xs
xsm
sm
md
lg

“เฉลิม” ยันไม่เลือกปฏิบัติ ใครหมิ่นสถาบันฯ ผ่านเว็บถูกลงโทษหมด

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง (แฟ้มภาพ)
“เฉลิม” ยันไม่ปกป้องคนทำผิด ไม่ว่าจะเป็นคนที่เลือกพรรคเพื่อไทยหรือไม่ หากทำผิด กม.เผยแพร่ข้อความหมิ่นสถาบันฯผ่านเว็บ ถูกปิดและลงโทษทั้งหมด


วันนี้ (12 ม.ค.) ที่รัฐสภา คณะกรรมาธิการการสื่อสารและโทรคมนาคม ซึ่งมี ร.ท.ปรีชาพล พงษ์พานิช เป็นประธานคณะกรรมาธิการ ได้เชิญ ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง รองนายกรัฐมนตรี ในฐานะประธานคณะกรรมการอำนวยการกำหนดนโยบายเพื่อเป็นการป้องกันและปราบปรามการนำเสนอข้อมูลข่าวสารที่ผิดกฎหมายและหรือไม่เหมาะสมผ่านระบบเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร เข้าชี้แจงต่อคำถามของนายศิริโชค โสภา ส.ส.สงขลา พรรคประชาธิปัตย์ ในฐานะกรรมาธิการที่ปรึกษา ถึงกรณีการปราบปรามเว็บไซต์ที่หมิ่นต่อสถาบันและกระทบต่อความมั่นคงของประเทศ

ทั้งนี้ ร.ต.อ.เฉลิมได้นำคณะทำงานอย่างเช่น พล.ต.อ.วรพงษ์ ชิวปรีชา ในฐานะเลขานุการคณะกรรมการอำนวยการกำหนดนโยบายการป้องกันและปราบปรามการสำเสนอข้อมูลข่าวสารที่ผิดกฎหมายหรือไม่เหมาะสมผ่านระบบเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร หรือเว็บหมิ่นฯ ร่วมเข้าชี้แจงด้วย

ร.ต.อ.เฉลิมกล่าวว่า เรื่องนี้จะต้องมีการบูรณาการหลายหน่วยงานเข้าด้วยกัน อย่างเช่น ฝ่ายทหาร เพราะมีหน่วยเทคโนโลยี กระทรวงไอซีที กระทรวงมหาดไทย กระทรวงการต่างประเทศ หน่วยงานด้านความมั่นคง เพื่อเข้าร่วมงานกันในการปราบปรามการกระทำผิดเหล่านี้

ด้าน พล.ต.อ.วรพงษ์กล่าวว่า คณะทำงานได้มีการกำหนดกรอบในการทำงาน เนื่องจากการเผยแพร่ข้อมูลต่างๆ ผ่านระบบอินเทอร์เน็ตเป็นการสื่อสารที่รวดเร็วมากในการกระจายข้อมูล เพราะฉะนั้นเรื่องนี้จึงเป็นปัญหาหลักในการจัดการกับผู้กระทำผิด ยกตัวอย่างเช่น เว็บไซต์เฟซบุ๊ก จึงต้องมีการเฝ้าระวังตลอด ซึ่งปัจจุบันได้มีการล็อกที่อยู่หรือ URL ที่มีการเผยแพร่ข้อมูลหมิ่นสถาบันไปว่า 5,000 URL แล้ว แต่ผู้กระทำผิดก็ยังมีการไปเปิดที่อยู่อื่นๆ ต่อไปอีก ซึ่งทางคณะทำงานจะมุ่งเน้นปิดกั้นให้เร็วที่สุดหลังตรวจพบจะดำเนินการทันที ซึ่งปัจจุบันมีการปิดเว็บไซต์ไปแล้ว 757 URL และอยู่ระหว่างการสืบสวนอีก 1,439 คดี ซึ่งในอนาคตจะเขียนเว็บไซต์ขึ้นมาเพื่อเฝ้าระวังและติดตามเว็บไซต์ที่ไม่เหมาะสม โดยจะลดเวลาในการส่งศาลดำเนินคดีทันที

พล.ต.อ.วรพงษ์กล่าวว่า ส่วนกรณีการจับตัวผู้ต้องหานั้น หากผู้กระทำผิดเป็นมือสมัครเล่นก็จะทิ้งร่องลอยเอาไว้ในประเทศค่อนข้างเยอะแต่บางกลุ่มผู้กระทำผิดเป็นมืออาชีพ หรือกระทำการที่ต่างประเทศ ทำให้เราไม่สามารถตามจับตัวผู้กระทำผิดได้

