแล้วนำอาหาร และเครื่องบูชา ไปเคารพผู้อาวุโสและพระสงฆ์ ถือโอกาสนี้ขอพรรดน้ำเพื่อความเป็นสิริมงคล วันนี้จะมีการละเล่นพื้นบ้านเพื่อความรื่นเริง และสนุกสนาน
และในวันที่ 15 เมษายน จะเป็นวันเถลิงศก เรียกว่า “วันรับเจ้าเมืองใหม่” เชื่อกันว่า เจ้าเมืองที่ได้รับมอบหมายให้คุ้มครองเมืองต่างๆ ลงมาประจำเมือง ชาวเมืองจึงเตรียมการต้อนรับด้วยการแต่งกายด้วยเสื้อผ้าใหม่แล้วนำอาหารไปถวายพระที่วัด
นอกจากนั้น ยังเป็นโอกาสที่ได้ไปรดน้ำขอพรจากอาวุโสที่ตกค้าง หากว่าปีใดมีเดือนแปด 2 ครั้ง ให้ถือว่าวันว่างมี 2 วัน ดังนั้น วันที่ 13 เมษายน จึงเป็นวันมหาสงกรานต์ หรือวันส่งเจ้าเมืองเก่า และวันที่ 14 และ 15 เมษายน เป็นวันว่าง และวันที่ 16 เมษายน เป็นวันเถลิงศก หรือวันรับเจ้าเมืองใหม่
แม้ว่าจะจัดทั่วไปในประเทศไทย แต่สำหรับจังหวัดนครศรีธรรมราชนั้น จะเห็นได้ว่ามีรูปแบบแตกต่างจากจังหวัดอื่นๆ เพราะจังหวัดนครศรีธรรมราชเป็นศูนย์กลางทางการท่องเที่ยวเชิงศาสนา และวัฒนธรรมที่ยิ่งใหญ่ ทั้งทางศาสนาพุทธ และศาสนาพราหมณ์ ซึ่งมีหลักฐานชี้ชัดถึงความยิ่งใหญ่ในอดีตที่มีความเจริญรุ่งเรืองในด้านอารยธรรมอันสูงส่ง โดยเฉพาะก่อนที่ศาสนาพุทธจะมาเจริญรุ่งเรืองในดินแดนแถบนี้ ศาสนา “พราหมณ์” ได้เจริญรุ่งเรืองมาก่อนตามสัจธรรมของโลก
สิ่งสำคัญอีกอย่างคือ พระบรมธาตุเจดีย์ ซึ่งเป็นปูชนียสถานที่สำคัญ คู่บ้านคู่เมืองมีพระพุทธสิหิงค์ประดิษฐานเป็นมิ่งขวัญเมือง ซึ่งเชื่อกันว่าเป็นหนึ่งในสามองค์ของประเทศไทย ชาวจังหวัดนครศรีธรรมราช สรงน้ำพระพุทธสิหิงค์ในวันสงกรานต์ ถือเป็นประเพณีปฏิบัติที่สืบเนื่องมาแต่โบราณ
ส่วนทางด้านศาสนาพราหมณ์นั้น มีหออิศวร หอพระนารายณ์ โบราณสถานเขาคา ซึ่งเชื่อกันว่าเป็นวิมานของพระอิศวร ดังนั้น เพื่อเป็นการส่งเสริมการท่องเที่ยวให้มีสีสันมากยิ่งขึ้น การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) ร่วมกับเทศบาลนครนครศรีธรรมราช และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ได้ผนวกเอางานแห่นางดานซึ่งเป็นหนึ่งเดียวของประเทศไทยมาร่วมอยู่ในงานเทศกาลสงกรานต์ เพื่อให้ความรู้ในเรื่องประเพณีที่เก่าแก่ของศาสนาพราหมณ์ที่เข้ามาเจริญรุ่งเรืองในนครศรีธรรมราช อีกทั้งสร้างความตระหนักว่า นครศรีธรรมราชเป็นศูนย์กลางทางศาสนาที่ยิ่งใหญ่
