ระนอง - ชาวบ้านเขานางหงส์หนุนให้ ทต.ปากน้ำท่าเรือ จ.ระนอง รับท่าเทียบเรือศุลกากรมาพัฒนาเป็นท่าเรือท่องเที่ยว และการค้าชายแดน
ที่เทศบาลตำบลปากน้ำท่าเรือ จ.ระนอง ได้จัดให้มีการประชุมประชาพิจารณ์เรื่องการนำท่าเทียบเรือด่านศุลกากรระนอง มาพัฒนาเป็นท่าเทียบเรือเพื่อการท่องเที่ยว และการค้าชายแดนมีนายสุรชัย วิศวเมธี นายกเทศมนตรีตำบลปากน้ำท่าเรือ เป็นประธาน โดยมีนางนฤมล ขรภูมิ ประธานหอการค้า นายอำมฤต สวัสดิกุล ผู้อำนวยการส่วนบริการทางศุลกากร และนายพงศธร พงษ์พิพัฒน์ เจ้าหน้าที่จัดผลประโยชน์ ชำนาญการ สำนักงานธนารักษ์พื้นที่ระนอง ร่วมชี้แจงและตอบข้อซักถามจากประชาชน
นายสุรชัย วิศวเมธี นายกเทศมนตรีตำบลปากน้ำท่าเรือ เปิดเผยว่า จังหวัดระนองโดยคณะกรรมการพัฒนาและบริหารจัดการท่าเทียบเรือเพื่อส่งเสริมการท่องเที่ยว และการค้าชายแดนจังหวัดระนอง ได้มีมติที่ประชุมมอบหมายให้เทศบาลตำบลปากน้ำท่าเรือ อ.เมือง จ.ระนอง นำท่าเทียบเรือด่านศุลกากรระนองมาพัฒนาเป็นท่าเทียบเรือเพื่อการท่องเที่ยว และการค้าชายแดน
จึงจำเป็นต้องจัดทำประชาพิจารณ์ เพื่อรับฟังความคิดเห็นจากประชาชนว่าเห็นด้วยกับมติของคณะกรรมการพัฒนาและบริหารจัดการท่าเทียบเรือเพื่อส่งเสริมการท่องเที่ยว และการค้าชายแดนจังหวัดระนองหรือไม่ ซึ่งปรากฎว่า ประชาชนที่เข้าร่วมประชาพิจารณ์ส่วนใหญ่เห็นด้วยกับนโยบายของจังหวัด เพราะจะส่งผลดีต่อการท่องเที่ยว การสร้างงานสร้างอาชีพให้แก่ประชาชน แต่ต้องให้ภาคประชาชนเข้าไปมีส่วนร่วมในการบริหารจัดการด้วย อีกทั้งต้องจัดสรรพื้นที่ส่วนหนึ่งไว้สำหรับชาวบ้านในชุมชนบ้านเขานางหงส์ด้วย
ด้านนางนฤมล ขรภูมิ ประธานหอการค้าจังหวัดระนอง กล่าวว่า การพัฒนาเศรษฐกิจให้ยั่งยืนได้ต้องให้ประชาชนเข้ามามีส่วนร่วม ซึ่งหอการค้าระนองพร้อมที่จะปกป้องผลประโยชน์ของประชาชนเป็นอันดับแรก
ขณะที่นายอำมฤต สวัสดิกุล ผู้อำนวยการส่วนบริการทางศุลกากร กล่าวว่า ท่าเทียบเรือศุลกากรระนองใช้งบก่อสร้าง 85 ล้านบาท ตัวสะพานยาว 344 เมตร กว้าง 10 เมตร พร้อมทั้งทางเดินเท้ามีหลังคากันแดดกว้าง 2 เมตร ปลายท่าเรือได้ก่อสร้างประภาคารความสูง 48.5 เมตร สูง 9 ชั้น ด้านบนสุดของประภาคารเป็นจุดชมวิว สามารถมองเห็นทิวทัศน์อันสวยงามของทะเลอันดามัน และประเทศเมียนมาร์ แต่ปัจจุบัน การใช้ประโยชน์จากท่าเทียบเรือดังกล่าวใช้เฉพาะทางราชการเท่านั้น ซึ่งถือว่ายังไม่คุ้มค่ากับงบประมาณที่ได้ลงทุนไป กรมศุลกากรจึงเห็นควรให้จังหวัดระนองได้ใช้ท่าเทียบเรือดังกล่าวเพื่อการท่องเที่ยว และการค้าชายแดนด้วย
