ศูนย์ข่าวภูเก็ต - ตร.ภูธรภาค 8 เรียกผู้ประกอบการโรงแรม-ห้างสรรพสินค้า ประชุมร่วมกำหนดมาตรการป้องกันเหตุร้าย ชวนสร้างกระแสตื่นตัวป้องกันเหตุ เน้นอาศัยความร่วมมือทุกภาค เชื่อคนร้ายไม่สามารถเข้ามาก่อเหตุได้ถ้าไม่ได้รับความร่วมมือจากคนในพื้นที่ ขณะที่มาตรการของเจ้าหน้าที่เน้นเพิ่มความเข้มข้นในการตรวจสอบทุกรูปแบบ
วันนี้ (3 เม.ย.) ที่ห้องประชุมสถานีตำรวจภูธรเมืองภูเก็ต พล.ต.ต.วีรพงษ์ ชื่นภักดี รองผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 8 เป็นประธานการประชุมร่วมระหว่างเจ้าหน้าที่ตำรวจภูธรภาค 8 และผู้ประกอบการโรงแรม–ห้างสรรพสินค้า รวมทั้งเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัย หน่วยงานราชการที่เกี่ยวข้อง อาสาสมัคร เพื่อหารือมาตรการป้องกันการก่อวินาศกรรมสถานที่สำคัญ แหล่งท่องเที่ยว และจุดเสี่ยงต่างๆ โดยมีผู้บังคับการตำรวจภูธร รองผู้บังคับการตำรวจภูธร และผู้กำกับการสถานีตำรวจภูธรในพื้นที่ตำรวจภูธรภาค 8 รวมทั้งเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัย อาสาสมัคร ผู้นำศาสนา และหน่วยงานต่างๆ ที่เกี่ยวข้องเข้าร่วมประชุมจำนวนมาก
พล.ต.ต.วีรพงษ์ กล่าวว่า ในการประชุมในครั้งนี้เพื่อร่วมกันหารือถึงมาตรการในการป้องกันเหตุร้ายในพื้นที่แหล่งท่องเที่ยว โดยเฉพาะภูเก็ต ซึ่งเป็นแหล่งท่องเที่ยวที่สำคัญของประเทศ เป็นไข่แดงของอันดามัน ซึ่งในส่วนของทางเจ้าหน้าที่ตำรวจนั้นได้มีการกำหนดมาตรการในการดำเนินการไว้แล้ว โดยการเพิ่มความเข้มในการดำเนินการป้องกันเหตุร้ายเพิ่มขึ้นจากช่วงปกติ ซึ่งมาตรการในการดำเนินการของเจ้าหน้าที่ตำรวจที่จะดำเนินการทันที กำหนดไว้ 5 มาตรการด้วยกัน เพื่อสร้างความเชื่อมั่นให้เกิดขึ้นแก่ประชาชน และนักท่องเที่ยว รวมทั้งเพื่อป้องกัน และปราบปรามไม่ให้เกิดเหตุร้ายขึ้นในพื้นที่ เพราะตนเชื่อว่าคนภูเก็ตไม่ต้องการที่จะให้เกิดเหตุร้ายขึ้นในพื้นที่อย่างแน่นอน การออกมาดำเนินการในครั้งนี้ไม่ใช่เป็นการสร้างกระแสให้ตื่นกลัว แต่เป็นการสร้างกระแสเพื่อให้เกิดความร่วมมือในการป้องกันไม่ให้เกิดเหตุร้ายขึ้น
สำหรับมาตรการในการดำเนินการทันที ของทางเจ้าหน้าที่ตำรวจทุกสถานีในพื้นที่ตำรวจภูธรภาค 8 รวมทั้งตำรวจน้ำ ตำรวจท่องเที่ยว ตำรวจตรวจคนเข้าเมือง ประกอบด้วย มาตรการด้านการข่าว ตำรวจทุกหน่วยจะลงพื้นที่ในการหาข่าวที่เข้มข้นขึ้น มาตรการด้านข้อมูลข่าวสาร จะพัฒนาข้อมูล 3 มิติ โดยจะต้องจัดทำข้อมูลชาวต่างชาติที่เกี่ยวกับขบวนการ หรือแก๊งต่างๆ ข้อมูลคนไทยที่เข้าไปพัวพันให้การสนับสนุน ข้อมูลวิเคราะห์ในระบบ GPS เพื่อให้ง่ายต่อการติดตามล็อกตัวบุคคล