สำหรับประเพณีแห่นางดาน หรือนางกระดาน เด็กยุคใหม่สมัยใหม่ได้ยินคำว่านางกระดานโดยเฉพาะสาวรุ่นอาจสะดุ้ง เพราะนั่นคือคำเปรียบเปรยทรวดทรงองค์เอวของหญิงสาวว่าแบนราบเหมือนกระดาน แต่ “นางดาน” หรือ “นางกระดาน” ในที่นี้ มีที่มาที่เก่าแก่ลึกซึ้ง เป็นประเพณีทางศาสนาพราหมณ์ เป็นส่วนหนึ่งของประเพณีตรียัมปวาย หรือประเพณีโล้ชิงช้า ถือเป็นการอัญเชิญเทพชั้นรอง 3 องค์ มารอรับเสด็จพระอิศวรที่จะเสด็จลงมายังโลกมนุษย์ในช่วงเดือนยี่ของทุกปี เชื่อกันว่า เป็นการประสาทพรให้มีความสุขสบาย คุ้มครองบ้านเมืองให้ปลอดภัย โดยเฉพาะอย่างยิ่งในฐานะเป็นเมืองเกษตรกร ย่อมต้องการให้พระองค์บันดาลความอุดมสมบูรณ์แก่พืชพันธุ์ธัญญาหาร เทพที่อัญเชิญรับเสด็จประกอบด้วย พระอาทิตย์พระจันทร์/พระแม่คงคา/พระแม่ธรณี เทพดังกล่าวนี้จารึก หรือแกะสลักลงบนแผ่นไม้ ชาวนครศรีธรรมราช เรียกไม้แกะสลักดังกล่าวนี้ว่า “นางกระดาน” หรือนางดาน เมื่อถึงวันพิธีก็อัญเชิญนางกระดานทั้ง 3 นี้มายังเสาชิงช้าในหออิศวร เพื่อรอรับพระอิศวรที่จะเสด็จเยี่ยมโลกมายังเสาชิงช้าดังกล่าว
และหากเรียงตามลำดับ “นางกระดาน” ไปตามศักดิ์แล้วคือ นางกระดานแผ่นที่ 1 ในขบวนแห่ นามว่าพระอาทิตย์พระจันทร์ พระอาทิตย์ หรือ พระสุริยา เป็นผู้สร้างกลางวัน เป็นผู้ให้แสงสว่างและความร้อน แก่โลกมนุษย์และดาวเคราะห์อื่นๆ ด้วยการชักรถม้าเคลื่อนไปในจักรวาลไม่มีวันหยุด ให้พลังงานแก่สรรพสิ่งที่มีชีวิตทั้งปวง ก่อให้เกิดวัฎจักรแห่งดินฟ้าอากาศเป็นฤดูกาล ถือเป็นเทพที่มีคุณูปการต่อการอยู่รอดของสรรพสัตว์ พระจันทร์ หรือ “รัชนีกร” เป็นเทพผู้สร้างกลางคืน เป็นสัญลักษณ์แห่งความอุดมสมบูรณ์ และงดงามอ่อนละมุน ถือเป็นเทพผู้อำนวยให้สิ่งมีชีวิตทั้งหลายได้พักผ่อน และผสมพันธุ์สืบมาถึงปัจจุบัน
นางกระดานแผ่น 2 นามว่าพระธรณี เทพองค์นี้ มีหน้าที่รองรับน้ำหนักของสรรพสิ่ง และพยุงสิ่งทั้งหลายสิ่งที่พระอิศวรสร้างไว้ในจักรวาลให้ดำรงอยู่เป็นเสมือนพ่อแม่ของเทพทั้งหลาย รองรับทุกอย่างโดยไม่รังเกียจ เป็นเทพผู้สะสมคุณงามความดีทั้งปวง เมื่อครั้งที่พระพรหมสร้างโลก และขอให้พระอิศวรไปรักษาโลก พระอิศวรทรงห่วงใยว่าโลกไม่แข็งแรงจึงมีการทดสอบโดยหยั่งพระบาทลงมา ซึ่งหากหยั่งทั้งสองพระบาท เกรงว่าโลกจะแตก จึงหยั่งพระบาทมาเพียงข้างเดียว