ที่เทศบาลตำบลปากน้ำท่าเรือ จ.ระนอง ได้จัดให้มีการประชุมประชาพิจารณ์เรื่องการนำท่าเทียบเรือด่านศุลกากรระนอง มาพัฒนาเป็นท่าเทียบเรือเพื่อการท่องเที่ยว และการค้าชายแดนมีนายสุรชัย วิศวเมธี นายกเทศมนตรีตำบลปากน้ำท่าเรือ เป็นประธาน โดยมีนางนฤมล ขรภูมิ ประธานหอการค้า นายอำมฤต สวัสดิกุล ผู้อำนวยการส่วนบริการทางศุลกากร และนายพงศธร พงษ์พิพัฒน์ เจ้าหน้าที่จัดผลประโยชน์ ชำนาญการ สำนักงานธนารักษ์พื้นที่ระนอง ร่วมชี้แจงและตอบข้อซักถามจากประชาชน
นายสุรชัย วิศวเมธี นายกเทศมนตรีตำบลปากน้ำท่าเรือ เปิดเผยว่า จังหวัดระนองโดยคณะกรรมการพัฒนาและบริหารจัดการท่าเทียบเรือเพื่อส่งเสริมการท่องเที่ยว และการค้าชายแดนจังหวัดระนอง ได้มีมติที่ประชุมมอบหมายให้เทศบาลตำบลปากน้ำท่าเรือ อ.เมือง จ.ระนอง นำท่าเทียบเรือด่านศุลกากรระนองมาพัฒนาเป็นท่าเทียบเรือเพื่อการท่องเที่ยว และการค้าชายแดน
จึงจำเป็นต้องจัดทำประชาพิจารณ์ เพื่อรับฟังความคิดเห็นจากประชาชนว่าเห็นด้วยกับมติของคณะกรรมการพัฒนาและบริหารจัดการท่าเทียบเรือเพื่อส่งเสริมการท่องเที่ยว และการค้าชายแดนจังหวัดระนองหรือไม่ ซึ่งปรากฎว่า ประชาชนที่เข้าร่วมประชาพิจารณ์ส่วนใหญ่เห็นด้วยกับนโยบายของจังหวัด เพราะจะส่งผลดีต่อการท่องเที่ยว การสร้างงานสร้างอาชีพให้แก่ประชาชน แต่ต้องให้ภาคประชาชนเข้าไปมีส่วนร่วมในการบริหารจัดการด้วย อีกทั้งต้องจัดสรรพื้นที่ส่วนหนึ่งไว้สำหรับชาวบ้านในชุมชนบ้านเขานางหงส์ด้วย
ด้านนางนฤมล ขรภูมิ ประธานหอการค้าจังหวัดระนอง กล่าวว่า การพัฒนาเศรษฐกิจให้ยั่งยืนได้ต้องให้ประชาชนเข้ามามีส่วนร่วม ซึ่งหอการค้าระนองพร้อมที่จะปกป้องผลประโยชน์ของประชาชนเป็นอันดับแรก
ขณะที่นายอำมฤต สวัสดิกุล ผู้อำนวยการส่วนบริการทางศุลกากร กล่าวว่า ท่าเทียบเรือศุลกากรระนองใช้งบก่อสร้าง 85 ล้านบาท ตัวสะพานยาว 344 เมตร กว้าง 10 เมตร พร้อมทั้งทางเดินเท้ามีหลังคากันแดดกว้าง 2 เมตร ปลายท่าเรือได้ก่อสร้างประภาคารความสูง 48.5 เมตร สูง 9 ชั้น ด้านบนสุดของประภาคารเป็นจุดชมวิว สามารถมองเห็นทิวทัศน์อันสวยงามของทะเลอันดามัน และประเทศเมียนมาร์ แต่ปัจจุบัน การใช้ประโยชน์จากท่าเทียบเรือดังกล่าวใช้เฉพาะทางราชการเท่านั้น ซึ่งถือว่ายังไม่คุ้มค่ากับงบประมาณที่ได้ลงทุนไป กรมศุลกากรจึงเห็นควรให้จังหวัดระนองได้ใช้ท่าเทียบเรือดังกล่าวเพื่อการท่องเที่ยว และการค้าชายแดนด้วย