มาตรการในการเฝ้าระวัง ต้องยกระดับ และเพิ่มความเข้มในการดำเนินการมากขึ้น โดยการเพิ่มกำลังตำรวจทั้งในระดับตัวบุคคล ชุดปฏิบัติการ การตรวจ การเพิ่มความถี่ในการตรวจ เน้นการตรวจเข้มในทุกเส้นทเพื่อสกัดกั้นกลุ่มคนร้าย มาตรการการระงับเหตุ ซึ่งเรื่องนี้จะต้องมีการฝึกซ้อมเพื่อให้เจ้าหน้าที่มีความพร้อมอยู่ตลอดเวลา เพื่อสร้างความเชื่อมั่นให้แก่ประชาชน และนักท่องเที่ยว รวมทั้งเพื่อลดความสับสนของเจ้าหน้าที่ ซึ่งการซ้อมแผนนั้นจะทำให้เจ้าหน้าที่ตื่นตัวอยู่ตลอดเวลา
และมาตรการสุดท้าย คือ มาตรการการปฏิบัติการประชาสัมพันธ์ และการสร้างแนวร่วมให้แก่ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจ ซึ่งมาตรการนี้จะต้องเร่งดำเนินการอย่างเร่งด่วนที่สุด เพราะการดูแลรักษาความปลอดภัยตามที่ต่างๆ นั้นจะอาศัยเฉพาะเจ้าหน้าที่ไม่ได้ จะต้องอาศัยความร่วมมือจากประชาชน และกลุ่มต่างๆ ด้วย ทั้งอาสาสมัคร มูลนิธิ เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยโรงแรม/ห้างสรรพสินค้า และอื่นๆ ซึ่งในเร็วๆ นี้จะมีการจัดอบรมให้ความรู้แก่เจ้าหน้าที่ รปภ.ของสถานที่ต่างๆ ด้วย โดยเน้นเรื่องของการตรวจสอบ การสังเกต การจดจำบุคคล และอื่นๆ เพื่อเข้ามามีส่วนในการช่วยเหลือป้องกันเหตุร้าย นอกจากนั้น ในส่วนของชุมชนต่างๆ ก็จะต้องช่วยกันสังเกตบุคคลแปลกหน้าที่เข้ามาในพื้นที่ให้ดี เพราะการที่คนร้ายจะเข้ามาก่อเหตุนั้นไม่ใช่เข้ามาก่อเหตุแล้วหนีออกไปเลย แต่คนเหล่านี้จะเข้ามาฝังตัวอยู่ในพื้นที่สักระยะหนึ่งก่อนถึงจะปฏิบัติการ และที่สำคัญเชื่อว่าคนเหล่านี้จะไม่สามารถปฏิบัติการได้ถ้าไม่ได้รับความร่วมมือจากคนในพื้นที่
วันนี้ (3 เม.ย.) ที่ห้องประชุมสถานีตำรวจภูธรเมืองภูเก็ต พล.ต.ต.วีรพงษ์ ชื่นภักดี รองผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 8 เป็นประธานการประชุมร่วมระหว่างเจ้าหน้าที่ตำรวจภูธรภาค 8 และผู้ประกอบการโรงแรม–ห้างสรรพสินค้า รวมทั้งเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัย หน่วยงานราชการที่เกี่ยวข้อง อาสาสมัคร เพื่อหารือมาตรการป้องกันการก่อวินาศกรรมสถานที่สำคัญ แหล่งท่องเที่ยว และจุดเสี่ยงต่างๆ โดยมีผู้บังคับการตำรวจภูธร รองผู้บังคับการตำรวจภูธร และผู้กำกับการสถานีตำรวจภูธรในพื้นที่ตำรวจภูธรภาค 8 รวมทั้งเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัย อาสาสมัคร ผู้นำศาสนา และหน่วยงานต่างๆ ที่เกี่ยวข้องเข้าร่วมประชุมจำนวนมาก