และในการนี้ มีพระธรณีได้เข้ามาทำหน้าที่รองรับพระบาทของพระอิศวรเอาไว้ จากพุทธประวัติได้กล่าวถึงเกียรติคุณพระธรณีอยู่ตอนหนึ่งว่า เมื่อวันเพ็ญเดือนหกก่อนพุทธกาล พระยาวัตดีมารมาขัดขวางมิให้พระสิทธัตถะตรัสรู้อนุตตรสัมมาสัมโพธิญาณ มีการโต้เถียงทวงสิทธิ์โพธิบัลลังก์กัน พญามารจึงให้รี้พลย่ำยีพระสิทธัตถะ หวังให้พระสิทธัตถะลุกหนี หรือม้วยมรณ์ เหตุการณ์นี้ พระธรณีได้สดับอยู่ เห็นจริงว่าพระสิทธัตถะมีเจตนากระทำเพื่อมวลมนุษย์โดยแท้ จึงปรากฏกายขึ้นข้างบัลลังก์ใต้ร่มโพธิ์ที่พระสิทธัตถะประทับแล้วก็ปิดน้ำในโมฬีแห่งตน กระแสชลก็หลั่งไหลออกจากเกศาแห่งพระธรณี นองท่วมประดุจห้วงมหาสมุทร ในที่สุดเสนามารก็ตาย พระสิทธัตถะจึงสำเร็จอนุตตรสัมมาสัมโพธิญาณ
กระดานแผ่น 3 นามว่าพระคงคา เทพองค์นี้เป็นธิดาองค์แรกของพระหิมวัตกับนางเมนา พระสวามีของพระคงคาคือพระอิศวร พระคงคาเป็นเทพผู้อำนวยความชุ่มฉ่ำสมบูรณ์ให้แก่สรรพสิ่ง แต่เดิมอยู่บนสวรรค์ เพิ่งจะลงมาสู่โลกมนุษย์ในครั้งที่ท้าวภคีรถสำเร็จการพิธีอัญเชิญให้ลงมาชำระอัฐิโอรสท้าวสัคระที่ถูกท้าวกบิลบันดาลด้วยฤทธิ์เป็นเพลิงไหม้ตาย จึงจำเป็นต้องใช้น้ำจากพระคงคาบนสวรรค์มาชำระอัฐิ จึงจะหมดบาปไปบังเกิดในสวรรค์ได้อีก
ภายในขบวนแห่จะจัดขึ้นอย่างวิจิตรงดงาม ตลอดทั้งเมืองนครศรีธรรมราช ที่มีขบวนเสด็จผ่านจะถูกปิดการจราจรปิดระบบไฟฟ้าส่องสว่าง จนมืด และเงียบสงัดทั้งเมือง ก่อนที่ขบวนแห่จะเริ่มขึ้นด้วยการบวงสรวงเทพยดาผู้ปกปักรักษาเมือง พระอิศวร พระนารายณ์ แล้วขบวนจะเริ่มอย่างพราหมณ์จากสนามหน้าเมืองนครศรีธรรมราช สู่บริเวณหอพระอิศวร หอพระนารายณ์ แล้วจึงเริ่มประกอบพิธีโล้ชิงช้าตามความเชื่อสร้างความอุดมสมบูรณ์ให้ผืนแผ่นดิน
ประเพณีนี้เดิมนั้นเป็นประเพณีที่ถือเป็นความสำคัญ และศักดิ์สิทธิ์อย่างยิ่งในขบวนแม้ว่าหากมีสัตว์ หรือคนเดินตัดผ่านขบวนแห่ จะต้องหยุดขบวนเลิกไปโดยทันที แต่สมัยนี้ด้วยความยุคสมัยใหม่การแห่แหนจึงเน้นความอลังการ สวยงาม อนุรักษ์ประเพณีโบราณเมืองแห่งพราหมณ์คือ นครศรีธรรมราชนั่นเอง