ด้าน นายศิริโชคกล่าวว่า สังคมได้ตั้งข้อสังเกตต่อเรื่องนี้พอสมคสร แล้ววันนี้ทางผู้เกี่ยวข้องก็ยอมรับแล้วว่า การขอหมายศาลเพื่อนำมาปิดที่อยู่ของเว็บไซต์ที่กระทำผิดกฎหมายนั้น สามารถทำได้ยาก ข้อมูลที่ได้มาตรงนี้จึงถือว่าขัดต่อการเปิดเผยของกระทรวงไอซีทีว่ามีการปิดเว็บไซต์จำนวนมาก ตนได้ติดตามเว็บไซค์ที่เข้าข่ายผิดกฎหมายอาญามาตรา 112 มาเป็นระยะเวลา 1 เดือน ก็คือเว็บไซต์ของหน่วยงานลับแดงใต้ดิน ซึ่งที่ผ่านมาได้มีคนแจ้งไปยังกระทรวงไอซีทีแล้ว แต่ก็ยังไม่เห็นว่าจะมีการปิดหรือดำเนินการในเว็บไซค์ดังกล่าว โดยเว็บดังกล่าวได้รวบรวมบุคคลที่เป็นผู้กระทำผิดในข่ายเดียวกันเยอะมาก นอกจากนี้เนื้อหาในเว็บ ก็มีการระบุไปถึง ร.ต.อ.เฉลิมด้วยว่าหากมีการทำงานที่มาคุกคามพวกตน ก็จะไม่เอาด้วยทันที ทั้งนี้เว็บดังกล่าวยังมีสมาชิกของพรรคเพื่อไทยเป็นแฟนเพจอยู่ด้วย ตนจึงมีความเป็นห่วงว่าเว็บดังกล่าวจะไม่ถูกดำเนินกฎหมาย

ร.ต.อ.เฉลิมจึงชี้แจงต่อกรณีนี้ว่า การดำเนินการและนโยบายการปราบปรามเว็บไซต์หมิ่นสถาบันนั้น ที่ผ่านมาการดำเนินการจัดการอาจไม่ต่อเนื่องและไม่ครอบคลุมไปยังต่างประเทศ เพราะเว็บไซต์ส่วนหนึ่งได้มีการตั้งขึ้นที่ต่างประเทศ แต่ตนยืนยันไม่มีการยกเว้นเว็บไซต์ใด ไม่ว่าจะเป็นกลุ่มใดก็จะดำเนินการทันที เพราะไม่ว่าจะเลือกพรรคเพื่อไทยหรือไม่ ตนไม่สนใจ หากมีการทำผิดกฎหมาย สำหรับกลุ่มแดงใต้ดิน ตนยอมรับว่ามีความรักใคร่ชอบพอส่วนตัว แต่สำหรับกิจกรรมต่างๆ ตนไม่เคยเข้าร่วม ซึ่งในขณะนี้ตนมีหน้าที่ต้องรับผิดชอบในด้านนี้ก็ต้องทำไปตามหน้าที่เช่นกัน ทั้งนี้ ตนมีแนวคิดที่จะแก้ไขกฎหมายอาญาบางมาตราว่าห้ามบุคคลหนึ่งกล่าวหาว่าบุคคลอื่นไม่จงรักภักดี และห้ามบอกว่าตนเองจงรักภักดีมากกว่าคนอื่น หากฝ่าฝืนต้องโทษจำคุก 5ปี ซึ่งตนต้องเอาแนวคิดนี้ไปพูดคุยกับกฤษฎีกาก่อน

ร.ต.อ.เฉลิมกล่าวต่อว่า เรื่องความจงรักภักดีนั้น ตนเชื่อว่าคนไทยทุกคนมีความจงรักภักดี สำหรับตนเคยเป็นตำรวจมาก่อน ตั้งแต่สมัยที่ตอนปิดถนน ตำรวจต้องหันหลังให้กับขบวนเสด็จ เพราะฉะนั้นเรื่องความจงรักภักดีนั้น ตนเชื่อว่าไม่มีใครที่ไม่มี ตนจึงยอมให้เกิดเรื่องการหมิ่นสถาบันไม่ได้ ซึ่งทางนายกรัฐมนตรีก็สอบถามความคืบหน้าต่อเรื่องนี้อย่างต่อเนื่องด้วย ส่วนที่นายศิริโชคมองว่า การดำเนินการนั้นมีความล่าช้านั้น ตนไม่ได้แก้ตัว แต่การแก้ไขปัญหาที่ผ่านมาไม่ได้มีการบูรณาการ ซึ่งตนก็เพิ่งเข้ามารับหน้าที่เพียงแค่ 2 สัปดาห์ แต่ก็มั่นใจว่าจะสามารถปราบปรามให้เว็บหมิ่นสถาบันลดน้องลงที่สุด

นายศิริโชคยังตั้งข้อสังเกตถึงคดีของนายจักรภพ เพ็ญแข ว่ามีการดำเนินคดีล่าช้า เพราะผ่านมา 2 ปี ยังไม่มีความคืบหน้า ทั้งที่มีการจับกุมผู้กระทำผิดกรณีเฟซบุ๊กของนายกรัฐมนตรีได้อย่างรวดเร็ว ซึ่งเจ้าหน้าที่ตำรวจที่รับผิดชอบต่อคดีนี้ได้ชี้แจงว่า คดีของนายจักรภพขณะนี้อยู่ระหว่างการพิจารณาของอัยการ และมีการสอบสวนข้อมูลเพิ่มเติม พร้อมขอความร่วมมือไปยังประชาชนหากพบเห็นเว็บไซต์ที่ไม่เหมาะสมก็อย่าทำสำเนาส่งต่อ ไม่ติดตามและไม่เข้าไปแสดงความคิดเห็นใด แต่หากอยากจะชื่มชมพระบารมีก็ให้เข้าไปในเว็บไชต์ที่ถูกต้อง อาทิ เว็บไซต์ welovetheking
กำลังโหลดความคิดเห็น