พล.ต.ต.วีรพงษ์ กล่าวว่า ในการประชุมในครั้งนี้เพื่อร่วมกันหารือถึงมาตรการในการป้องกันเหตุร้ายในพื้นที่แหล่งท่องเที่ยว โดยเฉพาะภูเก็ต ซึ่งเป็นแหล่งท่องเที่ยวที่สำคัญของประเทศ เป็นไข่แดงของอันดามัน ซึ่งในส่วนของทางเจ้าหน้าที่ตำรวจนั้นได้มีการกำหนดมาตรการในการดำเนินการไว้แล้ว โดยการเพิ่มความเข้มในการดำเนินการป้องกันเหตุร้ายเพิ่มขึ้นจากช่วงปกติ ซึ่งมาตรการในการดำเนินการของเจ้าหน้าที่ตำรวจที่จะดำเนินการทันที กำหนดไว้ 5 มาตรการด้วยกัน เพื่อสร้างความเชื่อมั่นให้เกิดขึ้นแก่ประชาชน และนักท่องเที่ยว รวมทั้งเพื่อป้องกัน และปราบปรามไม่ให้เกิดเหตุร้ายขึ้นในพื้นที่ เพราะตนเชื่อว่าคนภูเก็ตไม่ต้องการที่จะให้เกิดเหตุร้ายขึ้นในพื้นที่อย่างแน่นอน การออกมาดำเนินการในครั้งนี้ไม่ใช่เป็นการสร้างกระแสให้ตื่นกลัว แต่เป็นการสร้างกระแสเพื่อให้เกิดความร่วมมือในการป้องกันไม่ให้เกิดเหตุร้ายขึ้น
สำหรับมาตรการในการดำเนินการทันที ของทางเจ้าหน้าที่ตำรวจทุกสถานีในพื้นที่ตำรวจภูธรภาค 8 รวมทั้งตำรวจน้ำ ตำรวจท่องเที่ยว ตำรวจตรวจคนเข้าเมือง ประกอบด้วย มาตรการด้านการข่าว ตำรวจทุกหน่วยจะลงพื้นที่ในการหาข่าวที่เข้มข้นขึ้น มาตรการด้านข้อมูลข่าวสาร จะพัฒนาข้อมูล 3 มิติ โดยจะต้องจัดทำข้อมูลชาวต่างชาติที่เกี่ยวกับขบวนการ หรือแก๊งต่างๆ ข้อมูลคนไทยที่เข้าไปพัวพันให้การสนับสนุน ข้อมูลวิเคราะห์ในระบบ GPS เพื่อให้ง่ายต่อการติดตามล็อกตัวบุคคล
มาตรการในการเฝ้าระวัง ต้องยกระดับ และเพิ่มความเข้มในการดำเนินการมากขึ้น โดยการเพิ่มกำลังตำรวจทั้งในระดับตัวบุคคล ชุดปฏิบัติการ การตรวจ การเพิ่มความถี่ในการตรวจ เน้นการตรวจเข้มในทุกเส้นทเพื่อสกัดกั้นกลุ่มคนร้าย มาตรการการระงับเหตุ ซึ่งเรื่องนี้จะต้องมีการฝึกซ้อมเพื่อให้เจ้าหน้าที่มีความพร้อมอยู่ตลอดเวลา เพื่อสร้างความเชื่อมั่นให้แก่ประชาชน และนักท่องเที่ยว รวมทั้งเพื่อลดความสับสนของเจ้าหน้าที่ ซึ่งการซ้อมแผนนั้นจะทำให้เจ้าหน้าที่ตื่นตัวอยู่ตลอดเวลา
และมาตรการสุดท้าย คือ มาตรการการปฏิบัติการประชาสัมพันธ์ และการสร้างแนวร่วมให้แก่ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจ ซึ่งมาตรการนี้จะต้องเร่งดำเนินการอย่างเร่งด่วนที่สุด เพราะการดูแลรักษาความปลอดภัยตามที่ต่างๆ นั้นจะอาศัยเฉพาะเจ้าหน้าที่ไม่ได้ จะต้องอาศัยความร่วมมือจากประชาชน และกลุ่มต่างๆ ด้วย ทั้งอาสาสมัคร มูลนิธิ เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยโรงแรม/ห้างสรรพสินค้า และอื่นๆ ซึ่งในเร็วๆ นี้จะมีการจัดอบรมให้ความรู้แก่เจ้าหน้าที่ รปภ.ของสถานที่ต่างๆ ด้วย โดยเน้นเรื่องของการตรวจสอบ การสังเกต การจดจำบุคคล และอื่นๆ เพื่อเข้ามามีส่วนในการช่วยเหลือป้องกันเหตุร้าย นอกจากนั้น ในส่วนของชุมชนต่างๆ ก็จะต้องช่วยกันสังเกตบุคคลแปลกหน้าที่เข้ามาในพื้นที่ให้ดี เพราะการที่คนร้ายจะเข้ามาก่อเหตุนั้นไม่ใช่เข้ามาก่อเหตุแล้วหนีออกไปเลย แต่คนเหล่านี้จะเข้ามาฝังตัวอยู่ในพื้นที่สักระยะหนึ่งก่อนถึงจะปฏิบัติการ และที่สำคัญเชื่อว่าคนเหล่านี้จะไม่สามารถปฏิบัติการได้ถ้าไม่ได้รับความร่วมมือจากคนในพื้นที่